บทที่ 2 สหายคิดไม่ซื่อ
บทที่ 2
สหายคิดไม่ซื่อ
ไม่ปล่อยไป
อี้เฟยหลงได้ยินคำตอบของสหายแล้วเพียงพยักหน้าราวกับไม่ใส่ใจหันไปคีบกับแกล้มเข้าปากแล้วเคี้ยวราวกับอารมณ์ดี แต่หากมองลึกเข้าไปในแววตาจะเห็นว่าในนั้นมีความขุ่นเคืองใจเจืออยู่
‘ข้าไปร่ำเรียนฝึกฝนวรยุทธ์กว่าเจ็ดปี กลางวันฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักราวกับกระดูกจะหลอมไปกับเลือดเนื้อ กลางคืนเพียรอ่านตำราความรู้มากมายหมายกลับมารับตำแหน่งประมุขตระกูลอี้แทนบิดาผู้ล่วงลับ
ทว่าวันที่ข้าหอบความสำเร็จกลับมายังบ้านเกิด ข้ากลับพบกับการสูญเสียมารดาอย่างไม่มีวันหวนกลับ มิหนำซ้ำยังจะสูญเสียเจ้าไปให้กับชายอื่นอีกงั้นหรือ!
ซินเอ๋อร์เจ้าช่างใจร้ายกับข้านัก อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าจากข้าไปโดยง่าย เจ้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น’
คนตัวโตหยักยิ้มพลางรินสุราให้สหายรัก ก่อนจะหันไปสั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้ย้ายโต๊ะไปยังห้องรับรองบนชั้นสามที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เขาไม่ต้องการให้บุรุษอื่นในโรงเตี๊ยมเห็นท่าทางเมามายของสหายรัก
เขาควรเป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เห็นและได้ใกล้ชิดในทุกอิริยาบถของนาง ไม่ว่าจะด้านดี ด้านร้าย ดีใจ หรือโศกเศร้า ดังนั้นไม่ว่าบุรุษหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครองนาง หรือแม้แต่จะสัมผัสนางแม้เพียงปลายเล็บ
จากนั้นอี้เฟยหลงจึงโบกมือให้สาวใช้เหม่ยเหมยไปพักผ่อน โดยเสนอจะดูแลคุณหนูหกจางซินเหยียนด้วยตนเอง สาวใช้เห็นว่าคุณชายอี้ไว้ใจได้เพราะเป็นสหายกันมานานนับสิบปี อีกทั้งตระกูลจางกับตระกูลอี้ก็ไปมาหาสู่กันตลอด จึงปล่อยคุณหนูไว้กับคุณชายอี้โดยไม่ระแวดระวังอันใด
“ชีวิตมันเฮงซวย ทำไมข้าจึงอาภัพนัก!”
เมื่อสุราหลอมรวมไปกับเลือดจนเข้มข้น ความเมามายครอบงำจนหญิงสาวเผลอพร่ำบ่นความในใจออกมา ก่อนจะคว้าไหสุรากระดกดื่มจากปากไห จนบางส่วนหกเลอะลงมายังลำคอและเนินอก
อี้เฟยหลงเหลือบมองโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว สุราที่ราดลงบนลำคอระหงทำให้เขารู้สึกคอแห้งกระหายน้ำขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ดื่มมากเช่นนี้ เจ้าเป็นสตรีไม่กลัวเป็นอันตรายหรือ”
“ข้า มี เจ้า อยู่ ทั้ง คน”
หญิงสาวลากเสียงยานคาง ใช้นิ้วจิ้มไปที่แผงอกของชายหนุ่ม
“ไยต้องกลัวอันตราย ข้าจา..ดื่ม ดื่มให้ลืมความทุกข์”
สหายวัยเยาว์เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาก็วาววับดั่งดวงตาของราชสีห์ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นดวงตาของสุนัขบ้านไร้พิษสงคอยรินสุราให้ซินเหยียนโดยไม่ปริปากห้ามปรามอีกเลย
“ถ้าในเมืองนี้มีผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นเจ้าเพิ่มอีกสักโคนสองโคนก็คงดี”
คนเมายิ้มกว้างรู้สึกราวกับลิ้นเริ่มพันกันจนไม่อาจควบคุม พลางยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของสหายวัยเยาว์ ด้วยเล่นซุกซนด้วยกันมา เคยลงอาบน้ำในบ่อเดียวกันอย่างสนุกสนาน นอนผิงไฟในถ้ำจับปลามาปิ้งแบ่งกันกิน จึงไม่คิดระวังตัวว่าเวลานี้รูปร่างของนางหาใช้เด็กหญิงหุ่นอ้วนป้อม แต่เป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยสัดส่วนยวนเย้าบุรุษเพศ
“จะหาบุรุษเช่นข้าได้อย่างไรกันเล่า”
อี้เฟยหลงยอมให้นางจับใบหน้าโดยไม่ปัดมือนางออก มิหนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนได้กลิ่นสุราผสมกับกลิ่นดอกเหลียนฮวาอวลกรุ่นขึ้นแตะจมูก
กลิ่นกายของหญิงสาวผสานไปกับกลิ่นสุรา ราวกับจะยั่วยุให้ชายหนุ่มมัวเมา ลุ่มหลงและอยากครอบครองนางแต่เพียงผู้เดียว
“กลุ้มใจเรื่องคู่ดูตัวงั้นหรือ”
คนเมาที่กำลังจะทิ้งศีรษะลงกับโต๊ะเพราะรู้สึกหนักอึ้งราวกับว่าลำคอไม่อาจแบกรับศีรษะไหว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นขยับนั่งตัวตรง
“ข้าปิดเจ้าไม่ได้สินะ เอิ๊ก เอิ๊ก...”
พูดพลางแค่นหัวเราะแต่แล้วก็สะอึกจนตัวโยน
“ใช่แล้วๆ... ข้ากำลังมองหาบุรุษสักโคนมาแต่งงานด้วย แต่ว่าม่ายมีใครเข้าตาเลย โคนที่พอจะเข้าตาเขาก็รังเกียจที่ข้าเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาต่ำศักดิ์ ม่ายมีใครอยากยกย่องข้าเป็นภรรยาเอกสักคน”
ยิ่งเมาก็ยิ่งเปิดปากกว้างขึ้น เรื่องที่ไม่คิดอยากจะเล่าก็เผลอเล่าออกมาโดยขาดการยับยั้งชั่งใจ
“คงเพราะข้าไม่ใช่หญิงงาม หน้าตาข้ามันธรรมดาเกินไปสินะ”
จางซินเหยียนเอ่ยออกมาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางแต่งตัวไม่เก่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ก็เก่าไร้รสนิยม หน้าตาก็ไม่ได้สะสวยเพราะมีใบหน้าคล้ายไปทางบิดา แม้มารดาของนางจะเป็นหญิงงามแต่ก็หาได้ใส่ใจดูแลนางเฉกเช่นมารดาคนอื่น เพราะมารดามักจะรักและทุ่มเทให้กับน้องชายของนางอยู่เสมอๆ
จางซินเหยียนเติบโตมาแบบแก่นแก้วดั่งเด็กผู้ชาย จริตมารยาเฉกเช่นสตรีล้วนไม่มี คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น จะเดินจะเหินก็กระโดกกระเดกไม่น่ามอง คุณชายมีสกุลจึงไม่คิดชายตามองมายังนางแม้เพียงหางตา
เรียกได้ว่าที่แม่ใหญ่ส่งนางไปยังสำนึกศึกษานารีคือความล้มเหลวเลยทีเดียว
“เจ้าขาดเสน่ห์แห่งสตรีเพศ”
อี้เฟยหลงเอ่ยขึ้นพลางมองใบหน้าหวานไร้การแต่งแต้มประทินโฉม นางไม่มีจริตจะก้านมารยา การเผยอปากอย่างยวนเย้า การเอียงอายหลุบเปลือกตาลงช้าๆ ผินใบหน้าหนีกดสายตาลงต่ำอย่างขวยเขิน สิ่งเหล่านี้นางล้วนไม่มีทั้งสิ้น
“อาหลงตอกย้ำข้าหรือ!”
คนตัวเล็กค้อนขวับอย่างขัดใจเมื่อได้ยินสหายพูดเช่นนั้น นางนั่งโยกกายไปมาจนอี้เฟยหลงต้องยื่นมือไปประคองแผ่นหลังของสหายสาวเอาไว้
