บท
ตั้งค่า

สองเราให้รักปฏิวัติ ตอนที่ 5

มีนาอึกอักที่จะตอบคำถามนี้ของลูกชาย แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ปกป้องถามถึงพ่อ แต่มันไม่ใช่คำถามแรกเธอรู้ดี ปกป้องคงถามตัวเองในใจมาตลอด เธอดูออกผ่านแววตากลมโตสวยคู่นี้

ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกแล้วเจอครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้า หรือแม้แต่พ่ออุ้มลูกหรือหยอกล้อเล่นกับลูก ปกป้องมักจะมองตามแล้วถามตัวเองอยู่ในใจ เธอมองออกแต่ไม่รู้จะอธิบายให้ลูกฟังอย่างไร จะบอกว่าจิรัสย์ตายแล้วก็ไม่ได้ จะบอกว่ามีครอบครัวใหม่ก็ไม่ดีอีกกลัวปกป้องคิดมาก เพราะไม่รู้จะแถไปยังไงเลยไม่คิดพูดเรื่องนี้เลย

"ว่าไงฮะมามี๊ ทำไมมามี๊คิดนานจัง ผมไม่มีแดดดี๊เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เหรอฮะ?" แกล้งทำเสียงอ่อนผ่อนม่านตาลงให้ดูเศร้าไปอีก มามี๊จะได้เห็นใจยอมบอก คนที่ไหนจะไม่มีแดดดี๊ เขาไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่เสียหน่อย อย่าดูถูกเด็กอย่างเขานะ หกขวบแต่รู้ทุกอย่าง มนุษย์คนหนึ่งจะเกิดมาได้ปัจจัยหลักต้องมีพ่อและแม่

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ" มีนาปิดหนังสือนิทานขยับตัวลงนอนข้างๆ ลูก ก่อนประคองแก้มข้างซ้ายของลูกชายให้หันหน้ามาสบตา

"ปกป้องก็มีแดดดี๊เหมือนคนอื่น เพียงแต่..." มีนาเบือนสายตาไปด้านข้างแวบหนึ่งขณะลากเสียงพักไว้ เมื่อคิดคำตอบที่ดีที่สุดได้แล้วเธอจึงดึงสายตากลับมาสบตากับลูกชาย "...เพียงแต่แดดดี๊ของปกป้องเขามีสิ่งที่ใหญ่กว่าต้องรับผิดชอบ เขาจึงมาอยู่กับเราไม่ได้"

"สิ่งที่ใหญ่กว่าอันนั้นมันคืออะไรเหรอฮะ สำคัญกว่าผมกับมามี๊อีกเหรอ?"

คำถามของปกป้องทำให้มีนาหวนคิดไปถึงคำพูดของผู้หญิงคนนึงเมื่อเจ็ดปีก่อน

'เธอไม่สามารถช่วยอะไรพี่จิได้หรอกนะ อยู่กับเขามีแต่จะรั้งเขาไว้ เธอเองก็รู้ดีว่าครอบครัวบุญธรรมของพี่จิร่ำรวยแค่ไหน พวกเขารับพี่จิมาดูแลเหมือนลูกย่อมหวังให้พี่จิบริหารเดอะแลนด์ออฟฟันอยู่แล้ว ส่วนคู่ชีวิตไม่ต้องพูดถึง พวกท่านต้องหาผู้หญิงในแวดวงธุรกิจมาแต่งกับพี่จิอย่างแน่นอน และฉันฟันธงเลยว่าพี่จิจะเลือกเธอ! นั่นหมายถึงพี่จิเลือกที่จะเนรคุณมากกว่าตอบแทนบุญคุณ!'

พอคิดทวนคำพูดของผู้หญิงคนนั้นแล้ว มีนาก็ยิ้มขื่นออกมาเบาๆ ปลอบใจตัวเองว่าเธอทำถูกแล้วที่เลือกพาปกป้องออกมาจากชีวิตเขา เธอรู้ว่าจิรัสย์เป็นเด็กกำพร้าและถูกครอบครัวมหาเศรษฐีอย่างพชรเหมสกุลรับไปเลี้ยงตั้งแต่หกขวบ นับดูแล้วตอนนั้นเขาก็อาจจะรุ่นเดียวกับปกป้องในตอนนี้ และเธอไม่อยากให้จิรัสย์ต้องกลายเป็นคนเนรคุณจริงๆ เลยเลือกที่จะออกมา

"ใช่ครับ สำคัญกว่าปกป้องกับมามี๊ เพราะสิ่งนั้นคือการตอบแทนบุญคุณ"

ริมฝีปากหยักลึกเป็นกระจับน้อยๆ เม้มลงอย่างครุ่นคิด 'ตอบแทนบุญคุณ' เคยได้ยินแต่ไม่เข้าใจ สงสัยต้องไปถามอากู๋ให้อากู๋ในไอแพดอธิบายให้ฟังเสียแล้ว อันนี้เด็กหกขวบอย่างเขายอมแพ้ให้ก่อนก็ได้

"แต่สำหรับมามี๊ปกป้องสำคัญที่สุดเลยน๊า~" มีนาประคองสองข้างแก้มของลูกชายแล้วดึงใบหน้ากลมๆ เข้ามาชนหน้าผาก ขยี้เบาๆ อยู่สองสามทีอย่างมันเขี้ยวในความน่ารัก

"มามี๊ก็สำคัญสำหรับปกป้องฮะ" แดดดี๊ก็ด้วย.. เขาร้องบอกต่อในใจ ดูสายตามามี๊แล้วคงจะเจ็บปวดมาก ลูกอย่างเขาควรนอนดีกว่า มามี๊จะได้สบายใจ "หาวว~ ง่วงละ ผมนอนก่อนนะฮะมามี๊ ฝันดีครับ"

"ฝันดีครับลูกรักของมามี๊" มีนาหอมแก้มลูกชายทิ้งท้ายอีกรอบ ก่อนลุกจากเตียงไปปิดไฟ ก่อนปิดประตูก็ยืนมองลูกหลับอยู่ประมาณสิบวิได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ปิดประตูแล้วเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง

"เอ๊ะ?" เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นไฟที่หน้าจอมือถือกะพริบ มีนาจึงรีบปรี่เข้าไปหยิบขึ้นมาเปิดดู พอเห็นว่าเป็นแชทของคนที่ลงประกาศรับสมัครแม่บ้านเธอจึงชักสายชาร์จออกจากตูดมือถือแล้วเอาไปนอนอ่านบนที่นอน

"เริ่มงานพรุ่งนี้สิบโมง?" มีนาร้องถามขึ้นอย่างงุนงงเมื่อจู่ๆ ก็ได้เริ่มงานแบบกระทันหัน งานแม่บ้านจริงๆ ใช่ไหมทำไมถึงได้เริ่มงานโดยที่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ อีกฝ่ายไม่ซักประวัติเธอสักคำ มิจฉาชีพหรือเปล่าเนี่ย?

วันต่อมา...

09:45 น.

ณ เวลานี้ มีนาได้ยืนจับมือลูกชายอยู่หน้าคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ใจกลางเมือง ทั้งคู่แหงนมองขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

มิจฉาชีพแล้วยังไง อย่างน้อยลองแวะมาดูเชิงก่อนก็ยังดี

"มามี๊ฮะ เราจะขึ้นไปข้างบนนั้นจริงๆ เหรอฮะ?" หนุ่มน้อยร้องถามอย่างไม่อยากเชื่อ ด้วยความที่ยังเด็กและเพิ่งได้เรียนรู้การใช้ชีวิตมาแค่หกปีจึงทำให้ปกป้องคิดว่าการจะขึ้นไปให้ถึงบนนั้นมันดูน่าเหลือเชื่อ เพราะบ้านเช่ามามี๊ก็อยู่แค่ติดปูนเอง

มีนาหันหน้าลงไปมองลูกชายที่ถูกเธอจับมัดจุกสะพายกระเป๋าจระเข้ด้านหลังอย่างไม่มั่นใจ ลึกๆ ก็กลัวถูกหลอก ลึกกว่านั้นอีกคือกลัวพลาดงานนี้ งานสบายรายได้ดีใครจะไม่อยากได้ เธอเองจบแค่ ปวส ไม่สามารถหางานดีๆ ที่มีเวลาดูแลลูกได้ ส่วนวุฒิปริญญาก็กำลังจะได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ใช่แล้วล่ะ เธอกำลังเรียนต่อ ป.ตรี อยู่ ตอนนี้อยู่ชั้นปีสุดท้ายแล้ว

"มามี๊ขอโทษนะครับที่ต้องพาลูกมาด้วย ลุงคินไม่ว่างตากับยายก็ไม่ว่าง ถ้าวันนี้มามี๊ได้ทำงานจริงๆ ลูกสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ซน" เธอนั่งลงยองๆ ขอร้องพร้อมง้างนิ้วก้อยตัวเองออกมา

ปกป้องเสมองไปด้านข้างอย่างครุ่นคิด เขาก็เด็กไหมล่ะ อาจจะมีซุกซนบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้ามามี๊ขอร้อง งั้น....

"ก็ได้ฮะ! ผมจะพยายามไม่ซน" เขาง้างนิ้วก้อยจิ๋วลิ๋วของตัวเองไปเกี่ยวกับมามี๊

ครั้นสองแม่ลูกทำสัญญาใจกันเรียบร้อย มีนาก็กดส่งข้อความหาอีกฝ่ายที่นัดเธอมา มิจฉาชีพหรือเปล่าไม่รู้ แต่เมื่อคืนส่งประวัติส่วนตัวพร้อมเลขบัญชีให้ทางนั้นไปแล้ว

หลังจากทักแชทไปไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา แล้วให้เธอทำตามที่เขาบอก

อย่างแรกคือไปติดต่อพนักงานที่ล็อบบี้ เสร็จแล้วก็ตามพนักงานไปที่หน้าลิฟท์ พนักงานคนดังกล่าวใช้คีย์การ์ดสีดำทองแตะไปที่ตัวเซ็นเซอร์แล้วยื่นคีย์การ์ดมาให้ เธอเองก็รับมาแบบงงๆ พร้อมๆ กับที่ประตูลิฟท์เปิดออก มัวแต่ยืนอึ้งกับระบบ Private Lift จึงไม่ทันได้ถามพนักงานที่ตอนนี้เดินจากไปแล้ว

ใบหน้ากลมเล็กจิ้มลิ้มเงยมองหน้ามามี๊ เห็นว่ามามี๊ยังไม่เข้าลิฟท์จึงเดินนำแล้วกระตุกมือให้มามี๊ตามเข้ามา มีนาก็ตามลูกชายเข้าไปแบบงงๆ เสียด้วย รู้ตัวอีกทีลิฟท์ก็เคลื่อนตัวขึ้นมาแล้ว

ติ๊ง!

"ว๊าว!!" ปกป้องร้องว๊าวจนปากกลม ดวงตากลมโตเป็นประกายแพรวพราวเมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์หรูหราตระการตา

หนุ่มน้อยรีบปล่อยมือมารดาวิ่งเข้าไปชื่นชมความใหญ่โตกว้างขวางของเพ้นท์เฮาส์แห่งนี้

"ปกป้อง! นี่!...สัญญากับมามี๊แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ซน?" มีนาวิ่งตามลูกชายเข้าไปยืนอยู่หน้าบาร์ที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำผลไม้ราคาแพง

ตอนแรกกะมาห้ามลูก แต่พอเห็นเครื่องอำนวยความสะดวกและห้องหับต่างๆ รวมถึงสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอก มีนาจึงยืนหมุนมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน ก่อนได้สติคืนมารีบนั่งลงจับไหล่เล็กให้หันมาเผชิญหน้า

"ปกป้อง! ลูกสัญญาแล้วนะ ลูกรู้ไหมว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เขาไม่รู้ว่ามามี๊เอาลูกมาด้วย หากลูกซนทำข้าวของเสียหายมามี๊ก็จะต้องชดใช้แล้วมามี๊ก็จะไม่ได้งานทำเข้าใจไหมครับ?"

ใบหน้ากลมเล็กพยักรับสองครั้ง แอบสลดลงนิดหน่อยเพราะโดนดุ

"เอาล่ะ งั้น...." มีนาหันซ้ายหันขวาหาที่ที่สะดวกและต้องอยู่ในสายตาให้ลูกนั่ง เลยเจอเข้ากับโซฟาสีน้ำตาลตัวหนึ่งที่ตั้งหันหน้าออกไปทางสระว่ายน้ำ หรูไปหน่อยแต่เพื่อความปลอดภัย... "ลูกไปนั่งที่โซฟาตัวนั้น นั่งนิ่งๆ เรียนเอบีซีในไอแพดรอมามี๊นะครับ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel