3
หญิงสาวคนหนึ่งเดินตามหลังเธอออกมาและชนถูกเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอก็รีบหันไปขอโทษเพราะรู้ว่าเป็นความผิดของตนที่หยุดเดินกะทันหัน และรีบเบี่ยงหลบให้เธอคนนั้นเดินออกไปก่อนแล้วจึงเดินตามออกไป แต่ก็ไม่วายชายตามองไปทางหญิงสาวที่ชนถูกตน
และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอตกตะลึงถึงกับตาค้าง หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอกระโดดโลดเต้น ยิ่งกว่าครั้งที่ต้องลุ้นพี่สาวประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์เสียอีก
เธอจำผู้ชายคนนั้นได้ดีและมองเขาไม่เลิกรา มองจนเขาเดินลับตาไปกับหญิงสาวคนนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว และถึงแม้จะนึกได้ว่าควรตามไปดูช้าเกินไป แต่เท้าของเธอก็รีบเดินตามหนุ่มสาวคู่นั้นออกไป.. แต่เธอไม่เห็นพวกเขาแล้ว ระหว่างนั้นหัวใจของเธอยังเต้นอย่างแรงพอๆ กับสมองที่ครุ่นคิดอย่างหนัก สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในโรงหนัง และดูหนังแทบจะไม่รู้เรื่องเลยก็ว่าได้
“หนังไม่สนุกเหรอนก พี่ไม่เห็นเราหัวเราะเลย” หลังจากเดินออกมาจากโรงหนัง พี่สาวคนโตก็ถามน้องสาวคนที่สองด้วยความสงสัยขณะที่รอน้องสาวอีกสามคนไปเข้าห้องน้ำ
“นกดูไม่รู้เรื่องเลยพี่หงส์ เพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา”
“ไม่สบายเหรอ ตัวร้อนหรือเปล่า”
“ไม่หรอกพี่หงส์ สงสัยจะเย็นแอร์” เธอบอกปัดมั่วๆ ไป “นกว่าจะถามพี่หงส์อยู่ว่าที่ติ๊กเขาไม่มาด้วย เพราะติดสอนจริงๆ หรือว่าเพราะเขารู้ว่าเตี่ยเราไม่ปลื้มเขา”
“ติ๊กเขาไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้นหรอกนก แล้วพี่ก็ไม่เคยบอกเขาด้วยว่าเตี่ยไม่ค่อยปลื้มเขา ที่เขาไม่มาเพราะติดสอนจริงๆ จ้ะ เมื่อกี้ก่อนที่จะดูหนังพี่โทรไปหา เขาบอกว่าเพิ่งจะสอนเสร็จ กำลังจะไปหาข้าวกินแล้วก็จะกลับที่พักไปทำรายงาน” เธอกล่าวถึงคนรักอย่างปลื้มปีติ เพราะเขากำลังมุมานะที่จะเอาปริญญาเอกมาฝากตนเป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงานในปีหน้า
“พี่หงส์ต้องดูแลติ๊กเขามากๆ นะ อย่าปล่อยให้เขาอยู่นอกสายตาบ่อยๆ ล่ะ เรียนด้วยทำงานด้วยมันเครียดน่ะ” เธอพยายามเตือนพี่สาวอ้อมๆ
“เรื่องนี้เราคุยกันแล้ว เราสัญญากันแล้วว่าถ้ามีปัญหาคาใจเราจะคุยกันตรงๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงจ้ะ”
“ถามจริงๆ นะ พี่หงส์กับติ๊กเจอกันบ่อยแค่ไหน อาทิตย์ละกี่ครั้ง”
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” รนิดาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องสาว
“อยู่ดีๆ นกก็รู้สึกเสียดายพี่หงส์เหมือนเตี่ยอีกคนละมั้ง” แล้วเธอก็แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนพิรุธเมื่อเห็นสายตาจับผิดของพี่สาว “ก็เลยอยากรู้ว่าเพื่อนนกมันดีกับพี่สาวของนกแค่ไหนไง”
“ไร้สาระน่า” พี่สาวคลี่ยิ้มแล้วยีผมน้องสาวอย่างเอ็นดู “พี่เจอกับติ๊กเขาทุกครั้งที่เข้าไปสอนที่มหาลัยนั่นแหละจ้ะ แล้วเราก็จะกินข้าวด้วยกันทุกครั้งด้วย”
“แล้วนอกจากมหาลัยล่ะ”
“ก็มีเจอกันบ้างเวลาที่เราว่างตรงกัน แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยหรอก ส่วนมากจะโทรศัพท์ถึงกันมากกว่า”
“พี่จะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วนะ พี่ยังห่างเหินกันอีกเหรอ”
“เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าห่างเหินกันซะหน่อยนี่ เรามีความสุขและรักกันดีออก ยังคุยกันเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วเราอาจจะต้องแยกกันอยู่อีกสักพักจนกว่าเขาจะเรียนจบ เพราะเขาอยากมีสมาธิอยู่กับเรื่องเรียนมากกว่า”
“แล้วพี่จะรีบแต่งงานไปทำไม รอให้เขาเรียนจบแล้วค่อยแต่งไม่ดีกว่าเหรอ”
“ก็ติ๊กเขาอยากแต่งเร็วๆ นี่นา พี่เองก็อายุมากแล้วด้วย ถ้ามีลูกช้ามันก็จะไม่เป็นผลดีกับพี่สักเท่าไหร่”
“พูดกันตามจริงแล้วพี่กับติ๊กรู้จักกันมาหลายปีแล้วก็จริง แต่ก็ผิวเผินมากๆ พี่เพิ่งจะตกลงดูใจกันไม่ถึงปีเลยนะ ทำไมพี่ถึงตัดสินใจเรื่องแต่งงานเร็วแบบนี้ล่ะ” เธอทิ้งระยะเพื่อชั่งใจสักครู่ “ถามจริงๆ พี่ท้องหรือเปล่า” พี่สาวแสนสวยของเธอถึงจะมีนิสัยเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีแฟนก็คบกันไม่เคยยืดเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ทนความบ้างานของเธอไม่ได้ แต่กับธนายุทธทุกอย่างกลับตรงกันข้ามอย่างเหลือเชื่อ
“บ้าสินก! พี่ไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะนกจะได้ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”
“นกไม่อยากจะบอกพี่หงส์เลย...” ฝ่ายน้องสาวอ้ำอึ้งเพราะความลำบากใจอีกครั้ง แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างพี่สาวของเธอก็คงไม่รู้สึกตัวว่ากำลังโดนสวมเขา “ตอนที่นกเรียนกับติ๊ก ติ๊กเขามีผู้หญิงมาติดพันเยอะนะ นกกลัว..” น้องสาวใช้สายตาสื่อความหมายของคำว่ากลัว
“พี่เชื่อใจติ๊กเขานะ”
“พี่หงส์ไม่แคร์เลยเหรอ”
“ไม่หรอก พี่ไม่เครียดกับเรื่องแบบนี้หรอก คนน่ารักแบบติ๊กไม่มีคนชอบสิแปลก”
“แล้วถ้าเขานอกใจพี่หงส์ล่ะ”
“อะไรของนกเนี่ย อยู่ดีๆ ทำไมต้องมาถามคำถามไร้สาระแบบนี้กับพี่ด้วย” รนิดาจับตามองน้องสาวอย่างจริงจัง “มีอะไรก็บอกพี่มาตรงๆ เลยนก พี่ไม่ชอบอ้อมค้อม มันเสียเวลา”
อารียามองหน้าพี่สาวด้วยสายตาเคร่งเครียด ใจหนึ่งก็อยากพูดออกไปตรงๆ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของพี่สาวขึ้นมา กลัวว่าเธอจะทำใจยอมรับไม่ได้จนถึงขั้นช็อกเพราะรู้ว่าเธอนั้นรักแฟนหนุ่มมากเพียงใด
“บอกพี่มาเถอะนก ไม่ต้องปิดบังพี่หรอก”
“คนอื่นมาแล้ว เอาไว้คืนนี้นกจะโทรหาพี่หงส์ดีกว่าจ้ะ” อารียานึกดีใจที่พี่และน้องอีกสามคนเดินเข้ามาถูกจังหวะพอดี อย่างน้อยก็ขอเวลาเรียบเรียงคำพูดและสืบดูอีกสักหน่อยก่อนดีกว่า
รนิดายอมหยุดเอาไว้แต่เพียงแค่นี้ หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกับน้องๆ ทั้งสี่เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอบ้านแพ้ว ไปนอนเป็นเพื่อนมารดาอย่างที่บอกกับพวกเธอเอาไว้
ยามค่ำคืนในบรรยากาศที่เย็นสบายเพียงแค่เปิดพัดลมหนึ่งตัวไม่ได้ช่วยให้หญิงสาวเข้าสู่ห้วงนิทราได้เลย เพราะจิตใจของเธอกำลังเป็นกังวลกับท่าทางของน้องสาวคนที่สองเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเธอยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายนั้น และเธอก็เป็นประเภทที่ไม่ชอบโทรจิก จึงเฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่ออยู่เงียบๆ แต่การกระทำที่เธอคิดว่าเงียบเชียบพอ หาได้รอดพ้นสายตาของผู้เป็นมารดา
