ตอนที่9
“คุณภาคคะ...เรื่องช่วยงานอะไรนั่นพิมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะคะ”
พิมริสาถึงกับต้องมองค้อนไปที่ชายหนุ่มเพราะเรื่องช่วยงานอะไรเธอไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะบอกเธอก่อนเลยแล้วจู่ๆมาประกาศต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดเดียว
“ผมต้องขอบคุณคุณมากเลยนะพิมที่ยอมแต่งงานกับคนพิการอย่างผมทั้งที่โดนบังคับมา”
“พูดอะไรของคุณคะคุณภาค”
ภควัตรตั้งใจจะหักหน้าพิมริสาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบแขกในงานต่างมองหน้ากันว่าทำไมชายหนุ่มถึงพูดออกมาเช่นนั้น
“นี่พี่ผมมันจะทำอะไรครับคุณพ่อ”
“นั่นน่ะสิ...เฮ้ออ”
จอมพลรู้สึกอึ้งไปตามๆกันกับคนในงานว่าพี่ชายของเขาพูดแบบนั้นเพื่ออะไรพร้อมทั้งหันหน้ามาหาผู้เป็นพ่ออย่างมีสีหน้าที่สงสัยอีกอินธรคิดว่าลูกชายของเขาน่าจะต้องการแกล้งหญิงสาวให้เสียหน้ามากกว่า
พิมริสาจำต้องแย่งไมค์ในมือของชายหนุ่มออกมาเพื่อที่จะไม่ให้เขาได้พูดอะไรต่อ
“อะ...เอ่อ...คุณภาคนี่ชอบพูดเล่นไปเรื่อยเลยนะคะ...การที่ผู้หญิงเราจะแต่งงานกับใครสักคนมันได้ขึ้นอยู่ว่าเขามีรูปร่างยังไงแต่อยู่ตรงที่พิมเห็นว่าคุณภาคเป็นคนดีเท่านั้นก็พอแล้วค่ะอีกอย่างถ้าพิมรักใครขึ้นมาแล้วพิมก็พร้อมที่จะดูแลคนที่พิมรักแบบไม่มีเงื่อนไขค่ะ...เชิญทุกคนทานอาหารกันให้อร่อยนะคะถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกพิมได้เลยค่ะ”
แปะ..แปะๆๆๆๆๆ
“วู้ววววว”
หลังจากที่หญิงสาวแก้ไขสถานการณ์ได้เรียบร้อยแขกในงานต่างก็ส่งเสียงยินดีพร้อมปรบมือเป็นกำลังใจให้หญิงสาวกันถ้วนหน้าตอนนี้หญิงสาวไม่ปล่อยให้ไมค์ไปอยู่ในมือของชายหนุ่มอีกแล้วเพราะเธอกลัวว่าเขาจะทำอะไรแผลงๆให้เธอได้ขายหน้าอีก
“หนูพิมนี่แก้ไขสถานการณ์ได้ดีจริงๆเลยนะ”
“แบบนี้มวยถูกคู่ครับคุณพ่อ..ฮ่าๆๆ”
อินธรและจอมพลเห็นแล้วว่าใครที่จะเป็นคนปราบพ่อเลี้ยงแห่งไร่พงษ์พิทักษ์นี้ได้
2ชั่วโมงต่อมา
“วันนี้แม่หนูพิมมาไม่ได้พ่อก็ขอเป็นคนอวยพรให้เราทั้งสองเลยแล้วกันนะขอให้ทั้งคู่รักกันนานๆหนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันแล้วกันนะลูกชายพ่อมันอาจจะทำตัวเกเรไปบ้างหนูพิมอย่าถือสาคนอย่างมันเลยนะ”
อินธรเข้ามาในห้องหอของทั้งสองเพื่อมาอวยพรให้ทั้งคู่เป็นสิริมงคลเขาเห็นว่าแม่ของหญิงสาวไม่สะดวกมาเขาก็เลยถือโอกาสนี้อวยพรทั้งสองเองเลยแล้วกันพร้อมทั้งบอกกับหญิงสาวว่าอย่าถือสาลูกชายของเขาเลยเขาคิดว่าความดีของพิมริสาจะเอาชนะใจลูกชายของเขาได้สักวันและการที่ใกล้ชิดกันแบบนี้อาจจะทำให้ทั้งสองมีความรู้สึกดีๆต่อกันในเวลาอันรวดเร็วก็ได้ลูกชายของเขาจะได้เลิกเล่นบทคนพิการเสียที
“คุณพ่อ”
ภควัตรหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อยที่ดูจะเข้าข้างหญิงสาวเสียจริง
“ค่ะคุณพ่อ”
พิมริสายิ้มรับคำอวยพรจากพ่อสามีอย่างจริงใจอย่างน้อยเธอในงานแต่งวันนี้แม่เลี้ยงของจะไม่มาเธอก็มีพ่อสามีนี่แหละที่อวยพรให้เธอ
“พ่อออกไปก่อนนะไม่รบกวนเราทั้งสองแล้วหละ”
อินธรเห็นว่ามันเริ่มดึกแล้วควรจะปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันในห้องเพียงลำพังเพราะเขาเองก็จะไปพักผ่อนเหมือนกันรู้เขาเองรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่ลูกชายคนโตของเขาเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีถึงแม้ว่าต้องบังคับกันก็เถอะถ้าไม่ใช้วิธีนี้ก็คงจะไม่ได้แต่งตอนนี้ก็เหลือแค่รอเวลาให้ทั้งคู่รักกันก็เท่านั้นเอง
“คุณพ่อไม่แปลกใจหรอครับว่าทำไมคนบ้านนั้นถึงไม่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวตัวเองเลย”
จอมพลรู้สึกคาใจมาตั้งนานแล้วว่าทำไมไม่มีคนของบ้านหญิงสาวมาร่วมแสดงความยินดีกันสักคนเมื่อเห็นว่างานเลิกแล้วเขาจึงมานั่งปรึกษากับผู้เป็นพ่อว่าเห็นเหมือนกันไหม
“อืมม..พ่อก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันเป็นเพราะอะไร..พ่อไปนอนก่อนนะเพลียเหลือเกิน”
อินธรรู้ตั้งแต่ที่ธีรดลบอกกับเขาว่าเจ้าสาวของลูกชายคนโตเขาชื่ออะไรแล้วแต่กระนั้นเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเขาพอจะรู้ประวัติของคนบ้านนี้แทบจะทั้งหมดว่าทุกคนเป็นอย่างไรเขาถึงเสนอว่าให้ส่งลูกสาวมาแต่งงานกับเข้าเพื่อแลกกับการไม่โดนยึดบ้านยึดบริษัทยังไงล่ะเขาคิดไว้แล้วว่าคนบ้านนั้นจะส่งใครมา
“อ้าวคุณพ่อครับ...รู้อะไร..ยังไม่ได้บอกผมเลย”
จอมพลมีสีหน้างงนิดหน่อยที่พ่อเขาพูดเป็นนัยๆว่ารู้แต่รู้อะไรก็ไม่เห็นยักจะบอกเขาบ้างทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มคาใจอยู่แบบนั้นแถมยังหนีเขาไปนอนหน้าตาเฉยอีก
“คุณภาคตั้งใจจะหักหน้าพิมใช่มั้ยคะ”
ตอนนี้พิมริสาได้อยู่กับชายหนุ่มเพียงสองต่อสองแล้วเธอจึงถือโอกาสนี้เคลียกับชายหนุ่มเรื่องที่เขาพูดในงานเสียที
“ผมก็แค่พูดตามความจริงก็ขอบคุณคุณไงที่ยอมมาแต่งงานกับคนพิการอย่างผมทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ”
ภควัตรตอบกลับหญิงสาวอย่างหน้าตาเฉยอันที่จริงเขาก็ตั้งใจที่จะแกล้งเธอนั่นแหละ
“พิมขอนะคะการที่เราไม่ได้เต็มใจแต่งงานกันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเป็นศรัตรูกันนะคะพิมอยากอยู่ที่นี่แบบสงบหวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ”
พิมริสารูสึกเหลืออดกับคนอย่างเขาแล้วที่เขาแกล้งนั่นแกล้งนี่ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอเหมือนกันแต่ในเมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เธอก็ควรที่จะทำใจอยู่ร่วมกันอย่างสันติดีกว่าที่จะมาทะเลาะคอยแกล้งกันแบบนี้เมื่อพูดจบหญิงสาวก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจชายหนุ่มเพราะเธออยากนอนเต็มทนเพราะเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจในวันนี้
ภควัตรเองไม่ได้รู้สึกสลดกับคำพูดของหญิงสาวสักนิดเขายังมีทีท่าที่ไม่สนใจคำพูดของหญิงสาวด้วยซ้ำเขาคิดว่าในเมื่อหญิงสาวเลือกที่จะมาแต่งงานกับเขาก็ควรจะรับสภาพการอยู่ร่วมกับเขาให้ได้สิ
