บท
ตั้งค่า

10

บทที่ 10

จิตใจของเขาร้อนรุ่มดั่งไฟสุม เมื่อเห็นเด็กสาวอายุราว ๆ ยี่สิบปีเริ่มทยอยออกมายืนที่หน้าร้าน แต่ละนางล้วนแต่งตัวล่อแหลม เชิญชวนให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปมาเข้าร้านด้วยท่าทางมีจริต เขาเพ่งมองใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลานสาวของตนอยู่ในนั้น

เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของหลานสาววัยใส หัวใจที่บีบคั้นด้วยความเคร่งเครียดในตอนแรกจึงเริ่มรู้สึกดีขึ้น เธอคงไม่ได้โกหกเขาหรอก ชื่อคนมันก็ซ้ำกันได้ทั้งนั้น เขากลับไปรอเธอที่บ้านดีกว่า คิดได้ดังนั้นจึงเดินออกจากมุมที่ใช้พรางตัวแล้วเดินกลับบ้าน

“จะกลับแล้วเหรอหยิน”

“จ้ะ หยินกลับก่อนนะคะพี่ ๆ”

เท้าที่กำลังเดินไปข้างหน้าของอุดมชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงบอกลาคุ้นหูดังขึ้น เขารีบหันหลังกลับไปมองให้แน่ใจ

“หนูหยิน จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ”

“ค่ะเฮีย”

“เฮียบอกว่าจะกลับให้บอกเฮียก่อนทุกครั้งไงล่ะ”

“หนูเห็นเฮียคุยโทรศัพท์อยู่ค่ะ ก็เลยไม่กล้ารบกวน”

“รบกงรบกวนที่ไหนกัน สำหรับหนูหยินต้องสำคัญกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เอานี่กลับไปด้วย เฮียเอาของลูกค้ามาให้หนูก่อนเลยนะ เพราะแม่ครัวบอกว่าหนูไม่ยอมสั่งอาหารกับเขา”

“หนูไม่เอาได้ไหมคะเฮีย แค่เฮียจ่ายค่าแรงหนูทุกวันหนูก็เกรงใจมากแล้วค่ะ”

“เฮียเขาอุตส่าห์มีน้ำใจก็รับ ๆ ไว้สิหยิน เด็กดีเขาไม่ดื้อกับผู้ใหญ่หรอกนะ”

“รับไว้เถอะ เอาไปให้ปู่กิน”

“ขอบคุณค่ะ” ปันหยีจำใจต้องรับถุงกับข้าวจากเจ้าของร้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องก้มหน้าหลับตาแน่น เมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้แล้วกอดเธออีกแล้ว

“ต้องแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเด็กดี”

เด็กสาวเกร็งแขนหนีบเอาไว้กับลำตัวแน่น เมื่อรู้สึกว่ามือใหญ่ของเจ้าของร้านกำลังสอดเข้าไปหาเต้านมของเธอ เธอรังเกียจการกระทำที่เรียกว่าจงใจลวนลามนี้จับขั้วหัวใจ แต่ก็กลัวที่จะแสดงความรู้สึกออกมา

อุดมแทบจะล้มทั้งยืนกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ผู้หญิงหลาย ๆ คนกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ กำลังหวาดกลัวอยู่ในอ้อมแขนของชายวัยกลางคน ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงกลายเป็นเรื่องสนุกในสายตาของพวกเธอ ทั้ง ๆ ที่มองยังไงก็ดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจ ทำไมพวกเธอถึงใจร้ายกันนัก

“หยิน!” อุดมก้าวอาด ๆ เข้าไปกระชากหลานสาวออกจากอ้อมแขนอันน่าเกลียดนั้นสุดแรง

“ปู่!” เด็กสาวตกตะลึงเมื่อเห็นปู่ของตน และกลัวจนน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นสายตาผิดหวังของท่าน “ปู่มาได้ยังไงจ๊ะ”

“สวัสดีครับปู่” เมื่อรู้ว่าชายชราที่แต่งตัวมอซอ คือปู่ของเด็กสาวที่ตนเองหมายตาเอาไว้ ชายวัยกลางคนก็ฝืนใจยกมือไหว้พร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร

อุดมมองชายคนนั้นด้วยสายตาแสดงความรังเกียจอย่างเปิดเผย แล้วคว้าข้อมือของหลานสาว

“กลับไปคุยกันที่บ้าน” ก่อนจะเดินจากไปเขาก็คว้าถุงใส่อาหารในมือของเธอ แล้วโยนลงไปบนพื้นตรงที่เจ้าของร้านและเด็กสาวสี่ห้าคนยืนอยู่

ในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มีของใช้เพียงไม่กี่ชิ้น เด็กสาววัยสิบห้าเศษ ๆ นั่งพับเพียบกุมมือตัวเองเอาไว้บนตัก ก้มหน้าสะอื้นไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อปู่ที่เธอรักและเคารพสุดหัวใจไม่พูดอะไรด้วยสักคำ แล้วยังหุงข้าวทำอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

“หยุดร้องไห้แล้วมากินข้าวซะ”

ผ่านไปพักใหญ่ ๆ ปู่ของเธอถึงได้พูดออกมา แต่มันทำให้เธอสะอื้นไห้หนักกว่าเก่าเสียอีก ได้แต่สั่นศีรษะไปมาเพราะพูดไม่ออก

อุดมวางชามข้าวลงทั้งที่หิวจนแสบท้อง เพราะปกติเมื่อหลานสาวกลับมาถึงจะเริ่มกินข้าวเย็นด้วยกัน เพราะเขาจะเตรียมหุงข้าวรอท่าเอาไว้ก่อนแล้ว แต่วันนี้ต้องช้าไปกว่าเดิมเป็นชั่วโมง

“ถ้าหนูไม่กิน ปู่ก็ไม่กินเหมือนกัน”

ได้ยินดังนั้นเด็กสาวจึงคลานไปหาสำรับกับข้าว เธอคลานไปหยุดอยู่ที่ข้าง ๆ ปู่แล้วก้มลงกราบบนตักของท่าน

“หนูขอโทษที่โกหกปู่ หนูไม่ได้อยากจะโกหกปู่เลยนะจ๊ะ แต่หนูกลัวปู่จะไม่ให้หนูทำงาน”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ปู่เข้าใจ ปูไม่โกรธหนูหรอก” อุดมพูดแทรกขึ้นมา สงสารหลานสาวที่พูดไปสะอื้นไปจับใจ เขาไม่ได้โกรธเธอเลยสักนิด แต่โกรธตัวเองต่างหากที่ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเธออย่างดี ทำให้เธอต้องออกไปหางานทำ ไปอยู่ในที่ไม่ดีแบบนั้น ถ้าบังเอิญวันนี้เขาไม่ได้ไปเจอเธอ อะไรมันจะเกิดขึ้นกับเธอบ้าง..แค่คิดก็ปวดใจแล้ว

“ปู่โกรธหนู ตีหนูยังดีเสียกว่า ปู่ไม่โกรธแบบนี้ หนูยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิมอีก”

“ปู่จะโกรธหลานรักของปู่ได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่หนูทำก็เพื่อปู่คนนี้”

“ปู่จ๋า” เด็กสาวกอดปู่แน่น สะอื้นไห้ด้วยความรู้สึกผิด “หนูสัญญาว่าจะไม่โกหกปู่อีกแล้ว หนูจะไม่ไปทำงานที่นั่นอีก พรุ่งนี้หนูจะไปรับจ้างล้างจาน ถึงเงินมันจะน้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ปู่จะได้สบายใจ”

“ไม่ต้องไปทำแล้วลูก ปู่ตัดสินใจแล้วว่าจะให้หนูไปเรียนต่อ”

คำพูดของผู้เป็นปู่ทำให้เด็กสาวต้องรีบผละจากอกอุ่นของท่าน ปาดน้ำตาแล้วมองหน้าท่านเพื่อให้แน่ใจว่าท่านไม่ได้กำลังล้อเล่น

“ปู่มีเงินเหรอจ๊ะ”

“ปู่ไม่มีเงินหรอก” ผู้ชายทุกคนมันไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ข้อนี้เขาตระหนักดี แต่ผู้ชายทุกคนก็มีดีมีเลวต่างกัน และเขาคิดว่าผู้ชายที่ชื่อฟิลลิปคนนั้น น่าจะเลวน้อยกว่าผู้ชายคนอื่น เพราะตั้งแต่ที่คุยกันวันนั้นทุกอย่างก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นเคารพการตัดสินใจของเขามากกว่าการใช้ความรู้สึกส่วนตัว “แต่ปู่รู้ว่าต้องทำยังไง”

“ทำยังไงจ๊ะปู่ ถ้าปู่ต้องทำงานเพิ่มหรือว่าหยุดไปหาหมอเพื่อเก็บเงินให้หนูเรียน หนูไม่เอานะจ๊ะ หนูทำงานสักพักแล้วค่อยไปเรียนนอกระบบในวันอาทิตย์เอาก็ได้จ้ะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกลูก คุณไซม่อนบอกปู่ว่าถ้าปู่ไปทำงานที่บริษัทของคุณฟิลลิป ปู่จะมีสวัสดิการตั้งหลายอย่าง แล้วหนูก็จะได้เรียนฟรีด้วย ปู่ก็เลยคิดว่าจะไปทำงานกับเขา”

“จริงเหรอจ๊ะปู่ บริษัทของคุณฟิลลิปเขาดีอย่างนั้นเลยเหรอจ๊ะ” เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้กำลังจะเป็นจริง เธอจะได้เรียนสมใจอยากแล้ว “ถ้าหนูได้เรียนจริง ๆ หนูจะตั้งใจเรียนให้มาก ๆ ให้สมกับที่คุณฟิลลิปเขาเมตตาปู่กับหนู แล้วพอหนูเรียนจบ หนูจะตอบแทนบุญคุณของท่าน ด้วยการทำงานให้ท่านอย่างซื่อสัตย์จ้ะปู่”

“ดีแล้ว คนเราต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณคนจึงเป็นคนที่ประเสริฐ สิ่งที่หนูต้องจำเอาไว้ก็คือตั้งใจเรียนให้มาก ๆ อย่าวอกแวก อย่านอกลู่นอกทางเด็ดขาด รับปากปู่สิลูก”

“จ้ะปู่ หนูจะทำให้ปู่ภูมิใจกับหลานคนนี้ให้ได้ โตขึ้นหนูจะเลี้ยงปู่ให้สุขสบาย จะพาปู่นั่งเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้ หนูสัญญาจ้ะ” เธอมีความสุขเหลือเกินที่จะได้เรียนต่อ

เห็นอาการดีใจจนหน้าบานของหลานสาว ทำให้อุดมตัดสินใจได้เด็ดขาดมากขึ้น เขาชวนเธอกินข้าว วางแผนเรื่องที่ต้องไปหาเจ้าของคฤหาสน์ในหมู่บ้าน เพื่อติดต่อขอพบกับฟิลลิปอยู่ในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel