บทที่ 9
บทที่ 9
“เป็นยังไงบ้าง” หนึ่งนทีที่กำลังนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีนิ่งๆ หันมาเอ่ยถามน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแม้ว่าทั้งสอง จะโทรคุยกันตลอดแต่มันก็ไม่เหมือนกับตอนที่ได้เจอหน้ากันอยู่ดี
“ไอซ์สบายดีค่ะ แต่น้อยใจพ่อและพี่ชายนิดหน่อย ที่ไม่เคยไปหาเลย”ธารทีราพูดเสียงสั่น และทำท่าจะร้องไห้ด้วยความน้อยใจ ที่พี่ชายและพ่อไม่เคยไปหา มีแค่แม่และคุณป้าที่รู้จักเท่านั้นที่ไปหาบ่อยๆ
“ไอซ์ก็รู้ว่าพี่ไปไม่ได้ คุณพ่อก็เหมือนกัน”
ชายหนุ่มรีบยกขาลงแล้วขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อจะยื่นมือไปปาดซับน้ำตาที่ติดอยู่บนขอบตาของน้องสาวอย่างอ่อนโยน
“ค่ะ ไอซ์รู้ ไอซ์เลยกลับมาหาทุกคนนี่ไง”
ธารทีราเห็นพี่ชายมีสีหน้ากังวลจึงยิ้มกว้าง แล้วรีบพูดเอาใจเขา เธอไม่ได้โกรธจริงจังเสียหน่อยพี่ชายของเธอคนนี้คิดมากเกินไปจริง ๆ
“คราวหลังถ้าจะมาก็บอกพี่ล่วงหน้าบ้างนะ ไม่ใช่หนีมาแบบนี้”
หนึ่งนทียิ้มเอ็นดูน้องสาวแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงติดกังวลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย นี่ดีนะที่เขารู้เมื่อวานจากปากของเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศว่าธารทีรากำลังจะกลลับมาเมืองไทย เขาจึงได้ติดต่อเธอไปก่อนจะนัดแนะให้ซันไปรับที่สนามบิน
“ค่ะ ต่อไปไอซ์จะบอกพี่ซีลก่อนค่ะ แต่ว่าไอซ์คงไม่ได้ไปไหนอีกนาน เพราะตั้งใจไว้แล้วค่ะว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรเลย”
ธารทีราทำหน้าทะเล้น พลางย่นจมูกใส่พี่ชาย
“ป่านนี้คุณแม่กับป้านมคงชะเง้อคอรอเราแล้วมั้ง”
หนึ่งนทีเอนหลังพิงเบาะอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นน้องสาวยิ้ม แล้วพูดถึงคนที่บ้าน ที่ป่านนี้คงจะรอน้องเขาแย่แล้ว โดยเฉพาะแม่ของเขา และป้านมที่เลี้ยงดูธารทีรามาตั้งแต่เด็ก และป้านมก็ยังไปอยู่กับน้องสาวเขาที่ต่างประเทศตั้งแต่ตอนที่เธออายุห้าขวบ และเพิ่งจะได้กลับมาไม่นานนี่เอง
“ไอซ์ก็อยากเจอทุกคนค่ะ คิดถึงและอยากกอดคุณแม่คุณพ่อและป้านมด้วยค่ะ” เมื่อพูดถึงบ้าน ธารทีราก็รู้สึกมีความสุขแล้ว เพราะถึงแม้จะไม่ได้กลับมานาน แต่เธอก็ยังมั่นใจว่ามันจะเป็นที่ปลอดภัยและอบอุ่นใจสำหรับเธอ
“ไอซ์แน่ใจนะว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวร”ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อถามถึงสิ่งที่น้องตัดสินใจเรื่องที่จะมาอยู่ที่นี่ถาวร
“ค่ะ ไอซ์ไม่อยากหนีแล้วพี่ซีล ไอซ์อยากอยู่กับทุกคนที่นี่”
ธารทีราพูดกับพี่ชายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง เพื่อยืนยันว่าตัดสินใจดีแล้วว่าเธอจะกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวร และจะไม่ไปไหนอีกแล้ว
“ถ้าไอซ์ตัดสินใจดีแล้ว พี่ก็จะดูแลไอซ์ให้ดีที่สุด” หนึ่งนทีตอบรับพลางพยักหน้าให้น้องสาวอย่างยอมรับในการตัดสินใจของเธอ
“ขอบคุณพี่ซีลมากค่ะ” ธารทีราโน้มตัวไปจับมือพี่ชายมาจูบ และเอาไปแนบแก้มของตัวเองอย่างรักและนับถือ
“ดีเลย พี่จะได้มีคนมาช่วยงานที่โรงพยาบาล”
หนึ่งนทีละมือจากแก้มแดงระเรื่อ พลางเอาไปลูบหัวของน้องอย่างรักใคร่ และพูดถึงธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งมีโรงพยาบาลที่จะให้ธารทีราไปช่วยงานและสานต่อ
“ไอซ์สมัครเข้าไปทำงานตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่โน่นแล้วล่ะค่ะ”
ธารทีราพูดโอ้อวด เธอยื่นเรื่องขอเข้าทำงานเองโดยไม่ผ่านพี่ชายสักนิด เนื่องจากไม่อยากใช้เส้นสายในการเข้าไปทำงานในโรงพยาบาล
“คนเก่งของพี่” ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแปลกใจ แต่พอคิดได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้เก่งยิ่งกว่าใครก็ไม่ติดใจอะไร..
แล้วสองพี่น้องก็พูดคุยกันถึงเรื่องอื่น ๆ ต่อไป จนซันขับรถมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่คุ้นตา และอยู่ในความทรงจำของธารทีรามาตลอด เธอจึงได้หันไปมองไปรอบบ้านผ่านกระจกด้านข้าง ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนอกจากคฤหาสน์ที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยที่เค้าโครงหลักยังเป็นคฤหาสน์หลังเดิมในความทรงจำของตนเองเมื่อครั้งวันวาน
“นายน้อยครับ คุณหนูครับ” เมื่อจอดรถแล้ว ซันรีบลงจากรถเดินไปเปิดประตูรถให้เจ้านายทั้งสองทันที
“อืม” หนึ่งนทีลงจากรถก่อนธารทีราจากนั้นก็สั่งให้ซันบอกเด็กๆ ในบ้านให้มาขนกระเป๋าเสื้อผ้าของธารทีราเข้าไปด้านใน
“ครับ” ซันโค้งคำนับแล้วรีบเดินถอยหลังไปทำตามคำสั่งของเจ้านาย
และเมื่อลูกน้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็ก้มมองธารทีราที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ซึ่งเขายื่นมือให้น้องสาวจับแล้วบอกว่า
“ลงมาสิไอซ์”
ด้านธารทีราจับมือพี่ชายแล้วก้าวลงจากรถ และช่วงที่เธอกำลังจะเดินไปยืนข้างพี่ชายนั้น
