ตอนที่ 4
ในขณะที่บนเรือนกำลังเคร่งเครียดเรื่องหาทางออกสำหรับวันพรุ่งนี้ เสียงตะโกนโหวกเหวกจากลูกบ้านคนหนึ่งก็ดังแว่วอยู่ที่หน้าเรือน กำนันทองถอนหายใจเรื่องบุตรสาวด้วยความกลัดกลุ้ม แล้วรีบชะโงกหน้าออกมาดูว่าใครมา
“มีคนมาหาจ้ะ พ่อกำนัน” ลูกบ้านคนเดิมชี้ไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ กำนันทองเพ่งพิจารณาคนที่มาถามหาตนด้วยความสงสัย
ชายวัยกลางคนเดินลงมาจากเรือนมาพบแขกหน้าใหม่ที่ไม่เคยรู้จัก ยิ่งดูใกล้ๆ ก็ยิ่งไม่รู้สึกคุ้นตา ท่าทางของคนที่มาเยือนน่าจะไม่ใช่คนที่นี่ เพราะรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคนอื่นค่อนข้างมาก
"มาหาข้า มีธุระอะไร" กำนันทองเอ่ยถาม พร้อมทั้งพิจารณาคนที่ยืนสบตาตนด้วยสายตานอบน้อม
“สวัสดีครับ อากำนัน ผมปกรณ์ลูกพ่อบวรครับ” ปกรณ์ยกมือไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่กว่า พร้อมทั้งเอ่ยแนะนำตัวเองให้กำนันทองรู้จัก
"คุณบวร" กำนันทองคุ้นชื่อนี้นัก เมื่อคิดทบทวนว่าชื่อนี้เคยได้ยินที่ไหนก็ถึงบางอ้อ
“คุณบวรอดีตชลประทานที่เคยมาที่หมู่บ้านเมื่อหลายปีก่อน จำได้แล้ว”
ข้าราชการใจดีมีน้ำใจคนนั้นนั่นเอง กำนันทองนึกออกแล้ว และพอเห็นเค้าหน้าของชายหนุ่มที่ยืนยิ้มรออยู่ ก็พอนึกได้ว่าเค้าโครงหน้าเช่นนี้เคยเห็นที่ไหน
"ไปๆ ขึ้นเรือนก่อน มีอะไรไปคุยกันข้างบน ขอบใจเอ็งมากไอ้เวก ข้ารู้แล้วพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร"
กำนันทองตะโกนเรียกนางจันทาให้มาต้อนรับแขก พร้อมทั้งหันไปขอบคุณลูกบ้านที่นำทางปกรณ์มาพบ ก่อนจะรีบตามขึ้นไปบนเรือนทันที
สองหนุ่มต่างวัยสนทนากันอยู่สักพักใหญ่ ปกรณ์บอกให้กำนันทองรู้ว่าบิดาระลึกถึงกำนันทองเสมอ เมื่อพูดคุยกันจนพอสมควรแล้ว ชายหนุ่มจึงขอตัวลากลับก่อน
“ผมลาล่ะครับ อากำนัน แล้วผมจะเรียนคุณพ่อให้ว่าอากำนันฝากความคิดถึงมาให้ท่าน" ปกรณ์ยกมือไหว้ลาอีกครั้ง
"ถ้ามีโอกาส ผมคงได้ไปเยี่ยมคุณบวรที่บ้านบ้าง"
"เชิญเลยครับ ถ้าไปเมื่อไรก็อย่าลืมบอกกันบ้าง หรือจะให้ผมมารับที่ไหนก็ได้" ชายหนุ่มอาสา
"ขอบคุณมาก แล้วนี่ไม่อยู่กินข้าวกินปลากันก่อนเหรอ กว่าจะถึงกรุงเทพฯเดี๋ยวก็หิวแย่"
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปทานที่โรงแรมง่ายกว่าจะได้เช็คเอ้าท์ออกเลย ไปถึงกรุงเทพฯจะได้ไม่ค่ำมาก” ปกรณ์ร่ำลาเพื่อนบิดาอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวลงจากเรือนไปทันที
แขกลงจากเรือนไปแล้วได้เวลาอาหารกลางวันพอดี นางจันทาลำเลียงกับข้าวมาวางตรงหน้ากำนันทองโดยมีกิ่งฟ้าเป็นลูกมือช่วย สองสามีภรรยาคุยถึงคนที่เพิ่งจากไปจนสาวน้อยที่อยู่ใกล้หูผึ่ง เมื่อรู้ว่าคนที่มาคือใคร
“เขาเป็นลูกชายคุณบวรที่เคยเป็นชลประทานที่นี่เมื่อหลายปีก่อนไง” กำนันทองเล่า
“อ๋อ จำได้แล้ว ชลประทานที่เคยมาขอความช่วยเหลือพี่น่ะเหรอจ้ะ” จันทานึกออกแล้ว จำได้ว่าเคยมีข้าราชการนิสัยดีเป็นเพื่อนกับสามีตน
“ใช่ เขาสั่งลูกชายมาว่าถ้าเราเดือดร้อนหรือมีอะไรให้ช่วยก็บอก เขายินดีจะช่วยเรา”
“ไอ้เราก็รับปากไปส่งๆ เพราะไม่รู้ว่าจะให้เขาช่วยอะไร” ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ไม่ใส่ใจกับความหวังดีของเพื่อนเก่านัก
ในขณะที่กิ่งฟ้าไม่คิดเช่นนั้น ความหวังดีของเพื่อนเก่าอาจช่วยแก้ปัญหาที่ตนเผชิญอยู่ในเวลานี้ก็ได้ ในเมื่ออยู่ที่นี่ก็รังแต่จะถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ถ้าหากว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ ก็เท่ากับว่าสัญญาเดิมพันโหดร้ายนั่นก็จะหมดไปเช่นกัน ดังนั้น
“ใครว่าเราไม่มีเรื่องให้ช่วย” กิ่งฟ้าหันหน้ามาหาบิดาทันที
“พ่อต้องช่วยฉันนะ" น้ำเสียงบุตรสาวจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
"เรื่องอะไรล่ะ"
“ก็เรื่องคุณชลประทานอะไรของพ่อไง เขายินดีให้ความช่วยเหลือเราใช่ไหม” กิ่งฟ้าเท้าความ
“อืม แล้วยังไง ก็ข้าไม่มีเรื่องอะไรจะให้เขาช่วยนี่หว่า” กำนันทองโบกมือส่ายหน้า คนอย่างกำนันทองถ้าไม่เข้าตาจนจริง ไม่มีวันขอความช่วยเหลือใครแน่
“แต่ฉันมีและพ่อต้องช่วยกันด้วย”
"อะไรของเอ็ง" กำนันทองไม่เข้าใจที่บุตรสาวพูด
"พ่อต้องเขียนจดหมายฝากงานให้ฉัน ฉันจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ"
“หา อะไรนะ ทำงานที่กรุงเทพฯ” เสียงกำนันทองและจันทาอุทานพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"นะ หนูกิ่งจะไปทำงานเหรอลูก" นางจันทาเอ่ยถามก่อน
"เอ็งจะกลับไปกรุงเทพฯทำไม งานการบ้านเรามีตั้งเยอะแยะทำไมไม่สมัคร" กำนันทองไม่อยากให้ลูกสาวไปไกล
"แต่ฉันจะไป และจะไม่กลับมาจนกว่า..."
"จนกว่าอะไรจ้ะ หนูกิ่ง" นางจันทาใจหายเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของลูกเลี้ยง หวังว่าคงไม่ใช่เพราะเรื่องถูกบังคับให้แต่งงานหรอกนะ ถึงทำให้กิ่งฟ้าคิดไปไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนได้
“จนกว่าไอ้ชาติชายมันจะแต่งงานมีลูกมีเมีย หรือไม่ก็บวชเป็นพระไม่สึกตลอดชีวิต ฉันถึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง"
"หา..." สองสามีภรรยาอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ
"นังกิ่ง เอ็งจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ใจคอเอ็งไม่คิดถึงพ่อแม่เลยใช่ไหมว่าแก่แล้วจะอยู่อย่างไร เอ็งจะใจดำทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ" กำนันโอดครวญ
"หนูกิ่งค่อยๆ ตัดสินใจดีไหมลูก เรื่องชาติชายบางที..." นางจันทาพยายามโน้มน้าวใจกิ่งฟ้า แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
"ฉันไม่เจรจากับมันแล้ว พ่อ เรื่องนี้พ่อต้องช่วยฉัน" กิ่งฟ้าตัดบทเรื่องชาติชายแล้วหันมาหากำนันทองต่อ
“พ่อเขียนจดหมายฝากงานให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะรีบไปเก็บของ ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ที่โรงแรมในเมืองใช่ไหม ดีเลย งั้นฉันจะรีบไปเจอจะได้ไปพร้อมกันวันนี้" กิ่งฟ้ารีบลุกขึ้น
"ข้าไม่เขียน" กำนันทองโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"เอ็งไม่ต้องกลับไปกรุงเทพฯนังกิ่ง ถ้าอยากทำงานก็ทำที่บ้านเรา ถ้าไม่อยากแต่งงานพรุ่งนี้ข้าจะพูดกับไอ้ชาติชายเองว่าเอ็งยังไม่พร้อม ให้เลื่อนออกไปก่อนไ
หัวอกคนเป็นพ่อไม่อยากให้ลูกห่างไกลตัว กำนันทองยอมเจรจาเลื่อนการแต่งงานออกไป เพื่อหวังให้กิ่งฟ้ายอมอยู่บ้านไม่ไปกรุงเทพฯ แต่ว่าทุกอย่างช้าไปเสียแล้ว เมื่อกิ่งฟ้ายื่นคำขาดว่า
"ถ้าพ่อไม่เขียนจดหมายฝากงาน ฉันก็ไม่ว่า แต่ฉันก็จะเข้ากรุงเทพฯไปอยู่ที่อื่น และจะไม่กลับมาให้พ่อเห็นหน้าอีกตลอดชีวิต พ่ออยากให้ฉันทำแบบนั้นไหมล่ะ"
"หนูกิ่ง" นางจันทาน้ำตาคลอเบ้าเมื่อลูกเลี้ยงยื่นคำขาดที่ทำให้หัวใจนางสลาย
"พี่กำนัน เขียนเดี๋ยวนี้เลยนะ"
กิ่งฟ้ายิ้มออก เมื่อนางจันทาหันไปบังคับสามีให้เขียนจดหมายฝากงานตามที่กิ่งฟ้าต้องการ กำนันผู้ยิ่งใหญ่ของหมู่บ้านจำใจต้องร่างจดหมายฝากฝังลูกสาวตามคำสั่งแกมบังคับของเมียและลูก ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจทั้งคู่ งานนี้กำนันทองพูดไม่ออกและจำต้องทำตามทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้กิ่งฟ้าหายหน้าไปจากชีวิตอย่างที่ขู่ไว้แต่แรก
หน้าโรงแรมห้าดาวของจังหวัดอุดรธานี
กิ่งฟ้าเหมารถสองแถวให้มาส่งที่หน้าโรงแรม หวังว่าจะมาทันปกรณ์ซึ่งคงจะยังไม่ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ กว่าที่พ่อกำนันสุดที่รักจะยอมเขียนจดหมายตามคำขอให้ นางจันทาและกิ่งฟ้าต้องอ้อนวอนกึ่งบังคับหลอกล่อสารพัดเพื่อให้ได้จดหมายฉบับนี้มา
“ดิฉันมาขอพบคุณปกรณ์ค่ะ" สาวน้อยตรงเข้าไปแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบ
"สักครู่นะคะ" ประชาสัมพันธ์คนดังกล่าวกดโทรศัพท์ต่อไปยังห้องพักของชายหนุ่ม โดยมีสายตาที่มองทุกอิริยาบถด้วยใจระทึก หวังว่าเธอจะมาทัน เขาคงยังไม่เดินทางกลับกรุงเทพฯหรอกนะ
ปกรณ์ยังไม่กลับกรุงเทพฯ ชายหนุ่มกลับเข้ามารับประทานอาหารกลางวันและเตรียมเก็บข้าวของเพื่อจะเดินทางในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว เขาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมว่ามีคนมาขอพบ แถมเป็นผู้หญิงเสียด้วย
