4
“นอนไม่หลับเหรอหงส์” ท่านพลิกตัวขยับขึ้นมานั่งมองลูกสาวคนโตด้วยสายตาเปี่ยมรัก ไม่มีแววง่วงงุนแม้สักนิด
“แม่ยังไม่หลับอีกเหรอจ๊ะ”
“แม่จะนอนหลับได้ยังไงในเมื่อลูกสาวของแม่เอาแต่นอนถอนหายใจอยู่แบบนี้”
“หงส์ถอนใจด้วยเหรอแม่” เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอถอนหายใจดังจนรบกวนการนอนของมารดา “หงส์ขอโทษนะจ๊ะแม่ หงส์เครียดเรื่องงานนิดหน่อยก็เลยเผลอถอนหายใจแรงไปนิด แม่นอนเถอะจ้ะ หงส์จะไม่รบกวนแม่แล้ว”
“เครียดเรื่องเงินหรือเปล่า ถ้าใช่ก็บอกแม่ได้นะ” ท่านรู้ว่าช่วงนี้ลูกสาวต้องใช้เงินเยอะเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน จึงยินดีที่จะให้เธอหยิบยืมเงินไปใช้หมุนเวียนก่อนอย่างเต็มใจ “แม่ไม่บอกเตี่ยเขาหรอก”
“เปล่าหรอกจ้ะแม่ หงส์ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินหรอกจ้ะ หงส์กำลังเครียดกับการปรับเปลี่ยนตารางเรียนพิเศษต่างหาก”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นแม่ก็คงช่วยอะไรลูกไม่ได้หรอกนะเพราะแม่ไม่เก่งเหมือนลูก”
“ใครว่าแม่ของหงส์ไม่เก่ง แม่ของหงส์เลี้ยงลูกมาตั้งหกคน แต่ละคนก็เรียนจบสูงๆ กันทั้งนั้น แบบนี้จะเรียกว่าไม่เก่งได้ยังไงจ๊ะแม่” ขณะที่เธอกำลังออดอ้อนกับมารดาอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ร้องดังขึ้นมาพอดี “แม่นอนไปก่อนนะ หงส์ขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งก่อน” เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปขณะเดินออกไปจากห้องนอนของบุพการี.. และไม่ได้กลับมานอนในห้องอีกเลย
พอรุ่งเช้าก็รีบขับรถกลับไปที่สามพราน ตรงดิ่งไปยังห้องพักของคนรัก
ก๊อกๆๆ
ธนายุทธมาเปิดประตูให้เธอในอาการงัวเงีย เขาเบิกตาโตเล็กน้อยพร้อมกับตั้งคำถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่โทรมาบอกผมก่อนล่ะครับว่าจะมา ผมจะได้ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”
“หงส์ไม่ได้มาเพื่อจะทานอาหารเช้ากับติ๊กหรอกนะ แต่หงส์มาเพราะอยากแวะมาหาติ๊กเท่านั้น” เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บความอยากรู้เอาไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ยอมเดินเข้าไปในห้องของเขาตามแรงจูงของมือใหญ่ “อย่า”
“ทำไมล่ะ หงส์ไม่ได้คิดถึงแบบนี้เหรอครับ” ธนายุทธซุกปลายจมูกลงบนลำคอระหงที่พยายามหลบหลีก
“วันนี้หงส์ไม่มีอารมณ์หรอกติ๊ก อย่าทำแบบนี้กับหงส์” เธอผลักเขาออกสุดแรงแล้วจ้องเขาเขม็งอย่างลืมตัว
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงดูหงุดหงิดนักล่ะครับ”
“หงส์ขอโทษ หงส์อารมณ์ไม่ดี หงส์แค่อยากจะแวะมาบอกว่าพรุ่งนี้เรามีนัดถ่ายรูปแต่งงานอย่าลืมซะล่ะ” คนอย่างเธอไม่ชอบแหวกหญ้าให้งูตื่น และไม่เคยสนใจคำพูดของใครมากกว่าความคิดของตัวเอง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอรักและเชื่อใจมากที่สุด ถึงจะไม่เห็นกับตาแต่ก็เชื่อไปแล้วเก้าในสิบส่วน อีกส่วนก็คือตามหาความจริง
‘ถ้านกไม่เห็นติ๊กกับนักศึกษาคนนั้นเดินกอดเอวกันไป นกก็คงไม่คิดลึกหรอกพี่หงส์ ท่าทางแบบนั้นมันไม่ใช่ลักษณะของคนรู้จักแน่ๆ จะว่าเป็นน้องสาวก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะติ๊กเขามีแต่พี่น้องผู้ชายไม่ใช่เหรอพี่หงส์’
คำพูดของน้องสาวคนที่สองยังดังก้องอยู่ในสมองอันน้อยนิดของเธอ
“ไม่ลืมหรอกครับ เมื่อคืนเราก็คุยเรื่องนี้กันแล้วนี่ครับ” เขารั้งเธอมากอดเอาใจ แต่เธอกลับฝืนกายถอยหนี
“หงส์กลับก่อนนะ พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงเราจะเจอกันที่สตูเลยหรือว่าติ๊กจะแวะไปรับหงส์ที่บ้าน” บ้านของเธอในครั้งนี้ก็หมายถึงอาคารพาณิชย์สี่ชั้นสองคูหา ที่เปิดเป็นฟิตเนสสองชั้นและใช้สอนพิเศษหนึ่งชั้น ส่วนชั้นที่สี่ทำเป็นห้องชุดสำหรับอยู่อาศัยและใช้เป็นห้องหอ “เจอกันที่สตูเลยก็ได้ติ๊ก เสร็จแล้วหงส์จะได้กลับบ้านแพ้วเลย”
“ทำไมช่วงนี้คุณกลับบ้านบ่อยจัง”
“ก็เตี่ยไม่อยู่นี่”
“แล้ววันนี้ล่ะ”
“วันนี้หงส์ก็ต้องกลับไปนอนกับแม่เหมือนกัน หงส์แวะมาบอกแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิครับหงส์” ธนายุทธดึงแขนเรียวของคนรักเอาไว้ ส่งยิ้มหวานตะล่อมใจให้เธอ “คุณลืมอะไรหรือเปล่าครับ”
เธอไม่ลืมการกอดลาพร้อมกับจูบหวานๆ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนแยกจากกัน แต่สำหรับวันนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะทำมันสักนิด และเธอก็ไม่ใช่ประเภทชอบทำอะไรฝืนใจตัวเองซะด้วยสิ
“อะไรหรือคะ”
“ติ๊กว่าหงส์ต้องงอนอะไรติ๊กแน่ๆ เลย”
“นี่คงเป็นข้อดีของคุณสินะ รู้ใจหงส์ดียิ่งกว่ารู้ใจตัวเองเสียอีก” ถึงแม้จะพยายามระงับอารมณ์เอาไว้แล้ว แต่ก็อดประชดใส่เขาไม่ได้
“คุณงอนผมจริงๆ ด้วย” เขารั้งเธอเข้ามาหาแต่เธอก็ฝืนเอาไว้ จึงขยับเข้าไปและโอบกอดอย่างอ่อนโยน “โอ๋ๆๆ ไม่งอนนะครับคนดีของติ๊ก ติ๊กทำอะไรไม่ถูกใจบอกมาสิครับ ติ๊กจะได้ปรับปรุงตัวเอง”
“ปล่อยนะ” เธอดิ้นรนออกจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนั้นด้วยหัวใจที่อ่อนแอลงไปบ้าง “ยังไม่ต้องรู้หรอกว่าเรื่องอะไร แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือคุณรักฉันจริงไหม”
“ทำไมถึงถามคำถามโง่ๆ แบบนี้ล่ะครับหงส์ ถ้าติ๊กไม่รักหงส์แล้วติ๊กจะแต่งงานกับหงส์ทำไม”
“หงส์ดีใจที่ได้ยินแบบนี้”
“มีใครทำให้คุณไม่สบายใจหรือเปล่า ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นหงส์เป็นแบบนี้” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มคล้ายหนุ่มอาหรับ ตั้งคำถามด้วยท่าทางซีเรียส รอฟังคำตอบด้วยหัวใจจดจ่อ
“ไม่มีหรอก หงส์ก็แค่อ่อนไหวเพราะเป็นวันนั้นของเดือน หงส์กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ขับรถดีๆ นะครับ” ธนายุทธยืนส่งคนรักด้วยสายตาจนเธอหายไป จึงปิดประตูห้องและกลับไปนอนต่อ เพราะเขาเพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อตอนตีสี่นี้เอง
วันต่อมา
รนิดากับธนายุทธเดินออกมาจากสตูดิโอ หลังจากถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม
“คุณดูเหนื่อยๆ นะหงส์ ให้ผมขับรถไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอก ติ๊กไปธุระของติ๊กเถอะ นัดเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอ” หลายชั่วโมงที่ง่วนอยู่กับการถ่ายภาพ เขามีสายเข้ามาไม่ต่ำกว่าสิบสาย พอถามก็บอกว่าเพื่อน แต่ลักษณะการแอบคุยของเขาบอกให้เธออย่าเชื่อคำพูดนั้น
มันแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิด เมื่อก่อนเขาก็มีท่าทางแบบนี้อยู่บ่อยๆ เวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เธอกลับไม่ติดใจสงสัยจนกระทั่งได้ยินคำพูดของน้องสาว มันทำให้เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องและพบว่าเขาเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว
“แต่ติ๊กอยากไปส่งคุณก่อนนี่นา ติ๊กเป็นห่วงคุณนะ”
“หงส์ไม่เป็นอะไรหรอก ติ๊กรีบไปเถอะ”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ หงส์ไปก่อนนะ”
“โอเคครับ ขับรถดีๆ นะ ถึงแล้วโทรมาบอกผมด้วยล่ะ” ธนายุทธยืนส่งคนรักขับรถจากไปแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง ขับรถออกไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าถูกสะกดรอยตามจากคนที่เพิ่งกล่าวลา
