บทที่ 5.ต่อ.
หยดเทียนกำลังปอกแอปเปิลให้นวลหงส์ในส่วนที่ครัวซึ่งแยกออกมาเป็นสัดส่วนโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนแอบมองตนอยู่ และเมื่อหันมาก็ต้องตกใจเมื่อหันมาเจอคนที่ไม่อยากจะเจอหน้าที่สุดยืนมองเธออยู่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกและเนื่องจากอคติที่มีอยู่ในใจนานมาทำให้เธอคิดว่าแสงตะวันกำลังมองหาเรื่อง
“มองหาเรื่องเหรอ ว่างนักรึไง..” ดวงตากลมโตสีนิลวับวาว ส่วนแสงตะวันมองสาวน้อยตรงหน้าเพลินอย่างอารมณ์ดี ริมฝีปากเล็กๆ สีเรื่อนั้นขยับขึ้นลงอย่างน่าดูจนเขาชักอยากจะลิ้มรสริมฝีปากที่กำลังต่อว่าเขาฉอดๆ ขึ้นมาว่ามันจะรสชาติเป็นอย่างไร.. นี่เขากำลังคิดอะไรนี่.. ชายหนุ่มรู้สึกตกใจตัวเองที่ช่างคิดได้อกุศลนัก จึงกระแอมเบาๆ แล้วทำหน้ายียวนใส่
“โธ่เอ๊ย ยายน้ำตาเทียน ไม่สวยแล้วยังจะปากเหม็น ใครเขาอยากจะมองเธอกัน ตัวก็เตี้ย ขาก็สั้น สวยก็ไม่สวย ผู้ชายคนไหนๆ ก็มองผ่านหมดแหละเพราะมองไม่เห็น ส่วนสูงอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาฮ่าๆๆ”
“อี๊ ไอ้พี่ตะวันปากเสีย เขาไม่ได้เตี้ยแค่ไม่ได้สูงเท่านั้นเอง คนบ้านิสัยไม่ดีว่าผู้หญิง ตัวเองหล่อตายล่ะ ถ้าหล่อถ้าดีจริงทำไมไม่เห็นจะมีใครเอาอยู่เป็นโสดทึนทึกทำไม”
“ทึนทึกเขาใช้กับผู้หญิงเขาไม่ใช้กับผู้ชายหรอก อีกอย่างแสงตะวัน คนนี้หล่อเลือกได้ครับยายเตี้ย ฮ่าๆ” แสงตะวันหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นหยดเทียนหน้าดำหน้าแดงมองเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ่งเห็นแก้มใสๆ นั้นแดงปลั่งยิ่งพอใจจนอยากจะกดจมูกฝังลงบนแก้มแดงๆ นั้นสักที
“ไอ้พี่ตะวันบ้านิสัยไม่ดี คำก็เตี้ย สองคำก็เด็ก สามคำก็ไม่สวย ผู้ชายอะไรปากจัด สู้พี่ทิมก็ไม่ได้สุภาพน่ารักเสียดายจริงๆ ที่คนดีๆ อย่างพี่หงส์กับพี่ทิมเป็นเพื่อนกับผู้ชายปากเน่าๆ อย่างพี่ตะวัน”
“หึหึ โกรธเหรอที่พี่พูดความจริง”
“ใคร ใครเขาโกรธตัวเอง ผู้ชายอย่างพี่ตะวันไม่สำคัญพอที่เทียนจะโกรธหรอก ถอยไป เดี๋ยวแม่ทิ่มไส้แตกเลย” หยดเทียนแหวเสียงเขียวเดินผ่านร่างสูงแล้วกระแทกร่างสูงด้วยไหล่บอบบางของตนพลางชูมีดปอกผลไม้เล่มเล็กคมกริบเฉียดฉิวใบหน้าหล่อเหลาของแสงตะวันอย่างจงใจ จนชายหนุ่มผงะหนีแทบไม่ทัน
“เหวอ.. ยายเด็กบ้า เล่นเอาตกใจหมดเลยถ้าพี่เสียโฉมจะทำไง หล่อๆ แบบนี้หายากนะจะบอกให้”
“ชิ หล่อตายล่ะผู้ชายเจ้าชู้มั่วไม่เลือกแบบนี้หายไปจากโลกสักคนโลกคงสดใสขึ้นเยอะเลย..” ไม่วายเสียงใสๆ นั้นจะย้อนกลับมา จนชายหนุ่มต้องกลั้นยิ้มขันและแอบลูบต้นแขนตนเองที่ถูกร่างเล็กซึ่งมีความสูงหัวไหล่ตนชนเอาเมื่อครู่เบาๆ พลางอมยิ้มอย่างเป็นสุขราวกับว่าเขากำลังลูบแขนกลมกลึงของสาวเจ้าอยู่
“ท่าจะบ้าไปกันใหญ่แล้วตะวันเอ๊ย..” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองในใจพลางยืนยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว เพียงแค่ได้ต่อปากต่อคำกับสาวน้อยผู้กุมดวงใจของเขามานานแสนนานก็สุขใจแล้ว...
“แก ดูท่าอีตาตะวันมันจะเป็นเอามาก ดูมันๆ” ทินวัฒน์เอ่ยกระซิบกระซาบกับนวลหงส์ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“คนมันท่ามากก็แบบนั้นล่ะ เดี๋ยวจะยุให้ยายเทียนมีแฟนสักคน”
“จะกินแห้วไม่รู้ตัวยังทำท่ามาก ฉันล่ะหมั้นไส้จริ้ง ชักจะคันปากยุบยิบๆ แล้วนี่”
“เฮ้ยแก เรื่องของใครของมัน เราก็คอยดูไปเรื่อยๆ หากเขาเป็นเนื้อคู่กันก็ไม่แคล้วกันหรอกน่า ดูอย่างแกสิ จ้องมาตั้งนานยังไม่ได้กินเลย” นวลหงส์หันมายิ้มค่อนแคะและก็ได้ค้อนงามๆ จากทินวัฒน์กลับมา
“เออๆ ฉันมันแส่ สาระแนเองแหละ ทำไมก็คนมันหมั่นไส้ อุ้ย เป็นฉันหน่อยไม่ได้ฉุดปล้ำทำเมียเลยค้า” ทินวัฒน์พูดติดตลกแล้วหันไปยิ้มให้สาวน้อยที่ถือจานผลไม้มาวางที่โต๊ะรับรองริมระเบียง
“มาทานผลไม้กันค่ะ พี่หงส์ พี่ทิม” หยดเทียนเรียกเสียงใส พลางหันไปถลึงตาใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ที่ตรงรี่เข้ามานั่งข้างๆ เธออย่างถือวิสาสะพลางหยิบผลไม้เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจสายตาวับๆ ของเจ้าของผลไม้ที่ตั้งใจจะเอามาให้พี่สาวของตน
“คนหน้าด้านเขาไม่ได้เชิญตัวเองซะหน่อย”
“โธ่ ยายน้ำตาเทียน ไม่สวยแล้วยังขี้งกอีกเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอกดูสิทำหน้ายังกับคนอายุสี่สิบเอ้าๆ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ” แสงตะวันเย้าแหย่คนที่แทบจะแยกเขี้ยวขย้ำคอตนอยู่ตรงหน้า และยิ่งสนุกเมื่อเห็นดวงไฟวิบๆ ในดวงตากลมโตคู่งาม...
“อ๊าย..ไอ้พี่ตะวันบ้านี่แนะๆๆ คนบ้าคนปากมอม” สาวน้อยกรีดร้องอย่างขัดใจพลางระดมทุบอกกว้างของคนที่นั่งข้างๆ อย่างขุ่นเคือง จนชายหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวปัดป้องไม่ทัน สงครามย่อยๆ ของคนที่แอบรักเขากับคนที่ไม่รู้ตัวว่าเขาแอบรักจึงเกิดขึ้น ทินวัฒน์และนวลหงส์มองสองหนุ่มสาวที่วิ่งหลอกล่อกันไปทั่วห้องอย่างขบขัน
“คงจะมีสักวันที่เธอจะกล้าบอกรักหยดเทียนนะแสงตะวัน” นวลหงส์มองเพื่อนและน้องสาวของตนยิ้มๆ
