บท
ตั้งค่า

#7

ขบวนของแม่ทัพใหญ่ มิได้ตรงกลับจวนสกุลฉวน เพราะฉวนโซ่อี้แต่งออกไปแล้ว เขาจึงต้องพานางไปส่งยังจวนฮัวกั๋วกง

ข่าวที่แม่ทัพน้อยถูกลอบสังหาร มาถึงจวนฮัวกั๋วกงตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ทุกคนจึงทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

เวลานี้ ในห้องโถงตระกูลจิน คนทั้งครอบครัวต่างมารวมกันเกือบจะครบ ขาดก็แต่ จินมู่หรงที่ยังไม่กลับมา

ฉวนไห่หยวนยกมือประสานค้อมกายคำนับฮัวกั๋วกงอย่างนอบน้อม ถึงแม้ว่าบุตรชายทั้งสองจะมีเรื่องบาดหมางใจกัน หากแต่ความสัมพันธ์ของบิดายังมั่นคงเหนียวแน่น ด้วยเหตุนี้ ฉวนโซ่อี้ถึงต้องแต่งให้จินมู่หรง เพื่อช่วยประสานรอยร้าวในจิตใจให้เขา

เพียงแต่ฉวนโซ่อี้เป็นสตรีแข็งกร้าว อย่าว่าแต่เรื่องประสานใจเลย นางไม่ทุบตีสามีจนพิการนั่นนับว่าดีเท่าไหร่แล้ว

ฮัวกั๋วกงมองลูกสะใภ้ที่เอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่เบื้องหลังบิดาของตนด้วยความฉงน

“อาหยวน ลูกสะใภ้ของข้าเป็นอันใดมากหรือไม่ นางยังบาดเจ็บอยู่ ข้าให้สาวใช้พานางไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่” น้ำเสียงของท่านกั๋วกงฟังดูก็รู้ว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ผู้นี้มากเพียงใด แม้แต่จินฮูหยินที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างกายยังมองลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง

บ้านสามีของฉวนโซ่อี้ นับว่าดีกว่าไป๋ลู่ชิงไม่รู้กี่เท่า

“ไฮ่!” ฉวนไห่หยวนถอนหายใจอย่างแรงคราหนึ่ง เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “ตอนนี้อาอี้ของพวกเราความจำเสื่อม ข้าต้องขออภัยด้วยท่านพี่เส้าที่ดูแลนางไม่ดี ฉวนไห่หยวนมิใช่ไม่รู้ว่าสหายแก่วัยกว่าของเขาผู้นี้ รักและเอ็นดูบุตรสาวของตนมากเท่าใด ดีไม่ดีจะมากกว่าบุตรของตนเองเสียอีก

เดิมที ฮัวกั๋วกงเคยเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจ ทว่าหลังจากได้รับบาดเจ็บ จึงมิอาจนำทัพอีกได้ อีกทั้งบุตรชายทั้งสอง ยังไม่มีผู้ใดสามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาได้ ย่อมต้องเอ็นดูแม่ทัพน้อยอย่างฉวนโซ่อี้มากกว่าสะใภ้ทั่วไป

จินหย่งเส้าได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันมีโทสะ “สารเลวตัวไหนกัน! ถึงได้กล้าลอบสังหารแม่ทัพกลางสนามรบ นี่มันกบฏชัดๆ”

ในอดีตสาเหตุที่จินหย่งเส้าบาดเจ็บ เพราะถูกลอบทำร้ายเช่นกัน ยังดีว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่ง ถึงได้เอาชนะศึกมาได้ มิเช่นนั้น ทหารใต้บังคับบัญชาของเขาคงได้ตายคาสนามรบกันหมดแน่ พอได้ยินว่าเกิดเรื่องทำนองเดียวกันกับฉวนโซ่อี้ โทสะของจินหย่งเส้าจึงมีมากกว่าธรรมดา

“ข้ายังสืบอยู่ ท่านมิต้องห่วง หากรู้ตัวคนร้ายเมื่อใด ข้าจะจับพวกมันมาถลกหนังไปทำกลองรบอย่างแน่นอน!” ฉวนไห่หยวนเอ่ยด้วยสายตาอำมหิต

ได้ยินเช่นนั้น จินหย่งเส้าถึงได้คลายโทสะลง

“ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งต้องบอกท่าน อาอี้ได้รับพิษ รบกวนท่าน...” ฉวนไห่หยวนกเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ที่เขากังวลที่สุด ก็เรื่องพิษของนาง

จินฮูหยินกับลูกสะใภ้คนโตพากันยกมือทาบอกด้วยความตกใจ

“บัดซบ! ข้าว่าแค่ถลกหนังพวกมันคงไม่พอ หากจับตัวได้เมื่อได้ จงทรมานพวกมันให้สาสมเสียก่อนแล้วค่อยถลกหนัง ฮึ่ม!” ท่านกั๋วกงสบถด่าแล้ว หันไปตะโกนสั่งบ่าวด้านนอก “ใครอยู่ข้างนอก รีบส่งคนไปตามหมออู๋มาให้ข้าที”

ไป๋ลู่ชิงได้แต่ยืนฟังบทสนทนาของทุกคนอย่างเงียบๆ ในใจคิดไปว่า ดีแล้วที่ฉวนโซ่อี้มิได้บอกข้อมูลของตนให้นางรู้ มิเช่นนั้น นางคงปิดบังตัวตนจากคนเหล่านี้ ไม่มิดเป็นแน่ มิรู้ว่าอีกฝ่ายกลับไปที่จวนสกุลหลี่แล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง

หน้าประตูจวน

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ก้าวลงมาจากรถม้าด้วยสีหน้าเย็นชา

ข้ารับใช้ที่มายืนรอ รีบเข้าไปรายงานสถานการณ์ด้านในเสียงเบา “ฟังว่า ฮูหยินน้อยรองความจำเสื่อมขอรับ”

“ความจำเสื่อม?” จินมู่หรงมีสีหน้าประหลาดใจ สตรีแข็งแกร่งเช่นนางน่ะหรือจะความจำเสื่อม เขาไม่เชื่อเด็ดขาด นี่นางคงวางแผนจะทำอันใดอีกกระมัง สารเลวทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ มู่หรงบริภาษในใจอย่างดูแคลน ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปด้านใน

หากมิถูกบิดาเรียกตัวกลับมา เขาไหนเลยจะอยากมาดูดำดูดีสตรีแข็งกร้าวเยี่ยงฉวนโซ่อี้ คนลงมือก็ช่างไร้สามารถ ไฉนจึงไม่สังหารนางไปเสียเลย

“อาอี้ จำข้าได้หรือไม่” จินฮูหยินเอ่ยถาม มองลูกสะใภ้อย่างนึกเป็นห่วง

ลู่ชิงส่ายหน้า มิกล้าเงยหน้าสบตาผู้คน ถึงจะบอกตนเองมิให้หวาดกลัว แต่ด้วยนิสัยอ่อนแอขี้ขลาดของนาง ยังทำให้นางหวาดกลัวอยู่ดี ที่นี่มีแต่คนแปลกหน้า

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้าคะ ให้ข้าพาน้องสะใภ้ไปพักเถิดเจ้าค่ะ ดูสีหน้านางมิค่อยดีเลย” สะใภ้คนโต นาม เฉาเหลียน เอ่ยขึ้น พลางลุกจากเก้าอี้ เดินเข้ามาประคองฉวนโซ่อี้

ไป๋ลู่ชิงสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกผู้อื่นสัมผัสตัว มองหญิงสาววัยราวยี่สิบที่กำลังประคองตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ครั้นเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ร่างกายที่กำลังเครียดขึงถึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“พี่สะใภ้ ประเดี๋ยวข้าพานางไปพักเอง” เสียงของจินมู่หรงดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวผ่านประตูเข้ามายืนข้างกายภรรยา ประสานมือคำนับพ่อตา “ลูกเขยคารวะท่านพ่อตาขอรับ”

ฉวนไห่หยวนพยักหน้าให้เขาอย่างเอ็นดู อันที่จริง ในใจของฉวนไห่หยวนนั้น รู้สึกผิดต่อจินมู่หรงไม่น้อย มิเช่นนั้น คงไม่ยอมยกบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้ ต้องโทษเจ้าลูกชายตัวดีของเขาที่บังอาจไปแย่งคนรักของผู้อื่น

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพ่อตา ข้าขอตัวพาอี้เอ๋อกลับเรือนก่อนนะขอรับ” มู่หรงหันไปกล่าวกับทุกคน

ฮัวกั๋วกงพยักหน้า กล่าวว่า “ไปเถิด ดูแลน้องให้ดี เวลานี้อาอี้ไม่เพียงความจำเสื่อม ในร่างยังมีพิษแฝงอยู่ ระมัดระวังให้มากหน่อย อย่าทำให้นางตกใจ”

“ขอรับ” มู่หรงรับคำ ผินหน้ามามองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา กล่าวด้วยใบหน้าอ่อนโยนว่า “ไปเถิด ข้าจะพาเจ้ากลับเรือน”

ไป๋ลู่ชิงไม่รู้ว่าตนควรทำอย่างไรดี เพราะนางไม่รู้ข้อมูลของฉวนโซ่อี้ จึงได้แต่เดินไปพร้อมกับเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel