บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3.2 สถานะใหม่

หลังจากคืนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวกับศิลปิน แต่สหัสสะเพิ่มสถานะอีกอย่างคือเป็นที่บำบัดความใคร่และระบายความต้องการดิบเถื่อนของวีรพัทธ์เพื่อแลกกับเงินในจำนวนที่ต้องการโอนเข้าบัญชีหลังเสร็จกิจ และวีรพัทธ์ไม่เคยอ่อนโยนกับเขาเลยสักครั้ง แม้แต่ครั้งนี้ที่เขาบอบช้ำปางตายและกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

เจ็บที่ร่างกายสหัสสะยังพอทนไหว แต่เจ็บที่หัวใจซ้ำ ๆ บางครั้งมันก็เกินจะทานทน ฝ่ามือเรียวกำแน่นอยู่บนแผงอกแกร่ง และใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างสูงกว่าให้พ้นตัว สหัสสะกรีดร้องราวกับคนคลุ้มคลั่ง เหมือนเขากำลังระบายความอัดอั้นตันใจ แล้วร่างบางก็สั่นสะท้านเกร็งกระตุก ก่อนจะทรุดร่วงลงไปกับพื้นกระเบื้องเย็นชื้น

“นี่นาย!” วีรพัทธ์ไม่พอใจ คิดว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่เมื่อมองต่ำตามลงไป ก็พบร่างบอบบางและบอบช้ำนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าของเขา

“นาย” เขาเรียกซ้ำ ใช้เท้าเขย่าแรง ๆ บริเวณต้นขา แต่สหัสสะก็ยังไม่ขยับ “นาย” ลองเรียกซ้ำอีกครั้งก็ยังนิ่งเงียบ “สหัสสะ ลุกขึ้นมานะ”

วีรพัทธ์ย่อตัวลงไปใช้มือเขย่าต้นแขน แต่ร่างของสหัสสะก็ไม่ตอบสนอง เขาเริ่มใจคอไม่ดี “ไมล์”

ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรร่างบางก็ไม่ไหวติง คราวนี้วีรพัทธ์จึงเริ่มลนลาน เขาอุทานอย่างตกใจ “ไมล์ ไมล์เป็นอะไร?” เขาเขย่าร่างผอมบางซีดเซียวอย่างแรง “ไมล์ ได้ยินพี่มั้ย?” แต่ก็ไม่มีสัญญาณใด ๆ ตอบกลับมา

วีรพัทธ์ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาช้อนอุ้มสหัสสะขึ้นมาแล้วพาออกมาจากห้องน้ำ พลางปากก็ร้องเรียก “ไมล์”

เสื้อผ้าแบบง่าย ๆ ถูกวีรพัทธ์คว้ามาสวมให้ทั้งสหัสสะและตัวเขาเอง ก่อนที่ร่างสูงจะอุ้มคนไม่ได้สติวิ่งออกจากห้องชุดราวกับคนเสียสติ

“ไมล์ ตื่นสิ อย่าเป็นอะไรไปนะ ไมล์ ได้ยินพี่มั้ย” ชายหนุ่มร้องเรียกไปตลอดทาง ดวงตาที่เอาแต่เฝ้ามองใบหน้าซีดเซียวสลับกับมองทางกำลังแดงก่ำ ทั้งเป็นห่วงทั้งรู้สึกหวาดกลัว

เขาพาสหัสสะมาถึงโรงพยาบาลภายในไม่กี่นาทีเพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสอง การจราจรไม่ได้แออัด แต่พอมาถึงกลับไม่มีหมอสักคน

“หมอหายหัวไปไหนกันหมด” วีรพัทธ์อาละวาดกับพยาบาลที่เข้ามาบอกว่าหมอเวรติดเคสคนไข้รายอื่น “พวกคุณทำอะไรสักอย่างสิ”

“คุณวีรพัทธ์ใจเย็น ๆ นะคะ ออกไปรอด้านนอกก่อนค่ะ” พยาบาลคนเดิมพยายามดันร่างสูงให้ออกจากห้องฉุกเฉิน แต่วีรพัทธ์มีหรือจะยอม เขาไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ไม่สนใจว่าตัวเองเป็นคนดังมีชื่อเสียง เขาเอาแต่ยืนเกาะอยู่ตรงขอบเตียงของสหัสสะ แล้วชี้นิ้วกราดสั่งให้เจ้าหน้าที่รีบทำการรักษา

ไม่นานหมอก็เข้ามาดูอาการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยาบาลตามเข้ามารวบตัววีรพัทธ์พาเขาออกมาด้านนอกสำเร็จ แต่กระนั้นนักแสดงหนุ่มก็เอาแต่เดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงอีกคนที่นอนอยู่ในนั้น

“ไมล์”

เขารำพึงเรียกชื่อคนเคยรัก คนที่เขาทำร้ายซ้ำ ๆ ตลอดระยะเวลาสองเดือนกว่า ๆ ที่กลับมาพบกัน โดยไม่เคยถามถึงเหตุผลที่สหัสสะทำแบบนั้น เขามองเพียงความบอบช้ำที่ตัวเองเคยได้รับ ความทุกข์ทรมานที่กว่าจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้

“ไอ้วีร์!”

ไม่นานชานนท์ก็มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าแล้วละล่ำละลักถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“กู… ไม่รู้ว่ะ อยู่ ๆ ไมล์ก็เป็นลมไป”

“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่ได้ทำร้ายน้องน่ะ” ชานนท์มองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ เพราะหลายครั้งแล้วที่เขาเห็นสภาพของสหัสสะ และเคยคิดว่าสักวันเจ้าของร่างบอบบางนั้นจะทนไม่ได้

“กู…” วีรพัทธ์หลับตาลง เมื่อนึกถึงการกระทำรุนแรงของตัวเองตลอดสองชั่วโมงกว่าก็ได้แต่ด่าตัวเองในใจ เขาไม่กล้าบอกชานนท์หรือแม้แต่จะยอมรับกับตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สหัสสะเป็นแบบนั้น

ทันใดนั้นหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หมอหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้าวีรพัทธ์พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาตำหนิ

“ร่างกายของคุณสหัสสะบอบช้ำมากเกินไปจนรับไม่ไหว ส่วนสติที่ดับไปน่าจะมาจากมีเรื่องเครียดหรือสะเทือนใจอย่างรุนแรงก็เลยช็อกไปน่ะครับ ตอนนี้คนไข้รู้สึกตัวแล้วแต่ยังอ่อนเพลียอยู่มาก หมอให้น้ำเกลือ ยาแก้อักเสบและยานอนหลับ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะตื่น อีกสักครู่เจ้าหน้าที่จะพาไปห้องพักฟื้น นอนดูอาการที่นี่สักคืนนะครับ”

พอแจ้งญาติคนไข้เรียบร้อย คุณหมอก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แต่แววตาตำหนิที่หมอหนุ่มทิ้งไว้ทำให้ชานนท์สงสัย

“มึงทำอะไรน้อง?” จึงอดไม่ได้ที่จะหันมาคาดคั้นเพื่อน

“กู…” แววตาของวีรพัทธ์นั้นรู้สึกผิด แต่ปากยังหนักเกินกว่าจะยอมรับ “เปล่า”

ชานนท์ไม่เชื่อ แต่ยังไม่ทันจะได้ถามต่อ เจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงของสหัสสะออกมา เขามองไปที่ร่างผอมบางที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติที่มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่แขน นั่นไม่ได้ทำให้ชานนท์ตกใจเท่ากับร่องรอยบาดแผลที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา

“ไอ้เหี้ยวีร์!”

อยากด่าให้มากกว่านี้แต่มันจุกจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นสภาพของหนุ่มรุ่นน้อง ถึงตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคาดคั้นเอากับวีรพัทธ์แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น นึกถึงใบหน้าของหมอเมื่อครู่คงอยากด่าวีรพัทธ์มากกว่าจะออกมาแจ้งอาการ แต่เพราะจรรยาบรรณของวิชาชีพค้ำคออยู่คุณหมอจึงทำได้แค่ตำหนิด้วยสายตา

ชานนท์เดินตามสหัสสะไปหลังจากเข้ามาขวางวีรพัทธ์แล้วชี้หน้า “กูว่าน้องคงไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้ ทางที่ดีมึงกลับไปก่อนที่น้องจะตื่นมาเจอแล้วช็อกหมดสติไปอีกครั้ง กูจะอยู่เฝ้าไมล์เอง”

วีรพัทธ์ไม่ได้ตามไป เขาทำเพียงยืนมองตามเตียงคนไข้ที่มีสหัสสะนอนหลับตาอยู่บนนั้น เขารู้ว่าคนน้องไม่ได้หลับอย่างที่หมอบอก เพียงแต่หลับตาเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขาเท่านั้น และตอนนี้สหัสสะก็คงเกลียดเขามากจนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา เพราะเขาเห็นมันไหลออกมาตรงหางตาของคนแกล้งหลับ…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel