บทที่ 1 อาหลงเจ้ารูปงามเกินไปแล้ว
บทที่ 1
อาหลงเจ้ารูปงามเกินไปแล้ว
อี้เฟยหลง
จางซินเหยียนไม่ติดขัดตรงไหนสักนิดที่อี้เฟยหลงจะเป็นพระเอกในนิยาย เพราะเขารูปงามจนนางถึงกับจ้องมองแทบไม่ละสายตาเลยทีเดียว
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ปัดความหล่อเหลาของสหายวัยเยาว์ทิ้งไป เพื่อทบทวนเนื้อหาในนิยายอีกครา
เมื่อถึงบทที่สิบห้าตัวประกอบอย่างนางก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น นางร้ายหึงหวงที่เห็นตัวประกอบซึ่งเป็นสหายตั้งแต่วัยเยาว์ของพระเอกมีท่าทีสนิทสนมชิดใกล้ จึงได้จ้างวานนักฆ่ามาลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่นะ!”
ยิ่งคิดจางซินเหยียนก็ยิ่งร้อนรนกระวนกระวายใจ นางต้องรีบแต่งงานก่อนที่เนื้อหาบทที่หนึ่งจะเริ่มขึ้น จะได้เป็นหลักประกันได้ว่านางจะไม่ตกเป็นเหยื่อความหึงหวงของนางร้าย
หลายครั้งที่นางคิดจะหนีไปให้ไกล เพราะไม่มีบุรุษคนใดที่นางอยากแต่งงานร่วมเรียงเคียงหมอนเลยสักคน แต่เพราะนางเป็นสตรีไร้วรยุทธ์ การเดินทางไปอยู่ต่างเมืองจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บิดาและมารดาก็คงไม่ยอมให้นางหนีไปไหนแน่ๆ
ครั้นจะจ้างคนคุ้มกันมาคอยดูแลอารักขาความปลอดภัย นางก็ไม่ใช่สตรีร่ำรวยอะไร เป็นเพียงบุตรสาวคนที่หกของขุนนางชั้นกลางก็เท่านั้น เรียกได้ว่านางเป็นเพียงคนธรรมดา หน้าตาธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดามาโดยตลอด เป็นตัวประกอบที่สมบูรณ์แบบเหมาะสมแก่การยัดเยียดความตายเพื่อเป็นปมในใจให้พระเอกได้รับการสูญเสียเป็นครั้งที่สามในชีวิต จากที่เขาสูญเสียบิดาไปในวัยเด็ก และเพิ่งสูญเสียมารดาไปในบทนำ
แน่นอนเพื่อปูไปยังนางเอกที่ท้ายที่สุดจะเป็นผู้เยียวยาหัวใจพระเอก ปลอบประโลมหัวใจอันแสนบอบช้ำของพระเอกให้หายจากการโศกเศร้า ทำให้พระเอกสับสนจากแค้นกลายเป็นรักนางเอกโดยที่ไม่รู้ใจตัวเอง
ก่อนจบนางเอกหนีไปพร้อมกับบุตรในครรภ์ พระเอกรู้ใจตัวเองเมื่อสูญเสียนางเอกไป เขาจัดการกับนางร้ายทวงคืนความเป็นธรรมให้นางเอก แล้วออกเดินทางตามหานางเอกและลูกจนพบ จากนั้นทั้งสองก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
ส่วนตัวประกอบอย่างนางก็ตายกลายเป็นผีไร้การเหลียวแล!
“อ๊าก!”
คิดพลางยกมือขึ้นทึ้งหัวด้วยความเครียด ก่อนจะคิดไปว่าหรือนางควรหนีไปบวชชีในอารามจนกว่าระยะเวลาเนื้อหาในนิยายจะจบลงดีเล่า
ตะ...แต่ว่าเนื้อหาตั้งแปดสิบตอน เหตุใดนิยายจึงยาวขนาดนั้นทั้งที่แทบไม่มีเนื้อหาอะไรเลยนอกจากฉากรักที่โลดโผน!
แน่นอนว่าขุนนางจางไม่มีทางยอมให้บุตรสาวไปบวชชีเป็นแน่ เพราะสตรีที่ไปบวชชีล้วนแล้วแต่เป็นสตรีที่มีเรื่องเสื่อมเสียจนไร้ที่พึ่งพิงทั้งสิ้น
คิดพลางหยิบไหสุราขึ้นมากระดกดื่มไปกว่าครึ่งไห นางยังคงอยู่ที่โรงเตี๊ยมอันเป็นสถานที่นัดพบกับคุณชายโหยวที่เพิ่งทำเศษข้าวกระเด็นใส่หน้านางไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน
จะว่าไปแล้วในเมืองนี้ใช่ว่าจะไม่มีบุรุษที่วาจาสุภาพ หน้าตาพอดูได้ ทว่าบุรุษเหล่านั้นกลับไม่เลือกนาง เพราะนางเป็นขุนนางระดับกลางที่เกิดจากอนุภรรยาปลายแถวที่ไม่มีอำนาจบารมีอะไร คุณชายเหล่านั้นยื่นข้อเสนอให้นางเป็นได้เพียง ‘อนุภรรยา’ เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ได้เป็นภรรยาเอก
ซึ่งจางซินเหยียนไม่คิดอยากเป็นอนุภรรยาของชายใด ด้วยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ว่ามารดาต้องเจ็บช้ำกล้ำกลืนเพียงใด อีกทั้งแม่ใหญ่เองก็ใช่จะมีความสุขที่เห็นสามีหลับนอนมอบความรักให้แก่สตรีอื่น
“ยากจัง ชีวิตของข้ามันยากเกินไปแล้ว”
ตัดพ้อพลางฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ โดยมีสาวใช้ยืนกระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วง หากใต้เท้าจางรู้ว่าคุณหนูหกแอบมาดื่มสุราคนเดียว คงถูกดุด่าและกักบริเวณเป็นแน่
อีกทั้งสาวใช้ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดจู่ๆ คุณหนูหกจึงได้อยากมีสามีทั้งที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่นาน หากรออีกสักหน่อยอาจพบบุรุษที่ถูกใจ หรือไม่ใต้เท้าจางก็อาจมองหาคู่สมรสให้ในภายหน้า ไม่เห็นต้องรีบร้อนเช่นนี้เลย
“ยากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
ทว่าเสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นข้างหูกลับทำให้หญิงสาวตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วทว่าจังหวะนั้นนวลแก้มของนางกลับชนเข้ากับปลายจมูกของชายหนุ่มราวกับว่าอีกฝ่ายเฝ้ารอที่จะฉกฉวยจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว
“อาหลง!”
จางซินเหยียนอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มลงมาพร้อมกับกลิ่นชาอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นใบไผ่ที่อวลกรุ่นออกมาจากร่างสูงทำให้หัวใจของหญิงสาวถึงกับสะดุดไม่เป็นจังหวะ
ตึก! ตึก! ตึก!
‘นะ...นี่สินะ อานุภาพของพระเอกในนิยาย อาหลงเจ้ารูปงามเกินไปแล้ว หล่อราวกับไม่มีอยู่จริง หล่อฟ้าประทานเป็นเช่นนี้เอง’
“นึกครึ้มใจอันใดจึงมาร่ำสุราเมามายเพียงผู้เดียวเช่นนี้”
อี้เฟยหลงทรุดกายลงนั่งข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เสี่ยวเอ้อร์นำจอกมาให้อีกใบ ถือวิสาสะรินสุราดื่มเองโดยที่สหายข้างกายมิได้เชื้อเชิญ
“ขะ...ข้ามีเรื่องทุกข์ใจนิดหน่อย เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอกนะอาหลง”
จางซินเหยียนไม่อยากตอบว่านางกำลังวิ่งเร่หาสามีมาแต่งงานด้วยจึงได้ตอบอ้อมค้อม ทว่ากลับเก็บสีหน้าอาการไม่มิด ทุกสิ่งอย่างที่นางแสดงออกมาล้วนอยู่ในสายตาของสหายสนิททั้งสิ้น
