ตอนที่ 3.1 สถานะใหม่
ร่างขาวเปลือยเปล่าที่ยืนอยู่ใต้เรนชาวเวอร์กำลังสะท้านไหว ไม่ใช่เพราะความเย็นจากสายน้ำแต่เป็นเพราะความเหน็บหนาวในหัวใจ หนุ่มน้อยที่เคยร่าเริงสดใส เคยผ่านช่วงเวลาอิ่มเอมใจกับใครอีกคนที่วาดหวังว่าจะจับมือกันตลอดไป บัดนี้ไม่เหลือแล้วแม้แต่วี่แววจะให้มันกลับมาเป็นแค่คนคนหนึ่งที่จะทำดีต่อกันได้
สหัสสะยกสองแขนขึ้นมากอดตัวเองพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมารับสายน้ำ หวังให้มันพาหยาดน้ำตาออกไปพร้อมกับล้างคราบความหยาบคายที่ร่างกายบอบบางถูกกระทำ น้ำเป็นสายที่ไหลลงมาช่วยชำระล้างร่างกายได้ก็จริง แต่ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดในหัวใจของหนุ่มน้อยได้เลย
คืนนี้สหัสสะใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าทุกครั้งจนวีรพัทธ์แปลกใจ ร่างสูงที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงจึงเฝ้าจับจ้องไปที่บานประตูที่อีกคนขังตัวเองไว้ เขาเงี่ยหูฟังเสียงน้ำไหล ใจหนึ่งกังวลว่าคนในนั้นจะเป็นอะไรไป แต่อีกใจก็เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองเมื่อชั่วโมงก่อน เขารุนแรงกับสหัสสะมากกว่าทุกครั้งหลังอีกฝ่ายเอาตัวมาแลกกับเงินสองหมื่น ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งโอนเข้าบัญชีให้ในจำนวนเดียวกันไปเมื่อวานนี้เอง
“นอนกับคนหนึ่งเพื่อเอาเงินไปเปย์ผู้ชายอีกคน โคตรขยะแขยง”
คนพูดกัดฟันกรอด แววกังวลในดวงตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวโกรธเกลียด ยามนึกถึงชื่อและนามสกุลของปลายทางรับโอนเงินจากบัญชีของสหัสสะที่เขาบังเอิญเห็นเมื่อสัปดาห์ก่อน ชื่อไม่คุ้น นามสกุลก็ไม่ใช่คนที่จะอนุมานได้ว่าเป็นพี่น้องหรือเครือญาติกัน แล้วมันจะเป็นใครไปได้นอกจากผู้ชายที่สหัสสะเลี้ยงเอาไว้ ‘แพศยา’ คำที่เขาใช้เรียกสหัสสะระหว่างร่วมรักจึงไม่เกินจริง
ยิ่งคิดยิ่งแค้นยิ่งเจ็บปวด และน่ากลัวเกินกว่าจะเค้นถามหาความจริง วีรพัทธ์กลัวว่าตัวเองจะรับไม่ได้ และกลัวว่าจะลงมือทำร้ายอีกคนจนตายคามือ เขาจึงเลือกที่จะทรมานทั้งสองฝ่าย ในเมื่อเขาเจ็บ สหัสสะก็ต้องเจ็บด้วยกัน ต่อให้มันจะเป็นเพียงร่างกายเท่านั้นก็ตาม
“ทนได้ก็ทนไป”
ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มผืนหนาออกจากร่างกายเปลือยเปล่า แล้วก้าวเข้าไปยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ
ปัง ปัง ปัง
เขาออกแรงทุบเสียงดัง จนคนที่ยืนอยู่ในนั้นสะดุ้งเฮือก สหัสสะรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่มันยังไม่ยอมหยุดไหลแม้ว่าสายน้ำจะชะออกไปตลอดเวลาแล้วก็ตาม
“ครับ” เขาตะโกนขานรับ
“ทำบ้าอะไรอยู่ ฉันจะใช้ห้องน้ำ”
ห้องชุดสุดหรูมีสองห้องนอนสองห้องน้ำ และนี่ก็เป็นห้องนอนเล็กของสหัสสะและเป็นห้องน้ำที่เขาใช้เป็นปกติ แต่แทนที่วีรพัทธ์จะเดินกลับห้องนอนใหญ่ของตัวเองแล้วใช้ห้องน้ำที่นั่น กลับมาต่อว่าและขู่บังคับอย่างเอาแต่ใจ
สหัสสะถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ เขาเอื้อมมือไปปิดน้ำ แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่าง ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู
แต่ทันทีที่ช้อนสายตาขึ้นสบกับคนตัวสูงกว่าราวสักสามเซ็นต์ สหัสสะก็ต้องเบิกตากว้างเพราะอ่านออกว่าคนตรงหน้าต้องการใช้ห้องน้ำทำอย่างอื่นมากกว่าที่จะใช้เพื่ออาบน้ำ
ทันใดนั้นร่างบางก็ถูกผลักเข้าไปด้านในอย่างไม่เบาแรงเพราะคนทำกำลังกรุ่นโกรธ
“คุณวีร์!” พอทรงตัวได้สหัสสะก็ร้องประท้วง แต่ตอนนั้นวีรพัทธ์ก็จับเขาขึงพืดกับผนังเสียแล้ว
“ฉันจะจ่ายให้อีกสองหมื่น”
“ไม่นะครับ”
คนตัวเล็กกว่าร้องห้ามอย่างไรวีรพัทธ์ก็ไม่ยอมหยุด และดูท่าจะทำรุนแรงกว่าตอนที่อยู่บนโซฟาในห้องโถง หรือกระทั่งตอนที่ลากสหัสสะมาโยนลงบนเตียง
ฝ่ามือเรียวยกขึ้นดันแผงอกกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายฝังใบหน้าลงมา เพราะวีรพัทธ์ไม่ได้หมายใจจะจูบนุ่มนวลอย่างที่ควรกระทำ แต่เขาใช้ฟันคม ๆ กัดไปทั่วผิวเนื้อสีขาวจนบัดนี้มันมีแต่รอยช้ำและบาดแผล
“อ๊ะ!”
แต่ก็หาได้ช่วยอะไรได้ เป็นเพราะแรงที่มีน้อยกว่าสหัสสะจึงต้องเจ็บอีกครั้ง หนุ่มน้อยอุทานเสียงหลงเพราะวีรพัทธ์ขบกัดลงไปบนแผลเดิมตรงบริเวณบ่า
“เจ็บเหรอ?” คนทำผละใบหน้าออกไปแล้วเลิกคิ้วถาม
“ครับ” สหัสสะจึงพยักหน้าตอบรับทั้งน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาคลอหน่วยอีกครั้ง
“ดี! เพราะฉันต้องการให้นายเจ็บ”
แล้วคนใจร้ายก็กัดลงไปที่เดิมซ้ำ ๆ พร้อมกับการกระชากผ้าเช็ดตัวที่พันช่วงล่างของร่างเล็กกว่าตวัดออกไป เขารวบข้อมือของสหัสสะขึ้นไปขึงไว้เหนือศีรษะ จับยึดไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างบีบขยำเอวบอบบางราวกับคนอดอาหาร สัมผัสนั้นยิ่งทำชายหนุ่มนึกโมโห
สหัสสะใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร จะซื้ออะไรกินสักอย่างก็คิดแล้วคิดอีก กินข้าววันละมื้อหรือเต็มที่ก็ไม่เกินสองมื้อ ไม่เคยซื้อของฟุ่มเฟือย กาแฟแก้วละห้าสิบบาทอย่าหวังจะได้กินเงินของอีกฝ่าย ให้ง่วงแค่ไหนอย่างมากก็กาแฟดำชงกินเอง ทั้ง ๆ ที่หน้าด้านมาขอเงินเขาแทบจะวันเว้นวัน แต่ทุกบาททุกสตางค์ก็จะถูกโอนออกไปในทันทีอย่างที่เรียกได้ว่าแค่ผ่านบัญชีเฉย ๆ มันน่าปล่อยให้อดให้ตาย
“กินให้มันเยอะ ๆ หน่อย ฉันไม่ชอบเอากับพวกผอมแห้งเป็นไม้เสียบผี” วีรพัทธ์บีบเอวเล็กพร้อมกับจับกดจนแนบกับผนังห้องน้ำ “ถ้านายผอมไปกว่านี้ฉันจะจ่ายแค่ครั้งละพัน เพราะมันไม่คุ้ม”
คนที่รู้สึกด้อยค่าอยู่ก่อนหน้าได้ยินแล้วก็ยิ่งสะเทือนใจ คิดว่าตัวเองคงเป็นได้แค่สินค้าชิ้นหนึ่งที่ถูกใช้ซ้ำจนไร้มูลค่า แต่จะว่าวีรพัทธ์ฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะสหัสสะเองต่างหากที่เป็นคนด้อยค่าตัวเองด้วยการยอมรับข้อเสนอที่จะปรนเปรอเขาเพื่อแลกกับเงิน ทุกอย่างมันเริ่มตั้งแต่คืนนั้น…
“ใครใช้ให้นายสะเออะไปรับปากจะทำงานนี้” วีรพัทธ์อาละวาดจนห้องชุดแทบพังหลังรู้ว่าสหัสสะไปรับงานมินิคอนเสิร์ตที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำเด็ดขาด แต่ผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวอย่างสหัสสะกลับไปรับมา
“ผมปรึกษากับพี่เดียร์แล้วนะครับ แล้วอีกอย่างมันก็เป็นความฝันของคุณด้วย ผมก็เลยคิดว่า…”
“สู่รู้!” วีรพัทธ์ผลักร่างเล็กกว่าจนหงายหลังลงไปบนโซฟากลางห้องโถง “นายไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนฉัน”
“แต่ผมหวังดีนะครับ นี่มันเป็นโอกาส”
“หวังดีงั้นเหรอ ช่วยเอาความหวังดีของนายโยนทิ้งไปเหมือนกับที่นายเคยทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ทั้งความฝัน ทั้งฉันนั่นแหละ”
“พี่วีร์…”
“ไม่ต้องมาเรียกแบบนั้น! ฉันกับนายเป็นแค่ศิลปินกับผู้จัดการชั่วคราวเท่านั้น ที่ฉันไม่ไล่นายไปเพราะเห็นแก่พี่เดียร์ แต่ถ้ายังมาจุ้นจ้านจัดการชีวิตฉันอีก นายเจอดีแน่! แล้วไปปฏิเสธงานนั้นซะ ฉันไม่ทำ”
“แต่พี่วีร์ครับ…” สหัสสะชะงักเมื่อเผลอเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วจนวีรพัทธ์ตวัดสายตาใส่ “คุณวีร์ครับ คือผม…”
“อะไร?” น้ำเสียงนั้นตะคอกอย่างไม่พอใจ อารมณ์โกรธเริ่มทวีความรุนแรงเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และเลื่อนตัวลงไปคุกเข่าสารภาพ
“ผมต้องการเงินครับ”
“นายว่าไงนะ?”
วีรพัทธ์แทบไม่เชื่อหู เพราะสหัสสะที่เขาเคยรู้จักไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน ขนาดเขาพร้อมจะให้ ยินดีจะจ่ายทุกอย่างในช่วงเวลาที่ทั้งสองคบหากัน สหัสสะก็ไม่เคยยอมรับ และหากเขาเซ้าซี้มาก ๆ ก็พานจะมาโกรธมางอนเขาอีกต่างหาก แต่สหัสสะวันนี้กลับกล้ามาแตะต้องความฝันที่ทั้งสองเคยวาดหวังไว้ว่าจะทำมันด้วยกันเพื่อแลกกับเงิน และที่สำคัญยังบังคับให้เขาทำมันเพียงลำพังอีกด้วย
“พี่เดียร์บอกว่าผมจะได้ส่วนแบ่งสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และหากคุณวีร์ยอมเซ็นสัญญารับงานนี้ พี่เดียร์จะจ่ายเงินก้อนนั้นให้ผมก่อน ผมจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ครับ”
วินาทีนี้วีรพัทธ์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ความโกรธความแค้นในสิ่งที่สหัสสะทำกับเขาเมื่อสามปีก่อนผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ ก่อนที่เขาจะกระชากร่างเล็กกว่าขึ้นมาเผชิญหน้าแล้วตะคอกใส่
“หน้าเงิน!”
ทันใดนั้นน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ก่อนหน้าก็ไหลลงมาอาบแก้ม สหัสสะเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แม้มันจะเจ็บปวดแต่เขาก็ยอมรับ
“ครับ ผมต้องการเงิน และด่วนมากด้วย”
วีรพัทธ์จ้องมองคนตรงหน้าที่เขาอยากขย้ำตาเขม็งพร้อมกับเค้นเสียงถาม “ทางนั้นนัดเซ็นสัญญาเมื่อไร?”
“สัปดาห์หน้าครับ” สหัสสะช้อนสายตาขึ้นสบกับวีรพัทธ์อย่างขอร้องอ้อนวอน ในขณะที่อีกฝ่ายกระตุกมุมปากยิ้มเยาะกลับมาพร้อมกับออกแรงบีบที่ต้นแขนทั้งสองข้าง
“ไหนว่าต้องรีบใช้เงินด่วน แล้วจะทันเหรอ?”
“…”
“ฉันมีข้อเสนอ”
ฝ่ามือหนาที่บีบต้นแขนเรียวอยู่ก่อนหน้าค่อย ๆ เลื่อนลงไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สายตาที่มองฉายชัดถึงอารมณ์ปรารถนาผสมกับความสะใจที่กำลังไล่ต้อนลูกไก่ในกำมือ
“พรุ่งนี้เช้าเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีตามยอดที่นายต้องการ” วีรพัทธ์เลื่อนฝ่ามือขึ้นมาบีบปลายคางเรียว เขาใช้นิ้วหัวแม่มือบดขยี้กลีบปากอิ่มที่กำลังสั่นระริกอย่างพอใจ “ถ้าคืนนี้นายทำให้ฉันพอใจ”
