สองเราให้รักปฏิวัติ ตอนที่ 3
ครั้นสองแม่ลูกเดินหายไปจนลับสายตา จิรัสย์ก็ดึงใบหน้ากลับเข้ามา เลยได้เห็นเตวิชยืนหลังแปะป้าย แถมมือเขายังทาบปิดปากเปียกๆ นั้นไว้เต็มมือ
จิรัสย์มองมือตัวเองด้วยท่าทางแหยงๆ ก่อนค่อยๆ ดึงมือออกมาจากปากเตวิชแล้วยื่นออกไปให้ไกลสายตา เตวิชรู้หน้าที่ หลังจากเคลียร์น้ำลายที่เลอะริมฝีปากนิดหน่อยเสร็จ เขาก็รีบจกห่อทิชชู่เปียกที่แอบไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในออกมา แล้วรีบเปิดห่อเอาแผ่นทิชชู่ออกมาเช็ดทำความสะอาดมือให้เจ้านายอย่างลนๆ
"ฮัดชิ่ว!!"
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทัน เพราะจิรัสย์ได้จามออกมาแล้ว หลังจากนี้จมูกก็จะแดง น้ำมูกคัด และเป็นหวัดในที่สุด เอิ่ม...เรื่องนี้เขาไม่ผิดนะ เจ้านายแต๊ะอั๋งเขาเอง
จิรัสย์ไม่ได้แค่ไม่ชอบความสกปรกธรรมดา พอรับรู้ว่าร่างกายสัมผัสเชื้อโรค สมองก็จะสั่งการต่อต้าน อันดับแรกมือจะสั่นก่อน จากนั้นตามมาด้วยเสียงจาม คักจมูก และเกิดเป็นหวัดในที่สุด ใช้เวลาประมาณแปดชั่วโมงอาการถึงจะดีขึ้น ประกอบกับทานยาร่วมด้วย
โรคประหลาดนี้จิรัสย์เป็นมาตั้งแต่เด็ก เกิดจากปมในใจตอนที่ชายหนุ่มอายุประมาณหกเจ็ดขวบ และมันเคยดีขึ้นตอนที่เขาคบกับมีนา มีนาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาสัมผัสเธอได้โดยไม่เป็นอะไร แต่เธอก็ดันทิ้งเขาไป
เหอะ! ไปเรียนต่อฝรั่งเศษงั้นเหรอ? คนเรียนจบฝรั่งเศษต้องมาแขวนเอี๊ยมขายน้ำเอาเงินรายวันแบบนี้น่ะเหรอ?
"เรียบร้อยครับคุณจิ" เตวิชเอ่ยขึ้นจึงทำให้จิรัสย์ได้สติ
ดวงตาคมจ้องมองฝ่ามือตัวเองอย่างพินิจ หมุนดูจนทั่วว่าสะอาดแล้วจริงๆ ถึงค่อยวางใจ ใครจะไปรู้ว่าไอ้โรคบ้าๆ ที่มาจากการถูกแกล้งเมื่อตอนเด็กจะแทรกซึมเข้ามาในร่างกายจนกลายเป็นโรคประจำตัว
"ฮัดชิ่ว!!" ว่าแล้วก็จามออกมาเรื่อยๆ จมูกก็เริ่มคัด นอกจากจะหงุดหงิดร่างกายตัวเองแล้ว จิรัสย์ยังต้องมาหงุดหงิดให้กับเจ้าซาลาเปาไส้หวานนั่นอีก ใครเป็นพ่อเด็กกันแน่! มีนามีแฟนใหม่ หรือว่าท้องตอนเลิกกับเขาไป? ขบคิดเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ
"นี่ครับ" เตวิชยื่นแมสดำให้เจ้านาย หลังจิรัสย์รับไปใส่ เขาก็เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย "สรุปคุณจิรู้จักน้องซาลาเปากับแม่น้องเขาเหรอครับ?"
"ไปสืบมาให้ที เจ้าซาลาเปานั่นเกิดเมื่อไหร่ อายุเท่าไหร่แน่!"
"สรุปคุณจิแอบไข่ทิ้งไว้จริงๆ เหรอครับ?"
"....." จิรัสย์ตวัดหางตามองเลขาจอมจุ้นจ้าน อายุแค่สามสิบแต่ทำตัวเหมือนตาเฒ่าจอมสอดรู้สอดเห็น จะต้องให้เล่าประวัติตอกย้ำตัวเองไหมว่าเขาถูกผู้หญิงทิ้ง
"แหะๆๆ ครับคุณจิผมจะรีบจัดการตามที่สั่งครับ" เตวิชขำแห้งตามเคยหลังถูกมองด้วยสายตาคาดโทษ ก็ถ้าเผื่อน้องซาลาเปาเป็นไข่ที่เจ้านายหนุ่มเคยผสมไว้จริงๆ เขาจะได้รายงานท่านประธานไง หลานชายทั้งคน!
หลังจากเคลียร์งานเสร็จ จิรัสย์ก็เตรียมตัวกลับไปพักผ่อนเนื่องจากไข้หวัดรุมทำร้ายจนเขาไม่สามารถทนนั่งอยู่ที่ทำงานต่อไปได้ จริงๆ มีประชุมตอนสี่โมงเย็นที่บริษัทด้วย นี่ก็สามโมงแล้ว สงสัยจะไม่ได้เข้า แน่นจมูกแล้วก็จามทั้งวันแบบนี้คงต้องสั่งเตวิชให้เลื่อนประชุมก่อน
อีกด้าน
"ลุงคิน!!!" ปกป้องวิ่งอ้าแขนเข้าไปหา นคินทร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ก่อนจะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนใหญ่ที่ยื่นมารับตัวเขาขึ้นไปอุ้มอย่างดีใจ
"ว่าไงตัวน้อยของลุง" นคินทร์ยิ้มให้หลานชายที่กอดคอเขาแน่น ก่อนจะหันไปหาน้องสาว "เลิกงานแล้วใช่ไหม?"
"ใช่ค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะที่ต้องรบกวนพี่คิน ถ้าไม่ใช่เพราะปกป้องเป็นโรคแพ้เชื้อโรคพี่คงไม่ต้องมาลำบาก"
"ลำบากอะไรกัน ดูพูดเข้าสิ พี่จะฝากงานให้ก็ไม่เอา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องมาทำพาร์ทไทม์แบบนี้"
"อย่าเลยค่ะ พี่คินเป็นถึงผู้จัดการโชว์รูมรถสปอร์ตคันละตั้งหลายล้าน อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าพี่ใช้อำนาจในทางที่ผิด อีกอย่างฉันก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กเส้นด้วย คงโดนนินทาไม่ขาดปาก"
"ตามใจ ยังไงถ้าอยากให้ช่วยก็บอกนะ"
"ค่ะ" มีนาฉีกยิ้มขอบคุณพี่ชายที่ช่วยเหลือเธอมาตั้งแต่เริ่มท้องปกป้อง
อันที่จริงลูกชายเธอไม่ได้แพ้เชื้อโรคถึงขั้นเป็นผดผื่นหรือหายใจไม่ออกอะไรพวกนั้น มันไม่ใช่โรคภูมิแพ้ แต่อาการของปกป้องจะเป็นแค่หวัดคัดจมูก และเธอคุ้นเคยกับอาการเหล่านี้ดี เพราะปกป้องได้เชื้อมาจากพ่อของเขา ซึ่งเธอไม่เคยเล่าเรื่องของจิรัสย์ให้ปกป้องฟังเลยแม้ว่าลูกชายจะถามถึงพ่อหลายครั้งก็ตาม
ส่วนนคินทร์ เขาคือพี่ชายต่างแม่ของเธอ อายุมากกว่าเธอแปดปี และเขาคือคนที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอดตั้งแต่ท้องจนตอนนี้ปกป้องได้หกขวบแล้ว แม้แต่บัตรวีไอพีที่ข้อมือลูกชายนคินทร์ก็ยังเป็นคนซื้อให้ตอนมาส่งเธอกับลูกเมื่อเช้า และเพราะร่างกายอ่อนแอปกป้องจึงตัวเล็กมากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่แก้มยุ้ยเหมือนซาลาเปาเลย
อีกด้าน
จิรัสย์นั่งอยู่บนรถกอล์ฟโดยคนขับจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเตวิช เขากำลังจะกลับเพ้นเฮาส์แล้วแต่อยากชื่นชมแหล่งเงินแหล่งทองให้ชื่นใจก่อนกลับ เลยสั่งคนขับรถให้ไปรอหน้าสวนสนุก
ระหว่างที่รถกอล์ฟกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างเรียบเรื่อย ทั้งเจ้านายและลูกน้องพากันเปรยยิ้มชื่นมื่นเมื่อเห็นทั้งเด็กเล็กเด็กวัยรุ่นสนุกสนานกับสถานที่แห่งนี้ จู่ๆ ดวงตาคมก็สอดส่ายไปเห็นแผ่นหลังของใครบางคน รูปร่างบอบบางนั้นจิรัสย์จำได้ไม่เคยลืม 'มีนา' เธอกำลังเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งผู้ชายคนนั้นอุ้มเจ้าซาลาเปาไส้หวาน ทั้งสามคนหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ทำเอาจิรัสย์อดไม่ได้ที่จะขบสันกรามแน่น
เลขาจอมจุ้นผู้รู้งานรีบชะลอความเร็วลงแล้วจอดรถในที่สุดเมื่อเห็นน้องซาลาเปากับครอบครัวเดินกระหนุงกระหนิงกันอยู่ข้างหน้า เขาเหลือบมองสีหน้าเจ้านายผ่านกระจกบน ก็เห็นว่าจิรัสย์กำลังไม่พอใจ เตวิชเลยมั่นใจว่าแม่ของน้องซาลาเปาต้องเป็นผู้หญิงที่เจ้านายมักละเมอถึงอยู่บ่อยครั้งแน่
"คุณจิยังจะให้ผมตามสืบน้องซาลาเปาอีกไหมครับ?" กลัวโดนไล่ออกนะ แต่ปากมันชอบหาเรื่องใส่ตัวตลอดเลย
"ไม่ต้อง!" เสียงเข้มตะเบ็งตอบภายใต้แมสสีดำ ทว่าเสียงปฏิเสธนั้นชัดแจ้งจนคนฟังอย่างเตวิชสะดุ้ง
เตวิชรู้งานตามเคย รีบเคลื่อนรถกอล์ฟไปอีกทางเลี่ยงหน้าครอบครัวน้องซาลาเปา ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้เรื่องราวในอดีตของจิรัสย์เท่าไหร่แต่เตวิชดูออกเลยว่าเจ้านายกำลังช้ำใจ งั้นเขาจะสู้เพื่อเจ้านายเอง โอเค! สืบต่อ!
เตวิชตามมาส่งจิรัสย์ที่เพ้นเฮาส์จนถึงในห้องโถง ถ้าไม่ใช่ว่าต้องหอบงานมาจิรัสย์ไม่มีทางให้เตวิชขึ้นมาบนนี้ด้วยอย่างแน่นอน ไอ้เรื่องที่เขาเคยได้ยินชื่อผู้หญิงจากปากเจ้านายตอนหลับ มันเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนสมัยที่จิรัสย์ขึ้นเป็นซีอีโอใหม่ๆ ตอนนั้นต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เลยได้มาพักที่เพ้นเฮาส์เจ้านายแบบฟลุ๊คๆ ตอนนี้เหรอ ก้าวเท้าเข้ามายังยาก
"ประกาศหาแม่บ้านให้ฉันหน่อยเตวิช เน้นคนสะอาด! มีระเบียบ! ทำงานจันทร์ พุธ ศุกร์ เลือกดีๆ ไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนนาย"
"ครับคุณจิ!"
