ตอนที่ 2
“เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่คะ พ่อ ทำไมต้องเอาลูกตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย" กิ่งฟ้าหันมาถามด้วยความข้องใจ
“เอ็งจะให้พ่อทำอย่างไร ปีนั้นมันแล้งจริงๆ นี่หว่า ทางการก็ไม่ได้ช่วยเรามากเท่าไร ชาวบ้านจะอดตายกันอยู่แล้ว แต่ว่าทุ่งบ้านขามปลูกข้าวขึ้นเอาๆ แล้วเอ็งจะให้ข้าทำอย่างไร ให้ข้าดูลูกบ้านเป็นหนี้กันหมดตัวหรือหนีหายเข้าไปในกรุงทิ้งบ้านไว้กับคนแก่และเด็กเหรอ นังกิ่ง”
กำนันทองรู้ตัวว่าผิดที่ไม่คิดให้รอบคอบ แต่ด้วยหัวใจของกำนันที่รักลูกบ้านยิ่งชีวิต เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนั้นอะไรก็ได้ที่ให้ลูกบ้านมีทางรอด เขายินดีจะสละให้แม้แต่การเอาชื่อกิ่งฟ้าไปเป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายช่วยปลูกข้าวให้
“แล้วทำไมไม่เอาเรื่องอื่นเป็นเดิมพัน เอาลูกตัวเองไปเกี่ยวข้องด้วยทำไมกันล่ะ พ่อ" กิ่งฟ้าไม่เข้าใจอยู่ดี
หมู่บ้านแล้งจนปลูกข้าวไม่ขึ้นทางการมาช่วยไม่ทันเวลา ก็เป็นหน้าที่กำนันผู้ใหญ่ที่ต้องวิ่งเต้นทำทุกทางให้ลูกบ้านอยู่รอด แต่การเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันแบบนี้ มันไม่เข้าท่า ไม่ว่าอย่างไรกิ่งฟ้าก็ไม่อาจยอมรับเงื่อนไขครั้งนี้ได้ และจะไม่มีวันยอมทำตามแน่ๆ
“ก็ทางโน้นเขาบอกข้าว่า ถ้าช่วยให้เราปลูกข้าวขึ้นได้ เขาไม่ขออะไรแค่ขอให้เอ็งยอมแต่งงานกับลูกชายเขาเท่านั้น ข้าก็เห็นว่าไอ้ชาติมันก็เป็นคนดีไม่ได้ชั่วร้ายอะไร อีกอย่างมันก็อีกตั้งนานกว่าเอ็งจะเรียนจบกลับมา ตอนนั้นข้าก็คิดว่ากว่าเอ็งจะมาไอ้ชาติชายมันอาจจะมีเมียมีลูกไปแล้วก็ได้ ไม่คิดว่ามันจะรอเอ็งจนถึงวันนี้”
สายตาชายวัยกลางคนก้มลงมองต่ำ ไม่กล้าสู้หน้าบุตรสารเพราะรู้เต็มอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นกำลังจะสร้างปัญหาใหญ่ตามมาแน่
“แล้วตอนนี้ชาวบ้านปลูกข้าวได้เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือว่ายังต้องให้พวกหมู่บ้านโน้นช่วยอีก” ถึงจะไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ แต่กิ่งฟ้าก็ยังมีแก่ใจถามถึงลูกบ้านที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
“ปีนั้นเราผ่านไปได้เพราะเอาเรื่องการแต่งงานมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ปีถัดมาก็มีโครงการฝนหลวงเอย โครงการชลประทานเอย โอ้ย! อีกหลายโครงการเข้ามาช่วย จนตอนนี้เราไม่ต้องให้ทุ่งบ้านขามเข้ามาช่วยแล้วจ้ะ” จันทาอธิบายแทน
“งั้นเรื่องเดิมพันบ้านี่ เราก็ยกเลิกได้แล้วใช่ไหมคะ พ่อ” กิ่งฟ้าหันมาหาบิดา
ในเมื่อชาวบ้านอยู่ดีกินดีมีโครงการของหลวงมาช่วย ไม่ต้องอาศัยที่พึ่งจากคนอื่นอีกแล้ว เรื่องที่เคยพูดกันไว้ก็น่าจะเจรจากันได้ เพียงแต่ชาติชายจะยอมหรือเปล่า เท่านั้นเอง
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ รู้แต่ว่าพรุ่งนี้ไอ้ชาติชายมันจะมาหาเอ็งอีก แล้วค่อยคุยกับมันอีกทีแล้วกัน” กำนันทองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้อง ท่ามกลางสายตาที่มองตามด้วยความห่วงใยของจันทา
ส่วนกิ่งฟ้า ความหนักใจทั้งหมดมาอยู่ที่เธอ พูดกับใครในโลกนี้ต่อให้เป็นคนใบ้หูหนวก ยังจะพูดรู้เรื่องกว่าพูดกับลูกชายกำนันทุ่งบ้านขามเสียอีก เห็นทีว่าเธอคงต้องคิดหาทางออกให้กับตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ เพราะไม่ว่าอย่างไรกิ่งฟ้าก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับชาติชายแน่ๆ
โรงแรมประจำจังหวัด
เสียงโทรทัศน์ดังลั่นห้องร่างสูงที่นอนเอนกเขนกอยู่บนโซฟา กดรีโมตเลื่อนดูช่องรายการไปเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์ เขาเริ่มชินกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของจังหวัดนี้ แม้ว่าเพิ่งจะมาอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ และวันพรุ่งนี้ชีวิตของนายปกรณ์ วงศ์บริบูรณ์กำลังจะกลับไปสู่แสงสีเมืองศิวิไลซ์ที่จากมา กรุงเทพมหานคร
"ครับพ่อ" ปกรณ์รับโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัว
"เป็นไง เรียบร้อยไหม เจ้ากรณ์" บิดาถามไถ่ด้วยความห่วงใย
"เรียบร้อยครับ ไม่มีปัญหา ผมซะอย่างลูกคุณบวรจะผิดพลาดได้อย่างไร" ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างมีความสุข
เขามาทำงานที่ต่างจังหวัดตามคำสั่งของบิดา ไซต์งานที่นี้มีปัญหาเล็กน้อยต้องเร่งแก้ไข ครอบครัววงศ์บริบูรณ์เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างจนมีชื่อเสียง ปกรณ์ถือเป็นผู้สืบทอดกิจการโดยตรงเพราะเป็นบุตรชายคนเดียว
"ดีมาก แล้วจะกลับวันไหน แม่แกโทร.มาถามพ่อทุกวัน"
ปกรณ์ยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงใบหน้ามารดาซึ่งตอนนี้ไปท่องเที่ยวอยู่ที่อีกจังหวัดหนึ่ง บิดาคงเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวทั้งอาทิตย์จึงส่งเสียงปลายสายมาหาเขาทุกค่ำคืนเช่นนี้
"พรุ่งนี้เช้าผมจะขับรถกลับครับ พ่ออยากได้อะไรไหม ผมจะแวะซื้อให้"
"ไม่ต้อง เออ ช่วยไปทำธุระให้พ่อหน่อยได้ไหม"
"อะไรครับ พ่อจะให้ผมทำอะไร" ปกรณ์ถามด้วยความกระตือรือร้น
"ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าให้พ่อที
“เพื่อนพ่อคนไหนครับ” เขาไม่รู้มาก่อนว่าบิดามีเรื่องอยู่ที่นี่ด้วย
“กำนันทอง เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานแล้วแต่ไม่ได้เจอหลายปี ได้ข่าวว่าตอนนี้ได้เป็นกำนันดีเด่นสามปีซ้อน แกแวะไปเยี่ยมให้พ่อหน่อย บอกว่าพ่อคิดถึงถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้”
“เพื่อนพ่ออยู่ที่ไหนครับ...ได้ครับ ผมจัดการให้ แล้วพรุ่งนี้เจอกันครับพ่อ”
ปกรณ์จดที่อยู่ของกำนันทองตามที่คุณบวรบอกไว้บนกระดาษ บ้านทุ่ง ทุ่งอะไร สงสัยจะอยู่ไกลมาก ถามพนักงานที่นี่ก็คงจะรู้ ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นปิดโทรทัศน์เตรียมเข้านอน พรุ่งนี้เช้าคงได้รู้จักว่าบ้านทุ่งนี้ คือที่ไหน
เสียงแตรวงดังลั่นอยู่ที่หน้าบ้านของกำนันทอง กิ่งฟ้าลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความโมโห ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร หญิงสาวรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยพร้อมจะรับมือกับเรื่องนี้ด้วยตนเองแล้ว
คณะแตรวงที่กำลังบรรเลงกันอย่างสนุกสนานหน้าบ้านของกำนันทอง มีจำนวนคนเพิ่มมากกว่าเมื่อวานถึงสองเท่า แน่นอนว่าผู้นำขบวนยังคงเป็นชาติชายคนเดิม และมีชายวัยกลางคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังราวกับว่าสนับสนุนการกระทำของบุตรชายทุกประการ
“เสียงอะไรดังหนวกหู ไม่เกรงใจกันบ้างหรือไง” นางจันทาชะโงกหน้ามาดูก่อนใครเพื่อน
“พวกเอ็งมาทำอะไรกันหน้าบ้านข้า" กำนันทองชะโงกหน้ามาถาม แค่เห็นจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ชายวัยกลางคนก็รู้แล้วว่าท่าทางวันนี้อีกฝ่ายคงเอาจริงแน่ เห็นทีว่าคงต้องพูดกันให้เด็ดขาด จะได้จบเรื่องกันเสียที
“ฉันพาพ่อมาขอน้องกิ่งฟ้าโฉมยงค์คนสวยของฉันนะจ้ะ อากำนัน” ชาติชายตอบด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
“เอ็งว่าอะไรนะไอ้ชาติ พูดใหม่อีกทีซิ ข้าได้ยินไม่ถนัด เอ็งว่าเอ็งจะมาขอใครนะ” กำนันทองทวนคำถามอีกครั้ง
มันจะรวดเร็วปานสายฟ้าแล่ปอะไรเช่นนี้ มาถึงก็จะมาขอลูกสาวกันดื้อๆ เลยงั้นหรือ งานนี้มีหวังไม่ใครก็ใครคงได้เจ็บตัวหรือพังกันไปข้างหนึ่งแน่ กำนันทองทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอให้กิ่งฟ้ามาจัดการเรื่องนี้เองตามที่ตกลงกันไว้
“ฉันพาพ่อมาขอน้องกิ่งฟ้า ลูกสาวอากำนันยังไงล่ะ” ชาติชายตะโกนลั่นให้ทุกคนได้ยินทั่วหน้า
เสียงแตรวงบรรเลงเพลงแต่งงานดังขึ้นอีกครั้ง คณะนางรำฟ้อนกันอย่างสนุกสนาน สีหน้าคนอยากมีเมียรอคอยอย่างมีความหวังเหลือเกินว่าเมื่อไร จะได้เห็นหน้าแม่ยอดขมองอิ่ม
"เอาไงดี พี่กำนัน หนูกิ่งไม่ยอมแน่ๆ" จันทากระซิบถาม
"เอ็งจะให้ข้าทำไงล่ะ เมื่อวานนังกิ่งมันก็ยืนยันแล้วว่า ให้ตายมันก็ไม่แต่ง"
กำนันทองไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อวานทั้งวันพยายามโน้มน้าวให้บุตรสาวเปลี่ยนใจ ยอมทำตามเดิมพันพิเศษที่ตนได้ให้สัญญาไว้ แต่กิ่งฟ้าก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยอมแต่งงานกับชาติชายแน่
“พ่อรีบบอกให้ไอ้ชาติชายกลับไปเลยนะ ฉันไม่มีวันยอมแต่งงานกับมันแน่ ไม่งั้นพ่อจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกเลยตลอดชีวิตนะ” กิ่งฟ้าเปิดประตูห้องออกมาพูดกับกำนันทองที่ได้แต่ยืนมองกับนางจันทาตาปริบๆ
"ตกลงเอ็งไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม นังกิ่ง" บิดาหันมาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ไม่" กิ่งฟ้าตอบทันควัน
