บทที่ 2.จบตอน
ในขณะเดียวกันชายหนุ่มที่ถูกพูดถึงก็กำลังขับรถกระบะสี่ประตูสีดำคันใหญ่ออกมาจากบ้านสวนซึ่งเขาแวะเข้ามาดูความเรียบร้อยของคนงานที่กำลังเก็บเงาะเพื่อบรรจุใส่ลังสำหรับการส่งออก ซึ่งตอนนี้สวนเงาะราวสามร้อยไร่ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อที่สวนผลไม้อีกสองสามอย่างที่แบ่งสัดส่วนการปลูกในเนื้อที่เชิงเขาหลายร้อยไร่ ตอนนี้เงาะกำลังออกผลสุกแดงปลั่งไปทั้งสวน และเขาก็มักจะมาพักที่บ้านสวนเสมอเพราะชอบที่จะอยู่เงียบๆ กับบรรยากาศบ้านสวนมากกว่าพักที่บ้านใหญ่ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับรีสอร์ตแสนสวยของเขา ตอนนี้อิงดาวก็ได้มาพักที่นี่เพื่อให้ร่างกายที่อ่อนของเธอได้รับอากาศบริสุทธิ์ของโอโซนธรรมชาติในต่างจังหวัดบ้างนั่นเอง
“ทำไมอยู่ๆ ก็มีพายุฝนแบบนี้นะ อ้าวคุณแม่โทรมาตั้งหลายสายมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองเมื่อลมที่โหมกระหน่ำและสายฝนที่เทลงมาอย่างหนักจนแทบมองไม่เห็นทางและสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่มีเสียงเตือนข้อความเข้ามา ก่อนเขาจะจอดรถเลียบข้างทางและเปิดไปฉุกเฉินไว้แล้วรีบโทร.กลับไปยังปลายสายทันทีด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจซึ่งเขารู้สึกไม่ดีเลยสักนิด
“ครับคุณแม่ขอโทษครับบังเอิญผมเดินไปดูคนงานแต่ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย คุณแม่มีอะไรครับ”
“ช้าง ช้างมาที่โรงพยาบาลเร็วลูก หนูดาวช็อกหมดสติ ตอนนี้น้องอยู่ในห้อง ไอซียู ยังไม่รู้อาการเลย..” เสียงคุณญดาเอ่ยปนสะอื้นมาตามสาย ชยพลรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งร่างก่อนจะวางสายและรีบขับรถฝ่าพายุฝนที่กระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาและลมก็กรรโชกแรงจนต้นไม้บางต้นถึงกับหักโค่นและสายฟ้าก็แปลบปลาบน่ากลัว
“โอ๊ยฝนบ้าอะไรมาตกตอนนี้วะ แล้วเป็นไรเนี่ยไอ้แจ่มใส แกจะมาเกเรตอนนี้ไม่ได้นะ นี่มันกลางทางนะแก ถ้าเกิดฉันถูกฉุดจะทำไง ติดสิติด” นวลหงส์ซึ่งกำลังขับรถจักรยานยนต์คันโปรดกลับบ้านหลังจากที่ส่งเพื่อนรักแล้วเธอก็แวะร้านสะดวกซื้อในตลาดเพื่อซื้อของใช้บางอย่างก่อนกลับบ้านแต่ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์พายุฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา แล้ว ไอ้แจ่มใส ที่เธอพูดถึงคือรถจักรยานยนต์คันเก่งของเธอก็ดันมาดับกลางทางเสียดื้อๆ อีกด้วย ร่างบางจึงเปียกโชกไปทั้งตัวและหลังจากพยายามสตาร์ทเครื่องอย่างเอาเป็นเอาตายสุดท้ายคือความเงียบไม่มีแม้แต่เสียงแชะๆ ของเครื่องยนต์ และทั้งถนนก็โล่งไม่มีรถวิ่งผ่านมาสักคันจนน่าแปลกใจ...
“โอ๊ย อะไรเนี่ย ซวยชะมัด กรี๊ดดด” หญิงสาวบ่นได้ไม่ทันไร เสียงฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงยังต้นไม้ที่อยู่อีกฟากของถนนก็ดังสนั่นพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกพรึบขึ้นบนต้นไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาด เธอถึงกับนิ่งแข็งอยู่กับที่ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ฮือๆๆ มันวันซวย อะไรของฉันวะเนี่ย ตายแล้วโทรศัพท์เปียก โอยๆๆ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยนวลหงส์ด้วยน้าาา” หญิงสาวภาวนาให้ตัวเองในขณะเข็นรถเจ้าปัญหาเดินไปยังศาลาริมทางเพื่อหลบฝนซึ่งอยู่ข้างหน้าอีกประมาณสามร้อยเมตรจากตรงนี้ก็น่าจะถึงเพราะทางเส้นนี้เธอใช้สัญจรประจำ
แต่ทันใดนั้นเองแสงสว่างก็มีแสงสว่างวาบเบื้องหน้าจนมองเห็นแสงไฟที่ตัดผ่านสายฝนโปรยของรถยนต์คันหนึ่งทำท่าจะพุ่งเข้าชนเธอก็ทำให้นวลหงส์ถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างเสียขวัญพร้อมกับเสียงล้อรถยนต์ครูดถนนเป็นทางยาว แต่เสียงสายฝนยังคงดังซาดซ่าในคืนมืดมิดและหนาวเหน็บด้วยหยาดพิรุณโปรยปราย...
“ขอทางด้วยครับๆ มีคนเจ็บช่วยดูเธอด้วยครับ ขอบคุณครับ” ชยพลร้องขอทางเมื่อลงมาจากรถยนต์กระบะสี่ประตูคันใหญ่พร้อมกับอุ้มร่างบอบบางที่หมดสติของหญิงสาวที่เปียกโชกพอกันเข้ามาในโรงพยาบาลประจำอำเภอแล้วส่งให้บุรุษพยาบาลที่มารอรับร่างหญิงสาวทันที ก่อนคณะพยาบาลจะนำร่างไร้สติของคนไข้เข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“ใครเป็นญาติคนไข้คะ”
“ผมเองครับ” ชยพลบอกนางพยาบาลที่สอบประวัติคนไข้เบาๆ อย่างน้อยเขาก็รู้จักนวลหงส์กับน้าสาวของเธอ ชายหนุ่มจึงไม่ลังเลที่จะเอ่ยออกไปเช่นนั้น ชยพลนำบัตรประชาชนของนวลหงส์จากกระเป๋าสตางค์ใบเล็กของเธอส่งให้พยาบาลไป ชายหนุ่มมองกระเป๋าใบโตของหญิงสาวที่เขานำมาด้วยอย่างครุ่นคิดและกังวล ในขณะที่รอฟังผลตรวจร่างกายของนวลหงส์เขาเองก็รอฟังข่าวของอิงดาราที่ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพฯ เช่นกัน
“แม่ครับหนูดาวเป็นไงบ้างครับ” ชายหนุ่มโทรหามารดาและบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่อาจตามทุกคนไปถึงกรุงเทพได้ในช่วงเวลานี้
“ตอนนี้น้องยังไม่รู้สึกตัวเลยลูก นี่คุณ น้าน้ำอิงกับน้าชัยยศ ก็อยู่ที่นี่ด้วย แล้วทางนั้นล่ะลูกหนูหงส์เป็นอะไรมากไหม”
“ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลยครับแต่จากที่ผมดูคราวๆ เธอไม่ได้บาดเจ็บทางร่างกายนอกจากมีแผลถลอกนิดหน่อยคงจะหมดสติไปเพราะตกใจมากแต่ยังไงก็รอผลตรวจของหมออีกทีครับ” ชายหนุ่มบอกมารดาเสียงแผ่วพลางลูบใบหน้าที่เปียกชื้นของตนเพื่อขับไล่ความรู้สึกที่หวาดหวั่นหวิวไหวเมื่อนึกถึงสาวน้อยที่คงกำลังต่อสู้กับโรคร้ายของตนอยู่
“ช้าง.. แม่อยากจะบอกว่า เราอาจจะเสียน้องไป” เสียงคุณญดาแผ่วพร่ามาตามสาย
“ครับ ผมรู้”
“แค่นี้ก่อนนะลูก ฝากดูหนูหงส์ด้วยอย่างไรก็คนรู้จักกัน” คุณญดาเอ่ยฝากฝังก่อนวางสาย ชยพลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนล้ารู้สึกใจเบาโหวง เยือกเย็นและเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเวลาอิงดาวกำลังจะหมดลง
“หนูดาว” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อคู่หมั้นเบาๆ ด้วยความรักที่เขามีให้เธอ ใช่เขารักอิงดาว แต่ความรักที่เขามีให้สาวน้อยน่ารักนั้นเป็นความรักฉันพี่ชายคนหนึ่งมีให้น้องน้อยที่น่าสงสารและต้องการการปกป้องจากพี่ชายที่แสนดี อิงดาวมีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวของเขากับครอบครัวของอิงดาวนั้นสนิทชิดเชื้อกันมานาน ทั้งสองจึงถูกหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ยังเด็กเพราะบิดมารดาของอิงดาวนั้นต้องการให้ลูกสาวมีผู้ดูแลที่ดี นั่นก็คือชยพลซึ่งบิดามารดาของอิงดาวนั้นรักและไว้ใจจึงตั้งใจฝากฝังให้ชายหนุ่มดูแลปกป้องคุ้มครองอิงดาว ซึ่งชยพลก็เต็มใจเพราะเขาเองก็คิดว่าตนคงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งเขาและอิงดาวรู้ดีว่าความรู้สึกที่มีให้กันนั้นเป็นเช่นไร ซึ่งพวกเขาก็ยินดีและเต็มใจที่จะหมั้นหมายกันตามความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและอิงดาวก็มักบอกกับเขาเสมอๆ ว่าตนอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานแต่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
“หนูดาวอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เผลอๆ แต่งงานกันไปไม่ถึงสามวันหนูดาวอาจจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ได้ พี่ช้างไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เป็นพ่อหม้ายเนื้อหอมเท่ออกจะตายไปหล่อและแสนดีอย่างพี่ช้างมีแต่สาวๆ จะวิ่งไล่จับ”
อิงดาวมักพูดติดตลกเช่นนี้เสมอ ตอนนั้นเขาอาจจะรู้สึกขบขันคนที่ลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเขา แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีอารมณ์ที่จะขบขันกับคำพูดนั้นอีกแล้ว
อิงดาวป่วยด้วยโรคหัวใจมาตั้งแต่เด็ก เธอเคยจะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจมาหลายครั้งแต่ร่างกายก็อ่อนแอเกินกว่าจะเข้ารับการผ่าตัด และมีอาการแทรกซ้อนจนร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน แต่แม้ว่าร่างกายเธอจะอ่อนแอและไม่สามารถออกจากบ้านไปโรงเรียนและวิ่งเล่นเหมือนเด็กปรกติทั่วๆ ไป แต่อิงดาวก็ได้รับการเอาใจใส่ด้านศึกษาเท่าเทียมกับเด็กคนอื่นๆ เพราะบิดามารดาของเธอเป็นอาจารย์อยู่แล้วและการที่เธอต้องอยู่แต่ในบ้าน หนังสือจึงเป็นเพื่อนที่เธอสนิทมากที่สุด
อิงดาวชอบอ่านหนังสือทุกชนิดและมีความสุขกับการอ่านข้อนั้นชยพลรู้ดี เพราะเขาเองก็ชอบอ่านหนังสือเช่นกันและทุกๆ โอกาสพิเศษเขาก็มักจะมีสรรหาหนังสือดีๆ มาเป็นของขวัญให้เธอเสมอๆ
“หนูดาวจะเป็นนักเขียนค่ะพี่ช้าง นี่คือนามปากกาของหนูดาว อิงดารา เป็นไงคะชื่อนี้ดีมั้ย” อิงดาวบอกเขาในวันเกิดอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ และต่อมาเขาก็ได้พบว่านวนิยายที่เธอเขียนนั้นวางอยู่ในร้านหนังสือชั้นนำแล้วก็เป็นแฟนนวนิยายของเธอไปด้วยแม้ในช่วงแรกๆ เขาซื้อหนังสือมาเพียงเพื่อเอาใจอิงดาวให้มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานเท่านั้น แต่เมื่อได้อ่านนิยายของอิงดาวแล้วชยพลกลับรู้สึกสนุกและมีรอยยิ้มทุกครั้ง เพราะพระเอกในนิยายของอิงดาวแทบทุกเรื่องนั้นอิงดาวมักจะบอกว่าใช้บุคลิกลักษณะของเขาเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างตัวละครตัวเอกของเธอแต่อิงดาวกลับเขียนตัวตนของเขาออกมาแบบน่าติดตามซึ่งบางครั้งชยพลยังนึกว่าตัวเองน่าหมั่นไส้และขี้เก๊กเหมือนในนิยายของอิงดาวจริงๆ หรือไม่ เพราะในบางเรื่องเขายังรู้สึกอยากเตะพระเอกจอมขี้เก๊กของอิงดาว
แล้วนวนิยายของ อิงดารา ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา แม้แต่บรรดาสาวโรงงานในโรงงานในบ้านสวนของเขาต่างก็นิยมและซื้อหานิยายของอิงดาวมาอ่านและเมื่อเขาเข้าไปดูในเว็บไซด์ที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อให้แฟนคลับของเธอได้ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายแต่ละเรื่องก็พบว่าได้รับความนิยมเช่นกันมีผู้เข้าเยี่ยมชม เว็บไซด์ บ้านนิยาย ดอทคอม ของอิงดารานับล้านๆ การเยี่ยมชมและผลตอบรับในแต่ละผลงานก็ล้นหลาม นิยายทุกเรื่องของอิงดาวมีการพิมพ์ซ้ำไม่ต่ำกว่าห้าครั้งและบางเรื่องก็ถูกซื้อไปทำละครออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไปแล้วก็มีหลายเรื่อง นับว่าอิงดาวมีพรสวรรค์และมีความสามารถเป็นเลิศมากอีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
จากความสำเร็จอย่างงดงามของอิงดาว ทำให้บิดามารดาของเธอภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมากที่บุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้เอาปมด้อยของร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนคนอื่นมาเป็นข้ออ้างที่ทำให้คนรอบข้างหรือตนเองลำบากใจ แต่อิงดาวทำให้ทุกคนที่ได้อยู่ใกล้รักและเอ็นดูมากกว่าจะรู้สึกสงสารหรือสมเพช แต่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแต่อิงดาวก็ไม่เคยเปิดเผยตนเองต่อสาธารณชนเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว อีกทั้งสภาวะร่างกายของเธอนั้นอ่อนแอเกินไปบิดามารดาของอิงดาวจึงเป็นกังวลว่าเธอจะเครียดเกินไปจะพลอยทำให้ร่างกายอ่อนแอมากกว่าเดิม
ดังนั้นเมื่อมีการแถลงข่าวหรือกิจกรรมอะไรก็ตามเกี่ยวกับการเขียนของอิงดารา คุณน้ำอิงผู้เป็นแม่จะเป็นผู้ทำแทนอิงดาวทุกอย่างและโชคดีที่สำนักพิมพ์ที่ร่วมงานกันนั้นเข้าใจและยอมรับสภาพของนักเขียนคนดังได้จึงไม่มีปัญหาในการร่วมงานกัน
“ญาติคนไข้ที่ชื่อนวลหงส์ค่ะ..” เสียงพยาบาลเอ่ยเรียกญาติคนไข้แทรกเข้ามาในภวังค์ของชยพล ชายหนุ่มรีบเดินไปหาพยาบาลที่ขานเรียกทันที
“ครับ.. ผมเอง”
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะคะ เธอมีแค่แผลเล็กน้อยที่หน้าผาก แต่ไม่มากถึงกับต้องเย็บแล้วก็มีแผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้น แต่หมอจะให้นอนดูอาการสักคืนนะคะหากไม่มีอะไรมากก็กลับบ้านได้ ส่วนญาติเชิญด้านนี้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ..” ชยพลรู้สึกโล่งใจที่นวลหงส์ไม่เป็นอะไรมากซึ่งมันทำให้เขาสามารถจะไปเยี่ยมดูอาการอิงดาวได้โดยไม่มีอะไรต้องห่วงทางนี้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วชยพลก็เดินลงมาที่ลานจอดรถทันที ฝนที่ตกกระหน่ำและพายุลมแรงเมื่อชั่วโมงก่อนขาดเม็ดไปแล้วเหลือเพียงร่องรอยของความเสียหายจากแรงลมกระโชกแรง ต้นไม้ใบไม้กระจัดกระจายเต็มท้องถนนและบางแห่งก็มีต้นไม้หักโค่นขวางทางสัญจรทำให้การจราจรติดขัดเล็กน้อย ดีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาดึกแล้วจึงทำให้ไม่เสียเวลามากนัก
ชยพลขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนสุดหรูที่อิงดาวพักรักษาตัวอยู่ทันที ส่วนนวลหงส์เขาได้ย้ายเธอเข้าพักในห้องพิเศษของโรงพยาบาลและจ้างพยาบาลพิเศษเพื่อดูแลหญิงสาวอย่างดี เพราะถึงอย่างไรเขากับเธอก็คนรู้จักกันจึงต้องดูแลนวลหงส์ในฐานะเจ้าของคนไข้และเขายังเป็นคนที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“รอพี่ก่อนนะหนูดาว..” ชยพลขับรถไปด้วยความรู้สึกเป็นกังวลและภาวนาอยู่ในใจ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เขาได้ดูใจเธอเป็นครั้งสุดท้าย หากเธอจะจากโลกนี้ไปจริงๆ
