บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6.1 หัวใจโหยหา

คงเป็นเพราะว่าหมดเวลาเยี่ยมไข้แล้ว จึงทำให้ทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยในนั้นเงียบเชียบ ไฟแสงสว่างก็เปิดเอาไว้เพียงดวงเว้นดวงเท่านั้น ทุกย่างก้าวที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังของวีรพัทธ์จึงส่งเสียงให้เจ้าตัวได้ยินถนัด รวมทั้งคนที่แกล้งนอนหลับอยู่ในห้องพักฟื้นก็ได้ยินด้วย

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งนาที สหัสสะยังนอนลืมตาโพลงอยู่ภายใต้แสงสลัวในห้องพัก เพราะกำลังกังวลว่างานของวีรพัทธ์จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ชายหนุ่มจะเก็บเอาอารมณ์ขุ่นมัวไประบายในงานหรือเปล่า เพราะเมื่อช่วงสายหลังจากที่ชานนท์กลับไปไม่นาน พยาบาลนางหนึ่งก็เข้ามาหาเขาพร้อมกับนำธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทมาคืนให้ ก็ใบเดิมที่ชานนท์บอกว่าอาจจะเป็นของวีรพัทธ์นั่นแหละ และมันก็เป็นของวีรพัทธ์จริง ๆ พยาบาลมาพร้อมกับคลิปที่ถ่ายมาจากกล้องวงจรปิดอีกที สหัสสะได้เห็นท่าทีของวีรพัทธ์ในขณะนั้น และเขารู้ได้ในทันทีว่าคนพี่ได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับพิภู แต่ที่ไม่รู้คือวีรพัทธ์จะรู้สึกอย่างไร เขาจึงเลือกที่จะหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก้าวเข้ามาในห้อง และนอนนิ่ง ๆ เพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่ายก่อน

ส่วนคนพี่ที่เพิ่งเข้ามานั้นกำลังยืนเอามือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วทอดสายตามองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยใบหน้านิ่ง แต่ทว่าแววตาที่มองนั้นกำลังสับสนวุ่นวาย ภายในจิตใจเจ็บปวดจนเกือบจะไม่รู้สึก เขาได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าควรไล่สหัสสะไปให้พ้นจากชีวิต ชาตินี้ไม่ต้องได้พบได้เจอกันอีก เผื่อบางทีเขาจะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น หรือว่าจะกักขังอีกฝ่ายไว้ แล้วเอาคืนให้สาสมกับสิ่งที่สหัสสะทำ หักหลัง สวมเขา ไม่ว่ากับเขาในเมื่อก่อน หรือแม้แต่คนคนนั้นในตอนนี้ นายนั่นจะรู้ไหมว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่สหัสสะให้มันมาจากการเอาตัวเข้าแลกอย่างหน้าไม่อาย

ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้จนเงาของเขาทอดลงบนร่างเล็กที่ยังนอนหลับตานิ่งคล้ายคนหลับสนิท แต่ทว่าลมหายใจกลับติด ๆ ขัด ๆ ราวกับกำลังเกร็งอะไรบางอย่าง วีรพัทธ์จึงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ และนั่นทำให้คนแกล้งหลับตกใจจนเผลอขยับหนี

มารยาที่แสดงต่อหน้าทำให้วีรพัทธ์คิดได้ในวินาทีนั้นว่าเขาควรจะเลือกอย่างหลัง คือการเอาคืนอย่างถึงอกถึงใจคงดีกว่า

สหัสสะเบิกตากว้างเมื่อร่างกายกำลังจะถูกรุกล้ำ ปมเสื้อที่ผูกไว้เพียงหลวม ๆ ถูกกระชากจนหลุดออกอย่างง่ายดายและรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะปัดป้องได้ทัน

“คุณ! นี่มันในโรงพยาบาลนะ”

สหัสสะพยายามเอ่ยเตือนสติ พร้อมกับสองมือที่พยายามผลักไส แต่ดูเหมือนวีรพัทธ์จะไม่ใส่ใจ เขาใช้แรงที่มีมากกว่าทำทุกอย่างอย่างเอาแต่ใจตัวเอง

“อยากเจ็บตัวเหมือนเมื่อคืนอีกหรือไง”

ฟังดูคล้ายคำถาม แต่นั่นมันเป็นคำขู่ว่าหากขัดขืนก็จะต้องเจ็บตัวอีก กำปั้นน้อย ๆ ที่เตรียมพร้อมจะสู้จึงถูกเจ้าของมันลดลงมาวางไว้ข้างลำตัว พร้อมกับคำพูดประชดประชัน

“เอาเลยครับ อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ทำเสร็จแล้วอย่าลืมโอนเงินเข้าบัญชีผมด้วยก็แล้วกัน”

จบประโยคนั้นข้อมือทั้งสองข้างของสหัสสะก็ถูกรวบแล้วยกขึ้นไปไว้เหนือศีรษะด้วยการกระชากอย่างรุนแรง ริมฝีปากบางจึงต้องเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะถูกบังคับให้เผยอออกมาด้วยอวัยวะเดียวกันของวีรพัทธ์ เขาทั้งบดทั้งขยี้อย่างไม่ปรานี จนรู้สึกได้ถึงรสปร่าของเลือดที่ซึมออกมา

วีรพัทธ์ผละใบหน้าออกมาแล้วหลุบตาลงมองอย่างหัวเสีย ร่างกายเปราะบางแต่ปากดีเหลือเกิน แตะนิดแตะหน่อยก็ช้ำก็ได้เลือด แล้วภาพความบอบช้ำของสหัสสะที่เพิ่งผ่านมาเมื่อคืนก็ทำให้เขาได้สติ ชายหนุ่มจึงลดความรุนแรงของอารมณ์ลงมา เขาโน้มใบหน้าลงไปจูบซับรอยเลือดให้อย่างแผ่วเบาราวกับปีศาจร้ายเมื่อครู่ได้กลายเป็นพ่อเทพบุตรที่แสนนุ่มนวลอ่อนโยน

“ทำไมถึงได้ร้ายนัก”

น้ำเสียงนั้นทั้งต่อว่าทั้งตัดพ้อ และสหัสสะรับรู้ได้ถึงความสับสนที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจของอีกฝ่าย หากไม่มีเรื่องโทรศัพท์นั่น สถานการณ์ของเขากับวีรพัทธ์คงดีกว่านี้ไปแล้ว

ท่าทีที่อ่อนลงของวีรพัทธ์ทำให้สหัสสะอ่อนลงด้วย “เมื่อเช้า คุณทำเงินตกไว้ที่หน้าห้องน่ะครับ” บอกเพื่อให้อีกฝ่ายถามต่อ ถ้าวีรพัทธ์ถามว่าเขาคุยกับใคร สหัสสะก็จะบอกตามความจริง

“งั้นเหรอ? คงร่วงตอนเดินออกไปน่ะ” แต่วีรพัทธ์กลับเลือกที่จะเก็บเอาไว้ เขาพลิกตัวลงไปนอนข้าง ๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ทำราวกับเมื่อสักครู่ไม่ได้คิดจะลักหลับคนป่วย

ทั้งสองนอนหงายทอดสายตามองไปบนเพดานห้อง โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทั้ง ๆ ที่ต่างก็มีเรื่องราวมากมายอยู่ในใจ เรื่องที่ต่างฝ่ายต่างคิดกันไปเอง

เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ก็ดูเหมือนว่าคนป่วยที่ได้นอนมาทั้งวันจะอดทนได้มากกว่า เพราะสหัสสะยังนอนไม่หลับ ในขณะที่ลมหายใจของวีรพัทธ์กำลังเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าของร่างได้เข้าสู่นิทราไปเรียบร้อยแล้ว

สหัสสะค่อย ๆ หยัดกายขึ้นมา เขาขยับชายผ้าห่มไปคลุมร่างใหญ่ที่นอนหลับใหลอยู่ข้าง ๆ แล้วจ้องมองใบหน้าคมภายใต้แสงสลัวนั้นด้วยแววตาแสนรัก ตอนนี้วีรพัทธ์ดูไร้พิษภัย น่าอยู่ใกล้และน่าแอบอิงยิ่งนัก แขนเรียวที่พาชายผ้าห่มไปโอบร่างจึงวางพาดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย กอดกลาย ๆ ให้ไออุ่น หลุบสายตาลงแล้วซบใบหน้าลงกับต้นแขนอีกฝ่าย สูดกลิ่นที่โหยหาจนชื่นใจแล้วชายตาขึ้นมองใบหน้าของคนที่เคยรัก ยังรัก และจะรักตลอดไปอีกครั้ง ไม่ว่าวีรพัทธ์จะทำให้กายช้ำสักแค่ไหน แต่หัวใจของน้องไมล์ก็เป็นของพี่วีร์คนเดียว

ไม่ใช่แค่สหัสสะเท่านั้นหรอกที่ทำมารยาแกล้งหลับได้ วีรพัทธ์ก็ทำได้เช่นกัน แถมยังแนบเนียนกว่าจนคนที่ฉวยโอกาสมากอดกันไม่รู้เลย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาหลังจากแน่ใจว่าเจ้าของอ้อมกอดหลับไปแล้วจริง ๆ ไออุ่นที่ได้รับนั้นทำให้ชุ่มชื่นหัวใจนัก หากมันมีความรักความซื่อสัตย์หลงเหลืออยู่บ้างก็คงดี

วีรพัทธ์หลุบตาลงมองกลุ่มผมนุ่มสลวยที่มันปรกอยู่บนหน้าผากของคนหลับที่แหงนใบหน้ามาหากัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เพื่อสูดดมความหอม เขายกแขนขึ้นโอบกอดร่างเล็กกว่าไว้อย่างหลวม ๆ อย่างที่เคยทำทุกครั้งหลังจากที่อีกฝ่ายหลับไปเพราะความอ่อนเพลียหลังร่วมรัก โดยที่สหัสสะไม่เคยรู้ตัวเลย

“ไมล์ ทำไมเราถึงตกมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ทำไม”

คำถามที่ไม่ได้หวังคำตอบถูกเอ่ยออกมาเสียงเครือ มันเจือไปด้วยความสงสัย ตัดพ้อ เสียใจ และหมดหวัง เปลือกตาอันหนักอึ้งของวีรพัทธ์ปิดลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงตรงหางตา

เจ็บแสนเจ็บ แค้นแสนแค้น แต่ก็ทำร้ายไม่ลง เพราะยังรักแสนรัก… เหลือเกิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel