บทที่ 2 ตัดใจ
บทที่ 2 ตัดใจ
เจ็ดวันต่อมา
“องค์หญิง” ต้าชวี่ย่อกายคารวะสตรีสูงศักดิ์ที่ก้าวเท้าลงจากรถม้าอย่างแช่มช้อย
“พระชายา” องค์หญิงเยียนเยื้องย่างอย่างนุ่มนวลไปหาป้าสะใภ้ “ท่านสบายดีใช่หรือไม่”
คิ้วเรียวได้รูปไหวเล็กน้อยกับคำถามที่แปลกไปจากเดิม เพราะถ้าองค์หญิงได้เห็นตนเมื่อไหร่ นางก็มักจะถามไถ่แบบเจาะจงไปเลย เช่นดูท่านมีความสุขดีจังเลย เจอท่านทีไรก็ยิ้มแย้มตลอดเวลา วันนี้ข้ามาขอรบกวนท่านหน่อยนะ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถามใช่หรือไม่แบบนี้ แล้วยังแววตาที่ดูเจือความกังวลแวบหนึ่งนั่นอีก
“ข้าสบายดี องค์หญิงเล่า”
“ข้าไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ ถึงได้อยากพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวนี่ไง” องค์หญิงวัยสิบเจ็ดปีตอบป้าสะใภ้ที่นางรักและให้ความนับถือเทียบเท่าเกาอ๋องผู้มีศักดิ์เป็นลุง
“เป็นอะไรหรือ ให้ข้าเดินทางเป็นเพื่อนดีไหม” ได้ยินดังนั้นก็รีบถามด้วยความห่วงใย
“ไม่ต้องหรอก” องค์หญิงรีบปฏิเสธความหวังดีของป้าสะใภ้ “ท่านเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน อยู่บ้านกับเกาอ๋องดีแล้ว แค่ให้เด็ก ๆ ไปด้วยก็พอ” สตรีสูงศักดิ์ที่วางตัวได้ดีเกินอายุกล่าวกับป้าสะใภ้ มองนางด้วยสายตาเป็นมิตร แต่ในสายตาเป็นมิตรนั้นเผลอแสดงความรู้สึกไม่สบายใจออกไปเนือง ๆ
เฟิ่งต้าชวี่เห็นความเศร้าในสายตาเรียวสวยขององค์หญิง แต่ไม่ได้รู้เลยว่าสายตาที่แสดงออกมานั้นเพราะตน กลับคิดว่าเป็นเพราะเรื่องทุกข์ใจของนางเอง
“องค์หญิงยังมีข้าคนนี้เคียงข้างเสมอนะ ถ้าอยากระบาย อยากร้องไห้ หรืออยากตำหนิใครก็ทำเลย ข้ายินดีรับฟัง”
“ขอบคุณพระชายาเกา ท่านก็เหมือนกันนะ ถ้ามีเรื่องทุกข์ใจอยากระบายก็ระบายกับข้าได้เสมอ”
“เพคะ เชิญเข้าไปจิบชาด้านในก่อนเถิด กว่าเด็ก ๆ จะเตรียมตัวเสร็จก็คงอีกนาน”
“ก็ดี”
“อาหลี่ เตรียมตัวเสร็จแล้วเข้าไปเรียกด้วยนะ”
“เจ้าค่ะพระชายา” อาหลี่ตอบฉะฉานขณะคุมบ่าวไพร่เตรียมของขึ้นรถม้า
“เชิญเพคะองค์หญิง”
องค์หญิงเยียนเดินนำหน้าเจ้าบ้านเล็กน้อยตามคำเชื้อเชิญ มองบ้านที่สดชื่นระรื่นตาไปทุกสัดส่วนอย่างชื่นชอบ
“เพราะบ้านหลังนี้ร่มรื่นน่าอยู่แบบนี้นี่เอง เกาอ๋องถึงชอบอยู่บ้านมากกว่าเข้าวัง”
“เพคะ”
“เสด็จพ่อยังเคยพูดกับข้าว่าอยากจะย้ายห้องทรงงานมาไว้ที่นี่ จะได้ลดภาระให้ท่านอ๋อง”
นายหญิงของบ้านได้ยินดังนั้นก็ยกมือปิดปากกลั้วหัวเราะ
“ฝ่าบาทก็ช่างเหน็บแนมนัก ต่อให้เกาอ๋องติดบ้านเพียงใด เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาทต้องการตัว ท่านก็จะรีบไปทุกครั้งนะเพคะ หลายวันมานี้ก็ดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะกลับ”
“ก็คงจะจริง” องค์หญิงพูดในสิ่งที่ขัดต่อใจออกไป
คนอย่างเกาอ๋องนะเหรอจะยอมอยู่กับเสด็จพ่อจนถึงฟ้ามืด เขายังบอกกับเสด็จพ่อว่าถ้าไม่ได้ออกไปทำศึกในสนามรบ เวลาทำงานของเขาจะไม่เกินยามอุ้ย ที่เหลือคือเวลาของครอบครัว ห้ามหาเหตุผลใด ๆ มารั้งตัวเขาไว้..
“แล้ววันนี้ไยท่านอ๋องไม่ออกมาต้อนรับข้าเลย หรือชังน้ำหน้าข้ามากนัก” โฉมงามถามขณะมองไปรอบ ๆ
คำถามขององค์หญิงทำให้พระชายาเกาถึงกับขมวดคิ้ว
“ไยท่านอ๋องจึงต้องชังน้ำหน้าองค์หญิงด้วยเล่า”
“ก็ช่วงนี้ข้าชอบพูดจาไม่ดีใส่เขาบ่อย ๆ ข้าเลยคิดว่าเขาอาจจะชิงชังข้าอยู่บ้าง”
“ไม่หรอก ท่านอ๋องยังพูดถึงองค์หญิงอย่างรักใคร่เอ็นดูเสมอ เมื่อวันก่อนยังบอกข้าอยู่เลยว่าองค์หญิงนั้นรักและดีกับข้ามากกว่าสะใภ้คนอื่นมาก”
“ก็ป้าสะใภ้ของข้าคนนี้ดีกว่าสะใภ้ในวังหลวงคนอื่นจริงนี่นา”
“อย่ายอข้านักเลยองค์หญิง ข้าก็เขินเป็นนะ”
ทั้งสองคุยกันจนเดินมาถึงศาลา เริ่มจิบชากินของว่างระหว่างพูดคุย
“ฮูหยิน”
ต้าชวี่เหลียวไปมองแม่ครัววัยชราที่อยู่คู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่รุ่นก่อน คลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“มีอะไรเหรอป้าจิน”
“กับข้าวไม่ถูกปากหรือเจ้าคะ บอกข้าได้นะว่าอยากกินอะไร ข้าจะรีบไปทำมาให้ใหม่ทันที” เพราะเห็นฮูหยินเอาแต่นั่งเหม่อมองกับข้าวเสียส่วนใหญ่ จึงถามด้วยความห่วงใย
“ไม่ต้องทำหรอก อาหารของป้าจินอร่อยทุกอย่าง แต่ข้ากินไม่ลงเอง ข้าคิดถึงลูก ๆ น่ะ”
“เช่นนั้นเองหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่น่าให้พวกเขาไปเลยนะเจ้าคะ”
“ไม่ได้หรอกป้าจิน ลูก ๆ ของข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าลูกของคนอื่นเขา เพราะเขามีสายเลือดของเกาหรงซานอยู่ในตัว มีภาระที่ต้องแบกรับรออยู่ ข้าจะเห็นแก่ตัวไม่ได้”
“โธ่ฮูหยินของข้า” ป้าจินจับมือนุ่มมาลูบปลอบ น้ำตาคลอตามอีกฝ่ายไปด้วย “เช่นนั้นฮูหยินก็ต้องเข้มแข็งให้มาก ๆ เช่นกันนะเจ้าคะ เพราะฮูหยินเป็นถึงพระชายาของเกาอ๋อง”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจป้าจินมากนะ” คำปลอบโยนของคนเก่าคนแก่ทำให้นางยิ้มทั้งน้ำตา นางไม่ได้คิดถึงแต่ลูกเท่านั้น แต่ยังคิดถึงสามีที่ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา
ลูกต้องจากบ้านไปแรมเดือนแต่เขาก็ไม่อยู่ส่งลูก มันแปลกเกินไปแล้ว และฮ่องเต้เองก็น่าจะรู้เวลาการเดินทางดี พระองค์คงไม่กล้าเรียกใช้เขาในวันนี้เช่นกัน
“ถ้ากินข้าวไม่ลงก็ดื่มน้ำซุปหน่อยนะฮูหยิน” ป้าจินตักน้ำซุปร้อน ๆ จากเตาอุ่นใส่ถ้วย คนเบา ๆ ให้พอหายร้อนก่อนจะส่งให้นายหญิง
“ขอบใจป้าจิน” ต้าชวี่จำเป็นต้องดื่มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ
ล่วงเข้ายามจื่อได้ไม่นาน ประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ ถูกเปิดอย่างเบามือที่สุด แต่ก็มิอาจหนีพ้นการได้ยินของสตรีที่นอนอยู่บนเตียงนอนหลังฉากกั้น
เพราะนางยังไม่ได้หลับ มัวแต่คิดสารพัดสารพันถึงหลาย ๆ วันที่ผ่านมา ทำให้ยิ่งรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดของผู้เป็นสามี
เขาเปลี่ยนไป!! พูดคุยน้อยลง แม้แต่การกอดจูบที่เคยทำอยู่ทุกวันก็ยังห่างเหิน เขาไม่เหมือนสามีคนเดิมของนาง.. มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
หญิงสาววัยยี่สิบแปดปีในชาติภพนี้ที่กลายเป็นมารดาลูกสี่ หลับตาลงเมื่อหางตาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของสามีกำลังเดินผ่านฉากกั้นเข้ามา ข่มกลั้นจิตใจอย่างหนักไม่ให้ปล่อยเสียงสะอื้น ไม่ให้ลืมตาขึ้นมาแล้วถามในสิ่งที่กำลังติดใจสงสัย เมื่อถูกมือใหญ่และอบอุ่นของเขาแตะลงบนแก้มนุ่มบางเบา... เพียงแค่นั้นที่เขาสัมผัส แล้วทิ้งตัวลงนอน ซึ่งมันต่างไปจากสามีคนเดิมของนาง
