
บทย่อ
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของคนสองคนที่มีความผูกพันมาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องราวเลวร้ายบางอย่างได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่น่าสงสารอย่าง ธารทีรา ทำให้เธอต้องใช้เวลาถึงสิบเก้าปี เพื่อตามหาและทวงคืนทุกสิ่งที่เคยหล่นหายไป รวมถึงความรักความผูกพันของเธอกับใครอีกคนที่เฝ้ารอคอยเธอตลอดมา โดยที่ชายหนุ่มมาดนิ่งอย่าง เขตแดน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จะมีโอกาสได้เจอเธออีกครั้งหรือไม่
บทที่ 1
บทที่ 1
เวลาบ่ายโมง...
‘เรียนท่านผู้โดยสาร...'
เสียงพนักงานประชาสัมพันธ์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประกาศแจ้งผู้โดยสารที่เดินกันขวักไขว่ดังขึ้นเป็นระยะ
ณ ทางออกสำหรับผู้โดยสาร
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อโค้ทกับกางเกงขายาวก้าวอย่างมาดมั่นตรงไปเบื้องหน้า ซึ่งการแต่งกายของเธอช่างท้าทายกับอากาศร้อนของประเทศไทยเหลือเกินแม้แต่ตอนนี้ใบหน้าหวานก็แดงระเรื่อขึ้นด้วยความไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศ
ธารทีราเดินลากกระเป๋ามาถึงด้านหน้าพลางมองหาคนที่จะมารอรับเธอ ระหว่างนั้นหญิงสาวรีบถอดเสื้อโค้ทออกจากตัวทันที เพราะกลัวว่าตนเองจะเป็นลมไปก่อนจะกลับถึงบ้าน
“คุณหนู”
พอมีเสียงเรียกดังขึ้น เธอก็รีบหันไปตามหาที่มาของเสียงหญิงสาวมองเห็นชายหนุ่มชุดดำยืนไม่ไกลจึงยิ้มให้พลางโบกมือเรียกชายคนนั้น
“พี่ซัน?”
“ครับ” ซัน บอดี้การ์ดที่ได้รับหน้าที่ให้มารอรับธารทีราตอบรับพร้อมกับรีบเดินเข้าไปเอากระเป๋าของหญิงสาวมาถือไว้เอง
“ไอซ์ไม่เจอพี่ซันนานมากเลย พี่ซันสบายดีนะคะ”
หญิงสาวพูดขึ้นพลางมองสำรวจชายตรงหน้าด้วยความคิดถึง
“สบายดีครับ คุณหนูเชิญที่รถดีกว่านะครับ” ซันยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบเชิญคุณหนูของเขาไปขึ้นรถ เนื่องจากไม่อยากให้หญิงสาวยืนอยู่แถวนี้นานเกินไปซึ่งธารทีราก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พร้อมกับรีบเดินตามซันไป
ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากสนามบิน เธอก็เอ่ยถามถึงใครคนหนึ่งว่า
“พี่ซีลทำงานเหรอคะ”
“ครับ นายอยู่ที่บริษัท” ซันพยักหน้า พลางมองคุณหนูของตนผ่านกระจกมองหลัง พร้อมทั้งหยิบหูฟังขนาดเล็กมาใส่เอาไว้ เนื่องจากชายหนุ่มจะต้องคอยประสานงานกับลูกน้องที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ตามประกบอยู่ห่างๆ ด้วย
“คุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ?” ธารทีราถามถึงพ่อแม่ของเธอโดยไม่ได้สบตาของซันที่มองเธอผ่านกระจกมองหลัง เพราะมัวแต่มองไปด้านนอกตัวรถที่มีรถหลายคันแซงหน้ารถของเธอขึ้นไป
“คุณท่านรออยู่ที่บ้านแล้วครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ โดยไม่ได้มองคุณหนูของตน เพราะเขาต้องคอยระวังรถทุกคันที่อยู่รอบข้าง
“ไอซ์ไม่ได้เจอคุณพ่อนานแล้ว ป่านนี้ไม่รู้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อพูดถึงคนเป็นพ่อ ธารทีราก็มีสีหน้าหมองเศร้าลงเล็กน้อย เพราะที่ผ่านมาพ่อไม่เคยบินไปหาเธอเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ที่เธอเดินทางไปเรียนที่อเมริกาตอนที่มีอายุห้าขวบก็มีแค่คุณแม่และคุณป้าที่เธอเคารพเท่านั้นที่ไปหาบ่อยๆ
เสียงเล็กเศร้าสร้อย ทำให้ซันละสายตาจากถนนด้านหน้ากลับมามองคุณหนูที่กระจกมองหลัง สีหน้าหม่นหมองของคุณหนู ทำให้ซันรีบพูดปลอบและแก้ตัวแทนนายใหญ่ ผู้มีพระคุณของเขาว่า
“นายใหญ่สบายดีครับ แต่ที่ไม่ไปหาคุณหนูเลย ก็เพราะความปลอดภัยของคุณหนูเองนะครับ”
“ไอซ์รู้ค่ะ ไอซ์ก็แค่คิดถึงท่านเท่านั้น” ธารทีราพยักหน้ารับแล้วแกล้งยิ้มตรงมุมปากเบาๆ เพื่อไม่ให้ซันคิดอะไรมาก
“ครับ” ซันขานรับ แล้วละสายตาจากคุณหนู เพื่อหันไปมองถนนด้านหน้าดังเดิม
ส่วนธารทีราเหม่อมองไปข้างทาง เธอไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว ทุกอย่างที่นี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ
“ไม่ได้กลับมานาน อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนเรื่อยๆ
“ครับ” ซันขานรับ แล้วมองไปที่กระจกรถด้านข้างด้วยความเป็นกังวล
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ซัน”ธารทีราเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าและสายตาลุกลี้ลุกลนของซันที่มองแต่กระจกรถด้านข้างซ้ายขวา
“ผมคิดว่ามีรถตามรถของเรามาตั้งแต่อยู่ที่สนามบินแล้วครับ” ซันพูดขึ้นแล้วรีบติดต่อหาลูกน้องที่ขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่รอบๆ ทันที
“แน่ใจเหรอคะ”ธารทีราถามออกมาอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบขยับตัวหันไปมองข้างหลัง
“ครับ” ซันพยักหน้าให้คุณหนู ชายหนุ่มกำลังพยายามเปลี่ยนเลนเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยบางอย่างแล้วเขาก็เห็นว่ารถคันนั้นยังคงตามมาจึงมั่นใจมากขึ้นกว่าเก่าว่าเขากำลังถูกตามมาจริงๆ
