บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4.1 ในคืนที่หัวใจสลาย

วีรพัทธ์ยังคงนั่งเหม่ออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าของเขาดูอิดโรย แววตาแสนเศร้าและมีน้ำคลออยู่ตลอดเวลา

จะเรียกอาการที่เขาเป็นอยู่ว่ารู้สึกผิดก็คงไม่ผิดนัก แต่จะให้เดินเข้าไปขอโทษเขาก็ยังไม่คิดจะทำ เพราะภาพความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อสามปีก่อนยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ทุกวันทุกคืน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาทำรุนแรงกับสหัสสะ เพราะเขาไม่อาจลบภาพที่เขาเห็นสหัสสะนอนอยู่บนเตียงกับคนอื่นและร่วมรักกันอย่างหนักหน่วงถึงอกถึงใจในคืนนั้นได้ แม้เขาจะเห็นมันจากคลิปแอบถ่ายก็ตาม

วีรพัทธ์คนนั้นเฝ้าทะนุถนอมคนรักอย่างสหัสสะเป็นอย่างดี ตลอดสองปีที่ทั้งสองคบหากันในฐานะคนรัก ความฝันความหวังและแผนการในอนาคตถูกวางเอาไว้อย่างสวยงาม พวกเขาจะจับมือเดินไปด้วยกัน แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงไปในคืนหนึ่ง…

“กูกลับก่อนนะ”

วีรพัทธ์โบกมือลากลุ่มเพื่อนที่นัดมาดื่มกันในผับหลังสอบเสร็จ จนเพื่อน ๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวว่าเขาเป็นพวกกลัวเมียต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน

“ไม่ได้กลัวโว้ย แต่เป็นห่วง กูต้องไปรับไมล์”

สหัสสะทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับเล็ก ๆ อีกแห่งที่อยู่ห่างออกไปอีกสองป้ายรถเมล์เพื่อหาเงินมาเรียนหนังสือ ทั้ง ๆ ที่วีรพัทธ์สามารถดูแลคนรักได้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมใช้เงินของเขา วีรพัทธ์จำใจยอมแต่ต้องแลกกับการที่สหัสสะย้ายไปอยู่ห้องเดียวกันกับเขา และให้เขาเป็นคนไปรับไปส่งทุกคืนที่ต้องทำงาน

สหัสสะยอมเพราะเห็นว่าช่วยประหยัดค่าห้องของตัวเองและไม่ได้เบียดเบียนคนรักจนเกินไป เพราะถึงแม้สหัสสะไม่ย้ายเข้าไปอยู่ร่วมห้องวีรพัทธ์ก็ต้องจ่ายค่าเช่าเท่าเดิม เขาจึงขอเป็นคนออกค่าน้ำค่าไฟ และแถมบริการเป็นแม่บ้านให้แลกกับค่าห้อง ดูแลทั้งความสะอาดทั้งอาหารการกินและชีวิตความเป็นอยู่ ชีวิตคู่ของทั้งสองจึงลงตัวสุด ๆ

วีรพัทธ์ยิ้มกริ่มระหว่างขับรถมาจอดรออยู่ที่ด้านหลังผับแห่งนั้น เหลือเวลาไม่นานสหัสสะก็จะเลิกงาน เขากดรีโมตเครื่องเล่นเปิดเพลงที่คนรักชอบฟัง แล้วเอนหลังพิงกับพนักเบาะรถยนต์ ก้านนิ้วยาวเคาะลงที่หน้าขาของตัวเองเป็นจังหวะตามทำนองเพลงรัก พลางสายตาก็จ้องมองไปที่ประตูทางออกด้านหลังที่สหัสสะจะต้องเดินออกมาตรงนั้น

ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็คิดถึงเสียแล้ว ที่เพื่อน ๆ แซวว่าเขาเป็นพวกคลั่งรักคงไม่เกินจริงสินะ แต่รอดูเอาเถอะสหัสสะน่ะคลั่งรักเขามากกว่า เพราะทันทีที่เห็นหน้าและเข้ามานั่งในรถ รับรองว่าคนน้องจะต้องโผเข้ามากอด แล้วเอ่ยคำหวานด้วยน้ำเสียงน่ารัก ‘คิดถึงพี่วีร์จังครับ รอนานมั้ยครับ’ อะไรทำนองนั้น

“นาน” วีรพัทธ์รำพึงขึ้นมา “มันนานเกินไป” เขาเริ่มกังวลเพราะเลยเวลาเลิกงานของสหัสสะมาพักใหญ่ ชายคนรักก็ยังไม่ออกมาสักที แต่ระหว่างที่วีรพัทธ์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรหา สายตาของเขาก็เหลือบเห็นคนที่เดินออกมาจากประตูบานนั้นพอดี

“น้องครับ” วีรพัทธ์รีบลงมาจากรถแล้วร้องเรียกชายหนุ่มคนนั้นทันที คนที่เขาจำได้ว่าสหัสสะบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน “พี่วีร์นะครับ น้องจำพี่ได้มั้ยครับ”

ชายคนนั้นมองหน้าวีรพัทธ์สักครู่ก็ร้องอ๋อ “อ้อครับ จำได้”

“พี่มารอรับไมล์น่ะครับ แต่ไม่เห็นไมล์ออกมาสักที น้องเห็นมั้ยครับ”

“อ้าว! ไมล์มันไม่ได้บอกพี่เหรอครับว่าคืนนี้มีงานต่อ” ชายหนุ่มคนนั้นถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

แต่ดูเหมือนว่าคนที่แปลกใจมากกว่าจะเป็นวีรพัทธ์ “มีงานต่อ? งานอะไรครับ? ไมล์ไม่เห็นบอกพี่เลย”

“คืนนี้ไมล์มันรับแขกไว้น่ะครับ ก็ลูกค้าประจำของมันนั่นแหละ”

“รับแขก? ลูกค้าประจำ?” วีรพัทธ์งงหนัก ชายหนุ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี ตัวเขาเองก็ไม่ได้อ่อนต่อโลกถึงขั้นจะเดาไม่ออกว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดหมายความว่าอย่างไร แต่เขามั่นใจว่าคนรักไม่มีทางรับงานพวกนั้น แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ทำกันจนเป็นเรื่องปกติก็ตาม “คนละไมล์กันหรือเปล่าครับ?”

“ถ้าพี่ถามถึงไอ้ไมล์ สหัสสะ นักศึกษาปีสองมหา’ลัยเดียวกับพี่แล้วละก็… คนเดียวกันครับ” หนุ่มคนนั้นยืนยันก่อนจะเดินออกไป แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงหันกลับมาบอก “ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองไปดูที่เดอะพาราไดซ์ห้องหมายเลขสิบแปด พวกผมใช้ห้องนั้นประจำ คิดว่าคืนนี้มันคงไปที่นั่นแหละ”

วีรพัทธ์รู้สึกตัวชาวูบ เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานกว่าจะมีแรงก้าวขาออกไป แม้ในใจไม่เชื่อแต่ก็ยอมรับว่าเริ่มสั่นคลอน เพราะช่วงสองสามเดือนมานี้มีหลายครั้งที่สหัสสะปฏิเสธไม่ให้เขามารอรับ และอีกฝ่ายจะกลับถึงห้องในตอนเช้าด้วยสภาพอิดโรยไร้เรี่ยวแรงราวกับไม่ได้นอนหรือผ่านศึกหนักมาทั้งคืน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel