สะบายดี ครั้งที่ 3: เมาหลับ[2/1]
ผมกะว่าวันนี้จะพักสักวันเพราะเมื่อวานรู้สึกว่าใช้พลังงานไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว แต่พอลงมากินมื้อเช้าที่ทางเกสต์เฮ้าส์จัดไว้ให้ ผมก็ต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่อยากจะเจออีก
มันคือปั้นรัก...
เออ วันนี้มันไม่ได้ดูรกหูรกตาหรอก ไปตัดผม โกนหนวดเคราแล้วเหมือนเงาะถอดรูป หล่อเหลาน่ารัก แต่จะดีมากถ้าผมไม่ขัดใจกับแฟชั่นชุดนอนของมัน
เสื้อกล้ามกับผ้าขาวม้า...
เหมือนเดิมแบบเมื่อวานเป๊ะๆ อะไรไม่ว่า แม่งนั่งกินข้าวไป ยกขาขึ้นมาวางบนเก้าอี้ โชว์ไข่อยู่ตรงหน้าให้ผมกระเดือกของกินไม่ลงอีกละ เหมือนมันตั้งใจโชว์อะ พอเห็นผมนั่งตรงไหน มันก็ต้องมานั่งลงที่โต๊ะตัวหน้าแล้วก็โชว์อะไรต่อมิอะไรให้ผมเห็น ถ้าไม่ติดว่ามันกวนโอ๊ย แถมมีความประทับใจแรกพบไม่ค่อยดี ผมคงแอบคิดว่ามันอ่อยผมเป็นนัยๆ ไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่...มันจงใจกวนชัดๆ
คราวนี้มันเหมือนรู้ด้วยนะว่าผมมองมันอยู่ มันผละสายตาจากแท็บเล็ตในมือมามองหน้าผม ก่อนจะพึมพำให้พอจับใจความได้ว่า ‘เบิ่งหยัง เบิ่งไข่เฮาแม่นบ่?’ แล้วแทนที่มันรู้ตัวแล้วก็น่าจะรีบเอาขาลงไปไว้บนพื้นดีๆ ดันแหกแข้งแหกขาให้ผมเห็นชัดมากกว่าเดิม ถึงจะมีบ็อกเซอร์ แต่บอกเลย... แม่งไม่ได้เจริญหูเจริญตาสักนิด!
ยอมรับว่าผมค่อนข้างจะอคติกับมัน ต่อให้มันหล่อน่าปล้ำขึ้นมาจากเดิมเป็นล้านเท่า แต่ผมก็ไม่พิศวาสมันเลยแม้แต่น้อย อดสงสัยคุณแอนไม่ได้ด้วยว่าทำไมถึงได้ให้มันมาเป็นไกด์ให้ผม จะอ้างว่าเพราะอยากเห็นลูกชายทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่น่าจะใช้เหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอละ ปั้นรักดูไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยสักนิด
หรือว่าจะเป็นเพราะเห็นผมเป็นคนคุยง่าย?
แต่จะอะไรก็เอาเถอะ ผมไม่ถือสาอยู่แล้ว นิสัยผมก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ค่อยอยากมีปัญหาอะไรกับใครถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องจวนตัวจริงๆ ไม่แปลกเลยถ้าพี่ชายและน้องชายผมจะพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าผมเป็นพวกไม่หือไม่อือกับใคร
ความจริงไม่ใช่หรอก ผมก็หือก็อือนะ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมไปจีบ ‘คนคนนั้น’ แล้วอกหักมา ไปตื๊อไปตามอยู่ตั้งหลายรอบ พอเขาแสดงออกว่าไม่เล่นด้วยชัดเจน ผมถึงได้มาเลียแผลใจอย่างที่เห็นนี่ไง
กลับมาเข้าเรื่องปั้นรักอีกที พอผมเห็นมันทำอย่างนั้น ผมก็รู้เลยว่ามันจงใจกวนประสาท อันที่จริงผมควรลุกขึ้นไปต่อยหรือไปฟ้องคุณแอน แต่สิ่งที่ผมเลือกจะทำก็คือลุกออกจากโต๊ะนั่นแล้วขึ้นไปเอากระเป๋าเป้ที่ห้องพัก ก่อนจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกแทน
ว่ากันว่ามาเที่ยวเวียงจันทน์ต้องไปหาของกินท้องถิ่นที่ตลาดเช้า ผมเลยเดินมาตรงแถวๆ ขนส่งเพื่อหาอะไรยาไส้ ร้านขายขนมปังที่มีคนรุมล้อมอยู่สองสามร้านเตะตาผมเป็นอันดับแรก มันเป็นร้านขายขนมปังบาแก็ตหรือขนมปังฝรั่งเศสที่เอามาผ่ากลางตามแนวยาว แล้วก็ใส่พวกผักชี แตงกวา แฮม หมูยอ หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่แต่ละร้านจะรังสรรค์ ขนมปังแบบนี้คนลาวเรียกกันว่าข้าวจี่ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปซื้อ สนนราคาอันละยี่สิบบาทซึ่งถือว่าไม่แพง จากนั้นผมก็เดินไปหาร้านกาแฟนั่ง
แน่นอนว่าคนลุยๆ อย่างผมไม่ไปนั่งร้านกาแฟติดแอร์อะไรแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะร้านกาแฟที่ผมต้องการไปเยือนคือร้านกาแฟอารมณ์เหมือนร้านอาแปะขายปาท่องโก๋แถวบ้าน นั่งลงบนเก้าอี้ไม้แบบกลมได้ก็สั่งกาแฟลาวมาลองชิมแก้วนึง ผมไม่ใช่คอกาแฟเลยไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยหรือเปล่า แต่การได้มานั่งชมบรรยากาศและวิถีความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่มันทำให้ผมผ่อนคลายอารมณ์ขุ่นมัวได้เป็นอย่างมาก นับว่ามื้อเช้าวันนี้เป็นมื้อที่ทำให้ผมสดชื่นมากเลยทีเดียวจนเผลอคิดไปว่าความจริงแล้วผมไม่จำเป็นต้องมีไกด์ทัวร์ก็ได้นะ ไปเที่ยวเองก็ไม่น่าจะมีปัญหา แค่อาจจะลำบากนิดหน่อยตรงที่ต้องระวังเรื่องถูกโกงหรือโก่งราคา
ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธคุณแอนยังไงดี ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าปฏิเสธคน แต่พอถูกคนอาวุโสกว่าขอร้อง ผมก็ดันใจอ่อนน่ะ
ถ้าพื้นฐานไม่ได้เป็นคนใจดีและใจเย็น ป่านนี้ผมย้ายเกสต์เฮ้าส์ แถมด้วยต่อยหน้าปั้นรักให้หายหมั่นไส้ไปแล้ว
พยายามไม่คิดถึงเรื่องไอ้ไกด์ผีนั่น ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ นี้ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะต้องเบนความสนใจมายังโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเมื่อจู่ๆ พวกกลุ่มเพื่อนของน้องชายก็ส่งข้อความมา
ใช่ กลุ่มเพื่อนของน้องชายซึ่งผมหมายถึงจอมแก่นนั่นแหละ ประกอบไปด้วยจอมเจ้าชู้อย่างไอ้โรม เด็กเกเรอย่างไอ้ธาร แล้วก็สาวน้อยวัยแรกแย้มแต่ตัวเท่าหมีควายอย่างไอ้ไม้ที่มักชอบเรียกตัวเองว่าน้องมายด์ ผมสนิทกับเด็กๆ กลุ่มนี้เพราะว่าจอมแก่นกับโรมและธารโตมาด้วยกันเนื่องจากแม่ผมกับแม่ของโรมเคยทำงานที่บ้านของธาร ผมเลยเห็นพวกมันมาตั้งแต่เด็กๆ ซ้ำสมัยนั้นยังเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกมันด้วย ส่วนไอ้ไม้นี่เพิ่งจะมารู้จักตอนที่จอมแก่นเข้าเรียนในโรงเรียนช่างที่จังหวัดบ้านเกิดผม ปกติแล้วเวลามีอะไร พวกมันก็ชอบคุยกันในนี้ ผมเองก็ร่วมจอยด้วยอย่างสนุกสนาน เว้นเสียแต่ครั้งนี้ที่ผมไม่สนุกด้วยเลยเมื่อจู่ๆ ไอ้ไม้ก็ส่งรูปคู่ของใครบางคนเข้ามา
มันเป็นรูปของธารใจ เพื่อนน้องชายผมเอง กับรูปของคนที่ผม...รัก
แสงเหนือ...
เป็นรูปที่ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันทำท่าเหมือนจะจูบ พร้อมกับคำค่อนแคะของไอ้ไม้ที่หมั่นไส้เพื่อนจนต้องเอามานินทาเพื่อหาแนวร่วมหมั่นไส้ แต่ไม่มีใครเข้าข้างมันนอกจากหาว่ามันยุ่งไม่เข้าเรื่อง ผมควรจะตลกกับคำพูดของพวกน้องๆ แต่ผมกลับยิ้มไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว ในใจปวดแปลบขึ้นมาเมื่อจับจ้องไปยังรูปนั้น
ผมก็รู้แหละว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน และผมก็ยินดีที่ได้เห็นคนที่ผมรักทั้งสองคนมีความสุขกันดี แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทนดูรูปนั้นไม่ได้ พอเห็นแล้วผมก็ตัดสินใจจะออกจากห้องแชทนั้น ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำตามที่ตั้งใจ หูก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นมาจากหน้าร้าน
“เอ้า มาอยู่ที่นี่เอง ก็นึกว่าหายไปไหน หาตั้งนาน”
หันไปก็เห็นว่าเป็นปั้นรัก คราวนี้พูดภาษาไทยละ
จากที่เจ็บปวดรวดร้าวเมื่อกี้นี้ ตอนนี้ปวดหัวขึ้นมาตงิดๆ ไอ้ปั้นรักมันเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษมาก แค่ได้ยินชื่อมัน ผมก็ปวดหัวได้แล้ว
“แล้วนี่นั่งทำอะไรน่ะ”
“กินข้าวเช้า” ผมว่าเสียงเรียบ
“ทำไมไม่กินที่เกสต์เฮ้าส์” มันถามอีก
ผมก็อยากจะบอกมันอยู่หรอกว่า ‘กูจะไปกินลงได้ยังไง มึงนั่งโชว์ไข่ให้เห็นจะๆ อย่างนั้นน่ะ’ แต่ไม่ทันจะได้พูดเลย ปั้นรักที่ถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะกับผมโดยไม่ขออนุญาตก่อนก็ชะโงกหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือผม
“แล้วนี่ทำอะไร ดู porn?”
ผมย่นคิ้ว บอกตามตรง...แปลไม่ได้
“คือ?”
“ง่อว์ เกย์ porn บ่?” มันถามมาอีก
ผมยังคงอยู่ แต่เข้าใจว่ามันกำลังเข้าใจผิด
“ไม่ใช่ นี่มัน...” กำลังจะอธิบายว่ารูปที่มันเห็นเป็นรูปของเพื่อนน้องชายกับแฟน แต่ปั้นรักก็ทำสูดปาก เอามือลูบก้นตัวเองป้อยๆ
“เสียวดากเด้”
มึงคิดอะไรของมึงอยู่เนี่ย!
“หยุดคิดไร้สาระเลย” ผมว่าขัดออกมา
ปั้นรักเลยหยุดการกระทำนั้นได้
“แล้วนั่นรูปใครอะ ไม่ใช่ Adult movie actor?”
มันถามมา พูดไทย พูดลาว พูดอังกฤษปนกันมั่วไปหมดจนผมปวดหัวไปหมด แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะว่ามันคิดอะไรจากคำว่า Adult movie
“ใช่ที่ไหนล่ะคุณ นั่นมันรูปน้องผมกับแฟนมัน”
“อ๋อ กลุ่มเพื่อนเกย์”
มันน่าจะขนมปังบาแก็ตฟาดหน้านัก!
“ตกลงยูเป็นเกย์จริงๆ ใช่ปะ” แถมตอนนี้ก็ไม่เรียกแทนผมว่า ‘คุณ’ อย่างเมื่อวานแล้วด้วย
ผมไม่อยากจะถามหาเหตุผลมันหรอกว่ามาทำตัวสนิทสนมกับผมทำไม แค่อยากให้มันหุบปากมากกว่า
เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำกูปวดกบาลนะเว้ย!
“ผมเป็นเกย์แล้วมันมีปัญหาอะไร” ผมกระชากเสียงหน่อยๆ บอกให้มันรู้เลยว่าผมรำคาญและไม่พอใจด้วยที่มันมาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวอย่างนี้
แต่ปั้นรักยังไม่หยุด ร้องออกมา “นั่นไง ผิดไปจากที่คิดซะที่ไหน”
ผมกลอกตาทันควัน
“แล้วนั่นคงไม่ใช่รูปน้องล่ะมั้ง รูปแฟนเก่ากับชู้รักอะดิถึงได้ทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ดตอนดูรูปนั่น”
แม่งพูดแทงใจดำจึ้กเลย ถึงจะไม่ใช่อย่างที่มันพูด แต่ก็ทำให้ผมหัวเสียได้
มึงสะกดคำว่ามารยาทเป็นบ้างไหมเนี่ย!
“ผมกลับละ”
อันที่จริงน่าจะด่ามันสักที แต่ไม่เอาดีกว่า แค่นี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว ผมอยากกลับไปนอนคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวมากกว่า หากแต่พอผมลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่ากาแฟและเดินออกมานอกร้าน ปั้นรักก็รีบเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวกลับพร้อมไอ” เรียกแทนตัวเองว่า ‘ไอ’ ด้วย ตีสนิทสุดๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเดินกลับเอง” ผมว่า
“เอาน่า ไปด้วยกัน ปล่อยคนอกหักไปไหนมาไหนคนเดียวได้ไง เดี๋ยวไปโดดแม่น้ำโขงตายก็ลำบากชาวบ้านกันพอดี”
มึงเห็นกูเป็นคนยังไงกันเนี่ย...
แต่ผมก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไร เอาวะ กลับด้วยก็กลับ ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดแล้ว
ทว่าการที่ผมตัดสินใจกลับมาที่เกสต์เฮ้าส์พร้อมกับมันเหมือนเป็นการตัดสินใจที่โคตรจะผิดเลย เพราะตอนขามา มันดันไหว้วานเด็กที่เกสต์เฮ้าส์ให้ถีบมอเตอร์ไซค์เก่าเก็บของมันมาที่ร้านซ่อมในตลาด พอซ่อมเสร็จ ขากลับก็เลยขี่ไอ้แก่คันนั้นกลับ เครื่องไม่มีปัญหา มามีปัญหาตรงที่...ยางแตก!
มึงขายๆ ทิ้งร้านรับซื้อของเก่าไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยไป!
เหนื่อยใจก็เหนื่อย ยังจะต้องมาหัวเสียเรื่องไอ้บ้าปั้นรักอีก ดีนะที่กลับมาถึงที่หมายได้โดยสวัสดิภาพ พอถึงห้องได้ ผมก็ตัดการติดต่อทุกอย่าง ขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อตั้งสติให้ไม่คิดถึงผู้ชายคนที่ทำให้ผมเจ็บหัวใจอย่างนี้ ทว่าต่อให้พยายามแค่ไหน ผมก็อดนึกถึงภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ทำไมนะ... ทำไมคนที่เขาเลือกถึงไม่ใช่ผม?
นอนนิ่งๆ มองเพดานห้อง น้ำตาก็ไหลออกจากหางตาโดยไม่รู้ตัว ผมเกือบจะปล่อยให้ความรู้สึกตัวเองจมดิ่งอยู่แล้วถ้าหากว่าหูไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ไม่ต้องบอกผมก็เดาได้ว่าเป็นฝีมือของปั้นรัก
“เฮ้ยู! นอนอยู่บ่?”
นั่นไง เสียงมันจริงๆ ด้วย
ผมลุกขึ้นนั่ง ปาดหยาดน้ำตาที่เปรอะหน้าออกอย่างลวกๆ แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู
“มีอะไรเหรอครับ” เปิดออกมาเจอหน้าไอ้กวนประสาทนั่นได้ ผมก็ร้องถาม
“จะมาถามว่าเย็นนี้จะกินอะไร ไอจะได้ไปบอกให้พนักงานเตรียมให้”
ผมรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าขังตัวเองอยู่ในห้องนานเท่าไหร่แล้ว แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเท่ากับการย่นคิ้วถามปั้นรัก
“เมื่อวานนี้ก็ชดเชยให้ไปแล้วนี่”
ผมหมายถึงที่คุณแอนเลี้ยงข้าวเย็นผมเพราะปั้นรักไปทำผมลำบาก แต่วันนี้ก็จะมาเลี้ยงข้าวผมอีก
เพื่ออะไร?
“วันนี้ไม่ได้ชดเชย”
“หืม?”
“แต่ไอจะเลี้ยงยู ปลอบใจที่ยูอกหัก”
อ๋อ...
ผมควรจะดีใจไหมที่มันพูดอย่างนี้ ดูเหมือนมันจะพยายามเอาใจผม เห็นอกเห็นใจ หรือจะสมเพชอะไรก็แล้วแต่ แน่นอนว่าผมไม่อยากไปกับมัน
“ไม่เป็นไร ผมไม่หิว”
“เอาน่า ไปเถอะ เดี๋ยวไอเลี้ยง”
ไม่พูดอย่างเดียว พยายามจะลากผมออกจากห้องด้วยการถลาเข้ามากอดคอด้วย
ไอ้นี่... ลามปามละ
ผมควรจะรู้สึกดีอยู่หรอกที่ผู้ชายหน้าตาตรงสเปกอย่างมันโผล่มาถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้ แต่เพราะมันเป็นปั้นรักไง ผมเลยไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
“ไม่ไป...”
“ไปนั่งบาร์ก็ได้ อกหักก็ต้องไปดื่ม เดี๋ยวไอไปดื่มเป็นเพื่อน”
กำลังจะปฏิเสธ มันก็พูดออกมาอีก หันไปมองก็เห็นมันส่งยิ้มมาให้ ผมเลยถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้
“ก็ได้ๆ แต่อย่าดึกนะครับ ผมไม่อยากนอนดึก”
ปั้นรักทำหน้าทำตาทะเล้นใส่
“ฮ่วย อนามัยแท้”
อันที่จริงที่จะกลับมาไวๆ ก็เพราะกูไม่อยากจะใช้เวลาอยู่กับมึงต่างหาก!
แต่ปั้นรักไม่ฟังอะไรแล้วล่ะ แค่ผมตอบตกลง มันก็ลากผมออกจากห้องทันที
“ไปๆ เล็ตสะโกโลด”
ชูไม้ชูมือเป็นสัญญาณว่าให้รีบไป ผมเหลือบมองมันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
เอาเถอะ ไปกับไอ้บ้านี่ก็ยังดีกว่าขังตัวเองอยู่ในห้อง ครุ่นคิดเรื่องที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดไม่หยุดก็แล้วกัน
บาร์แถวๆ เกสต์เฮ้าส์เป็นจุดหมายของพวกเรา... ไม่สิ ไม่ใช่พวกเรา เป็นของปั้นรักมากกว่า ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะพาผมไปดื่มที่ไหน ให้สิทธิ์มันเลือกเต็มที่ มันเลยเลือกร้านที่มีฝรั่งเยอะยั้วเยี้ยไปหมดโดยมันให้เหตุผลว่า...
“ไอคุ้นชินกับพวกฝรั่งมากกว่า อยู่ด้วยแล้วไม่เกร็งดี”
ผมก็เข้าใจมันน่ะนะ ก็มันโตมากับสังคมที่มีฝรั่งรายล้อมนี่
ถ้าเป็นเวลาปกติ บอกเลยว่าผมก็คงจะเกร็งๆ แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้วนอกจากกระดกเบียร์ลาวเข้าปากรัวๆ จากขวดเดียวก็เพิ่มเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากสามก็เริ่มขวดที่สี่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี ทำเอาปั้นรักที่มัวแต่ไปทักทายกับฝรั่งนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นและเพิ่งกลับมาที่โต๊ะถึงกับร้องออกมา
“โอ้ย ดื่มเยอะขนาดนี้ เอายาดองปะ ดื่มปานอาบแท้”
ผมเหลือบมองมันเล็กน้อย “ช่างผมเถอะ”
ปั้นรักทรุดตัวลงนั่ง วางขวดเบียร์ที่ดื่มไปเพียงครึ่งขวดตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ววางบนโต๊ะแล้วว่าเสียงระรื่น
“อะไรมันจะอกหักปานนั้น”
ผมมองนิ่งๆ มันก็พูดออกมาอีก
“หน้าอย่างเถื่อนแต่อ่อนไหวเหลือเกิน”
“คนเรามันก็มีจุดที่อ่อนแอเหมือนกัน จะหน้าเถื่อน หน้าดี มันก็ต้องมีมุมนี้ทั้งนั้น” ผมหงุดหงิด ไม่รู้ทำไมปั้นรักถึงจะต้องมาแซะ มาแกะเกาะอะไรผมด้วย
