บทที่ 1.3 ตัวนางไหนเลยจะเป็นคนอ่อนแอ
"..." เจียงเยี่ยนฟางที่ใบหน้านองไปด้วยน้ำตาจนผ้าปิดหน้าเปียกลู่แนบไปกับหน้าก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นตามแรงดึง ต้องสบตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่มิอาจเอื้อนเอ่ยความน้อยใจออกมา
"อย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อน จงอยู่อย่างไร้ตัวตนไปเถิด เส้นทางนี้เป็นเจ้าเลือกเอง ก็ต้องยอมรับชะตากรรมของเจ้าไป และเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าในใจของข้ามีแค่เสี่ยวชิงเพียงผู้เดียว ที่ตบแต่งเจ้าเข้ามาก็เพียงเพราะพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เท่านั้น อย่าหวังว่าข้าจะชายตามองเจ้า รักเจ้า เห็นเจ้าเป็นพระชายาในจวนของข้าอีกคน!"
น้ำเสียงของเซียวลี่หยางนุ่มนวลน่าฟัง ดุจดั่งกำลังขับขานบทกวี แต่ก็กลับเด็ดขาดไปในตัว
ครั้นกล่าวจบเขาผลักหน้านางออกไปเหมือนสัมผัสโดนของสกปรก ซ้ำยังจับมือของนางออกจากหัวเข่าของตนเองอย่างแรง จนร่างที่เกาะเขาไว้เสมือนเป็นที่พักพิงก็ไม่ทันตั้งตัว เซล้มลงไปด้านข้างอย่างไม่เป็นท่า "ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเถิด ทำให้เหมือนว่าเจ้าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ข้าอาจจะพอมีเมตตา ไว้ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าให้ยังมีลมหายใจอยู่ได้"
"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางสะอื้น พูดแทบไม่จบประโยค พยายามจะเข้าหาอีกฝ่าย แต่เขาก็ถอยรถเข็นหนีไป ทำให้นางได้แต่ก้มตัวลงเอาหัวโขกอยู่กับพื้นเพื่อจะอ้อนวอนขอร้องเขา วิงวอนให้เขาเห็นใจนาง "ท่านอ๋องได้โปรด ทรงเมตตา..."
เซียวลู่หยางขมวดคิ้ว พลางปรายตามองสตรีที่ตัวสั่นไม่หยุด ก่อนจะตะโกนเรียกหาคนด้านนอก ตัดคำอ้อนวอนของนางทิ้งไป "มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!"
สิ้นคำของเขา ก็ราวกับว่าคนด้านนอกรอจังหวะอยู่แล้ว บ่าวคนเดิมวิ่งจ้ำอ้าวเข้ามาในทันที
"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว ท่านอ๋องได้โปรดอภัยในความสะเพร่าของหม่อมฉัน ให้... ให้หม่อมฉันไปเอาสุรามงคลใหม่มาให้ดีไหมเพคะ" เจียงเยี่ยนฟางเห็นคนเข้ามาก็ยิ่งร้อนรน พยายามกล่าวคำพูดที่คิดไว้ในหัวตั้งแต่แรกอีกครั้ง นางเงยหน้าหันซ้ายทีหันขวาทีอย่างลนลาน
"ไม่ต้อง" เซียวลู่หยางเอ่ยกับนางด้วยเสียงเย็น ก่อนจะพยักหน้าให้กับหงเปา คนสนิทของตนที่เพิ่งเดินมาถึง ให้มาพาตัวเขาออกไป "อย่าลืมสั่งให้คนเข้ามาทำความสะอาดด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะ" หงเปารับคำ เตรียมพาเจ้านายจากไป
"เตรียมเรือนไม้ด้านหลังให้นางอยู่ พิธีแค่นี้ก็ทำให้เสร็จสิ้นไม่ได้!" ยังมิลืมทิ้งท้ายคำพูดเพื่อให้คนด้านหลังตระหนักถึงความผิดของตนเองอีกครา
"พ่ะย่ะค่ะ" หงเปารับคำอีกรอบ พลางดึงสายตาที่มองร่างของเจ้าสาวบนพื้นกลับมาสนใจเส้นทางด้านหน้าแทน
"ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย ท่านอ๋อง..." เจียงเยี่ยนฟางคลานตามไปอย่างทุลักทุเล เพราะอาภรณ์อันรุ่มร่ามและเครื่องหัวที่ไม่จำเป็นเลยทำให้เคลื่อนไหวลำบาก โดยไม่ทันระวัง มือก็ไปทาบโดนสุราที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นเข้าพอดี ทำให้ลื่นล้มตัวเซไปด้านหน้า นำพาให้สุราบนพื้นเปรอะเปื้อนไปบนชุดจนตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ กระนั้นก็ยังร้องเรียกอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน
จวบจนประตูห้องหอปิดลง...
เสียงพ่นลมหายใจดัง 'เฮอะ' ก็เล็ดลอดออกมาจากผู้ที่เมื่อครู่เพิ่งจะร่ำไห้ไปหนึ่งที พร้อมกับร่างของเจ้าสาวที่ลุกขึ้นมานั่ง ปัดฝุ่นและคราบน้ำบางส่วนออกจากอาภรณ์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ในหัวยังก้องสะท้อนถึงเสียงของตนเองที่เรียกอีกฝ่ายไปหลายตลบพาให้รู้สึกแสลงหูขึ้นมา หากแต่ดวงตาที่เจือไปด้วยหยาดน้ำตาจอมปลอม กลับยังคงจ้องมองไปยังประตูห้องหอที่แต่งแต้มผ้าแดงอย่างไร้อารมณ์
...แต่แล้วคิ้วก็ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
"หรือทำเช่นนี้ไม่ถูกกันนะ..." เมื่อครู่นางยังดีใจที่ไม่ต้องเข้าห้องหอกับเขา ทว่าต่อมาก็เพิ่งจะนึกถึงจุดประสงค์ของตนเองขึ้นมาได้ เหตุการณ์ในตอนนี้จึงไม่สอดคล้องกันเท่าไรนัก
ในห้วงความคิด เสียงแสบหูที่นึกรังเกียจก็วนเวียนอยู่ภายในหัวของนาง เป็นเสียงของสตรีที่จงเกลียดจงชังเจียงเยี่ยนฟางหนักหนา
'พี่หญิง ท่านจงนึกสำนึกบุญคุณของข้าที่ทำให้ท่านได้มีตำแหน่งพระชายาติดตัวเถิด หากมิใช่ข้าสงสารที่ท่านออกไปเร่ร่อนตัวคนเดียวมาช้านาน มีหรือข้าจะยอมเสียสละตำแหน่งพระชายาให้ท่าน'
ก่อนจะตามมาด้วยอีกคนที่ก็คงรังเกียจนางไม่แพ้กัน
'เจียงเยี่ยนฟาง เจ้ารู้ใช่รึไม่ว่าทำไมตัวเจ้าต้องตบแต่งเข้าตำหนักของชินอ๋อง หลายปีมานี้ มารดาของเจ้าก็เป็นข้าที่ดูแลให้เรื่อยมา ตอนนี้... ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้วไม่ใช่หรือไร'
สิ้นเสียงของสตรีทั้งสองนาง น้ำเสียงของบุรุษอีกคนหนึ่งก็ผุดแทรกขึ้นมา
'วางตัวให้ดี อย่าให้ตระกูลต้องขายหน้า!'
คนสุดท้ายนี้ แม้แต่นามของนาง เขาก็ไม่อยากแม้แต่จะเรียกออกมา
เจียงเยี่ยนฟางใช้มือข้างที่ไม่เปื้อนสุรายกขึ้นมาปาดน้ำตาปลอม ๆ ที่เกือบจะแห้งเหือดไปแล้วออกจากใต้ตา ในแววตายามนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ ครั้นเมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้กำลังจะเข้ามาทำความสะอาดห้องให้ นางก็รีบลุกขึ้นยืน หมุนตัวกลับเข้าไปที่ห้องด้านใน
༻❁༺
อีกฝั่งที่นอกห้องหอ
"ท่านอ๋อง ทำเช่นนี้หากเรื่องถึงหูของฮ่องเต้จะไม่เป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" หงเปาเอ่ยถามเสียงเบา
เซียวลี่หยางไม่ได้ตอบคำถามแรกในทันที "ไหนลองบอกเรื่องเกี่ยวกับนางที่เจ้ารู้มาที"
"พ่ะย่ะค่ะ เจียงเยี่ยนฟางถูกตระกูลเดิมฝั่งมารดารับไปเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัย เนื่องจากในช่วงวัยเด็กนางป่วยหนักจนมีนักพรตมาทำนายว่าหากอยู่ในตระกูลเจียงต่อไป จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่พ้นปีนั้น จำต้องส่งนางไปที่อื่น สุดท้ายก็เลือกส่งนางไปบ้านเดิมของฟู่ฮูหยิน ให้ช่วยดูแลนางแทน"
"แล้วเจ้าว่ามันไม่น่าแปลกไปหน่อยหรือ ที่พอนางเติบโตมาอย่างแข็งแรงแต่กลับไม่ถูกรับกลับมาเสียที กระทั่งฮ่องเต้โยนงานมงคลของข้าไปให้ตระกูลเจียงแบกรับไว้ นางถึงได้ถูกเรียกตัวขึ้นมาเมืองหลวง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่เคยมีใครรับรู้การมีอยู่ของนางมาก่อน"
"...ตอนที่ฮ่องเต้ทรงประกาศให้ทั่วแคว้นรู้เรื่องนี้ ชาวบ้านต่างก็คิดว่าจะต้องเป็นคุณหนูเจียง" ที่หงเปาหมายถึงก็คือเจียงเจียวเหม่ย ผู้ที่ทุกคนคิดว่าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของขุนนางเจียงมาหลายปี
