บท
ตั้งค่า

บทที่ 3. ใกล้วันจาก...

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลชยพลก็ตรงดิ่งไปยังห้องที่อิงดาวรักษาตัวอยู่ทันทีและก็ได้พบว่าทั้งมารดาของเขาและบิดามารดาของอิงดาวก็กำลังนั่งรออยู่หน้าห้องด้วยท่าทางชวนให้หดหู่

“สวัสดีครับคุณน้า” ชยพลทำความเคารพคุณน้ำอิงและคุณชัยยศ ก่อนจะเดินไปกอดร่างแบบบางของมารดาเหมือนจะถ่ายทอดกำลังใจให้แก่กันเพราะรู้ว่ามารดาตนนั้นรักอิงดาวเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง

“ช้าง แม่กลัวจังเลย กลัวน้องจำจากเราไป..”

“ไม่หรอกครับแม่ที่ผ่านมาหนูดาวก็ช็อกแบบนี้หลายครั้งแต่ทุกครั้งก็ผ่านไปได้ด้วยดีนี่ครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

“น้าก็หวั่นๆ เหมือนกันนะช้าง น้ารู้สึกเหมือนว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไป” คุณน้ำอิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ใบหน้าที่ยังคงความงดงามนั้นซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำอย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“เราต้องเอาใจช่วยหนูดาวครับคุณน้า เชื่อสิครับว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยเหมือนที่ผ่านมา” ชายหนุ่มพยายามปลอบผู้สูงวัยกว่าแม้ว่าตนก็จะรู้สึกไม่ต่างกัน

เวลาผ่านไปเชื่องช้าจนถึงเช้าของอีกวัน อิงดาวถูกย้ายมาอยู่ในห้องพิเศษอีกห้องหนึ่งและเธอก็ยังคงอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เครื่องช่วยชีวิตยังคงอยู่รายล้อมร่างบอบบางที่บางลงไปอีกผิวที่ขาวซีดอยู่แล้วก็ยิ่งขาวซีดจนเหมือนกระดาษชยพลและบิดามารดาของเธอยืนมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่านช่องกระจกด้วยความเศร้าและกังวล

“ช้างน้ากลัวจังเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับสักพักหนูดาวก็จะต้องตื่นมายิ้มให้เรา” แต่สิ้นคำปลอบโยนของชายหนุ่มเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของชยพลก็ดังขึ้นและชายหนุ่มก็กดรับสายทันทีแต่สิ่งที่เขาได้ยินจากปลายสายนั้นไม่ได้น่ายินดีเลยสักนิด

“ครับถ้าอย่างนั้นส่งเธอมาที่โรงพยาบาล... ได้เลยครับ” ชยพลตอบกลับไปด้วยสีหน้าและแววตาที่ร้อนรนจนคุณญดาที่เพิ่งมาถึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“มีอะไรรึเปล่าตาช้าง”

“โรงพยาบาลโทร. มาบอกผมว่าอยู่ๆ นวลหงส์ก็เกิดช็อกและอาการน่าเป็นห่วงมากครับ เธอหยุดหายใจไปเกือบสองนาทีก่อนหน้านี้และตอนนี้เธอก็ช็อกอีกครั้ง หมอบอกว่าที่โรงพยาบาลเครื่องมือไม่ครบผมก็เลยขอให้เขาส่งตัวนวลหงส์มาที่นี่ แต่ผมไม่เข้าใจ มันเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อนวลหงส์แค่หัวแตกนิดเดียวเอง” ชยพลขมวดคิ้วยุ่งแปลกใจไม่ต่างจากแพทย์ประจำโรงพยาบาลซึ่งเป็นเพื่อนของเขาที่โทรมารายงานอาการของนวลหงส์อย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

“แล้วตอนนี้เธอเป็นไงบ้างละลูก”

“ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรมากครับ ผมให้ส่งตัวเธอมาที่นี่แล้วอีกไม่นานก็น่าจะมาถึง..” คุณญดาพยักหน้าอย่างเข้าใจและเป็นกังวล

“มันจะเป็นไปได้ยังไงนะยายหงส์ปีกหักนั่นก็อาการปกติดีนี่นาตอนที่เราออกมาจากโรงพยาบาล..” ชายหนุ่มยังบ่นรำพึงกับตนเองพลางเดินไปที่ระเบียงกว้างของโรงพยาบาล มองสวนสวยเบื้องล่างที่ปลูกประดับด้วยดอกไม้สีสันงดงามและสนามหญ้าเขียวขจีมีบางครอบครัวที่พากันลงไปเดินเล่นและนั่งพักผ่อน บ้างก็พาคนไข้ไปเดินออกกำลังเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

โอ๊ย!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันนี่...” นวลหงส์ร้องโอดโอยด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับใครจับเธอเหวี่ยงลงมาจากที่สูงและรอบๆ ตัวเธอก็ยังเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอีกด้วย เหมือนจะเป็นลานโล่งๆ แต่ก็ไม่โล่ง เหมือนจะอยู่ในสวนก็ไม่ใช่ แล้วตกลงที่นี่มันคือที่ไหนกัน.. หญิงสาวคิดในใจด้วยความสับสนมึนงง ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรงแต่แล้วก็ต้องแทบล้มหน้าทิ่มพื้นเมื่ออยู่ๆ ก็เหมือนเธอถูกอะไรวิ่งเข้ามาชนอย่างแรงจนเกือบล้ม

“โอ๊ย.. อะไรอีกล่ะนี่..”

“โอ๊ย เจ็บจังเลย โอยยยยย..” เสียงใสๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น นวลหงส์จึงหันไปมองก็พบว่ามีร่างของสาวน้อยหน้าใสแต่ผิวขาวซีดซ้ำยังสวมชุดคนไข้โรงพยาบาลนั่งตัวงออยู่กับพื้นใบหน้าเหยเก

“เป็นไรมากรึเปล่าคะ” หญิงสาวเดินมาหยุดตรงหน้าสาวน้อยหน้าใสและยื่นมือให้เธอจับแล้วรั้งร่างบางของสาวน้อยขึ้นมาพลางสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าช้าๆ เธอน่ารักมาก นั่นคือแวบแรกที่นวลหงส์เห็นและรับรู้ได้

“ขอบคุณค่ะ” เสียงของเธอก็ช่างใสน่าฟังนัก

“เอ่อ คือ ขอโทษนะ เธอพอจะรู้ไหมว่าเราอยู่ที่ไหน”

“ไม่รู้ค่ะ หนูดาวก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกันอยู่ๆ ก็เหมือนถูกเหวี่ยงตกมาจากตึกตกตุ้บมาอยู่ที่นี่ แล้วพี่ล่ะคะรู้ไหม”

“ไม่รู้เหมือนกัน” นวลหงส์ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่อทั้งเธอกับสาวน้อยหน้าใสต่างก็ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด

“หนูดาวชื่อ อิงดาวนะคะ” อิงดาวถือโอกาสแนะนำตัวทั้งรู้สึกคุ้นตากับหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าซึ่งรูปร่างอาจจะบางเท่าๆ กับตน และไม่รู้เพราะอะไรอิงดาวรู้สึกอบอุ่นและเหมือนมีพลังร่างกายกระปรี้กระเปร่า เหมือนกับว่าตนไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอยังอยู่ในโรงพยาบาล แล้วตอนนี้เธอก็น่าจะนอนแบบอยู่บนเตียงพยาบาลไม่ใช่มายืนคุยอยู่กับหญิงสาวแปลกหน้าตรงนี้

“พี่ชื่อนวลหงส์นะ เรียกพี่หงส์ก็ได้ พี่คิดว่าน่าจะเป็นพี่หนูดาวหลายปี” หญิงสาวบอกอิงดาวอย่างรู้สึกถูกชะตาด้วย

“แล้วเราอยู่ที่ไหนทำไมมันมัวซัวแบบนี้ล่ะคะ โอยปวดหัวๆ” อยู่ๆอิงดาวก็ทรุดตัวลงแทบจะแดดิ้นกับพื้น นวลหงส์ตกใจรีบเข้าไปประคองร่างบอบบางนั้นด้วยความเป็นห่วงเช่นคนที่มีจิตใจดีเป็นทุนเดิม

“หนูดาวเป็นอะไรน่ะ”

“ไม่รู้ค่ะ หนูดาวปวดหัว โอยหายใจไม่ออก.. พ่อขาแม่ขาช่วยหนูดาวด้วย พี่ช้างช่วยหนูดาวด้วย..” สาวน้อยคร่ำครวญราวเจ็บปวดมากมายใบหน้าใสนั้นซีดขาวราวกระดาษ

“เป็นอะไรน่ะอ้าว เฮ้ยๆ อย่าเป็นอะไรไปนะ ทำไงดี ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย..” ด้วยอารมตกใจนวลหงส์จึงร้องเรียกคนช่วยในขณะร่างของอิงดาวก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงต่อหน้าต่อตา นวลหงส์ใจเสียหวั่นหวาดไปทั้งใจ

นี่เธอคงไม่ได้มาเจอคนตายไปต่อหน้าต่อแบบนี้หรอกนะ หญิงสาวคิดย่างวิตกกังวลอย่างที่สุด

“หนูดาว เป็นอะไร ตื่นๆๆ สิ หนูดาว ไม่เอานะอย่าเล่นแบบนี้สิตื่นๆ”

นวลหงส์พยายามเขย่าร่างบางที่อ่อนระทวยหายใจรวยรินลงตรงหน้าอย่างขวัญเสีย นี่มันไม่ตลกเลยสักนิด

“หนูดาวจะต้องตายแน่ๆ แล้วคราวนี้” เสียงใสแหบแผ่วพร่าน่าสงสารพยายามที่จะพูดออกมายิ่งทำให้นวลหงส์ใจเสีย

“หนูดาวยังห่วงพ่อกับแม่อยู่เลย งานของหนูดาวที่ตั้งใจทำก็ยังไม่เรียบร้อย หนูดาวกลัว พี่หงส์ช่วยหนูดาวหน่อยนะ นะคะ..” อิงดาวบอกด้วยน้ำเสียงที่แห้งโหย

“ช่วย ช่วยยังไง” นวลหงส์พูดไปน้ำตาไหลไปโดยไม่รู้ตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel