บท
ตั้งค่า

#8

ครั้นพ้นประตูห้องโถงออกมาได้พอควรแล้ว สีหน้าท่าทางอ่อนโยนของจินมู่หรงพลันอันตรธานหายไปสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเย็นชา หากแต่ลู่ชิงกลับไม่เห็น เพราะนางมัวแต่ก้มหน้าเดิน

ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะเสแสร้งได้นานเท่าใด จินมู่หรงคิดในใจอย่างดูแคลน ในใจมีแผนการเอาไว้แล้ว

เรือนสยง

“พวกเจ้าไม่ต้องตามเข้ามา ข้าอยากอยู่กับฮูหยินตามลำพัง” มู่หรงสั่งสาวใช้ที่เดินตามมาด้านหลังโดยมิหันกลับไปมอง ก่อนจะหันมาโอบเอวภรรยา

ไป๋ลู่ชิงสดุ้งโหยง พยายามเบี่ยงกายออกจากวงแขนของเขา หากแต่จินมู่หรงกลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก ซ้ำยังเลิกคิ้วมองนาง แสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ ราวกับเรื่องที่เขากระทำเป็นสิ่งที่สมควร “อี้เอ๋อ เป็นอันใดไปหรือ?”

ลู่ชิงพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าตนนั้นอยู่ในร่างภรรยาผู้อื่น คนเขาเป็นสามีภรรยากันการแตะเนื้อต้องตัวย่อมมิใช่เรื่องแปลก คิดได้ดังนั้นแล้ว นางจึงมิขัดขืนอีก ยอมให้เขาโอบเอวพาเข้าไปในเรือน

เสี่ยวเจียวกับเสี่ยวลี่ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก มิกล้ากล่าวเตือนเจ้านายของตน

อันที่จริง ตั้งแต่แต่งงานมา อย่าว่าแต่แตะเนื้อต้องตัวเลย แม้แต่นอนร่วมห้องยังไม่เคยด้วยซ้ำ ท่านแม่ทัพน้อยของพวกนางกับท่านเขยเกลียดกันอย่างกับอะไรดี แค่ไม่ต่อยตีกันทุกวันนับว่าดีเท่าไหร่แล้ว แต่นี่ ท่านแม่ทัพน้อยถึงกับยอมให้ท่านเขยโอบประคอง แล้วหากความจำกลับคืนมากะทันหันเล่า ในเรือนจะไม่เกิดศึกใหญ่เลยหรือ ยิ่งคิดพวกนางยิ่งขนลุก

มุมปากของจินมู่หรงเหยียดขึ้นเล็กน้อยแทบไม่มีใครเห็น เขาจะดูว่านางจะเสแสร้งได้อีกนานเท่าใด มู่หรงพาภรรยาตรงเข้าไปยังห้องนอน ก่อนจะละวงแขน หันกลับไปลงดานประตู

ลู่ชิงมัวแต่มองสำรวจภายในห้อง จึงมิได้สังเกตว่าเขากำลังทำสิ่งใด

“อ๊ะ” อยู่ๆ นางก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง อารามตกใจ ลู่ชิงพลันขัดขืนตามสัญชาตญาณ “ท่านปล่อยข้านะ” นางมิได้ความจำเสื่อมจริงๆ เสียเมื่อไหร่ เพียงแต่มาอยู่ในร่างผู้อื่น เรื่องทำนองนี้ ย่อมกระจ่างแจ้งดี

“ฮูหยิน เจ้าหนีสามีไปรบตั้งสองเดือน ปล่อยให้สามีอย่างข้าต้องเดียวดาย แค่กอด เจ้ายังไม่ยอมให้ข้ากระทำหรือ” จินมู่หรงเอ่ยด้วยท่าทางน่าสงสาร พลางฝังปลายจมูกโด่งลงบนซอกคอขาวผ่อง

หญิงสาวไร้เดียงสาอย่างไป๋ลู่ชิง ไหนเลยจะทันเล่ห์เหลี่ยมของจินมู่หรง ครั้นได้ยินน้ำเสียงเศร้าสร้อยของเขา นางพลันนึกย้อนมาถึงตนเอง การโหยหาใครบางคนนั้น ทรมานเพียงใด นางย่อมรู้ดีที่สุด ลู่ชิงรู้สึกสงสารเห็นใจเขาขึ้นมา ดูท่าว่าบุรุษผู้นี้คงจะคิดถึงภรรยามากเป็นแน่ คิดแล้ว ลู่ชิงจึงมิได้ขัดขืนอีก จะอย่างไร นางก็อยู่ในร่างผู้อื่น มิควรทำลายความสัมพันธ์ของคู่หยวนหยาง

เขาค่อยๆ พลิกร่างของนางให้หันกลับมาเผชิญหน้า ในใจนั้นกำลังดูแคลน ฮึ! ช่างอดทนเก่งนักนะ ได้! เรามาคอยดูกัน ว่าระหว่างเจ้ากับข้าใครจะหมดความอดทนก่อนกัน

ในความคิดของจินมู่หรง คือคิดว่านางเสแสร้งได้ ตนก็ทำได้ เขารู้ว่าที่ฉวนโซ่อี้รังเกียจที่สุดคือการอยู่ใกล้เขา จินมู่หรงจึงตั้งใจจะทำให้นางโกรธจนสติแตก

เขาจ้องไปยังริมฝีปากบางอย่างนึกสนุก คิดว่าถ้ากดจุมพิตลงไป นางคงต้องถีบตนเป็นแน่ ไวเท่าความคิด เขาประกบริมฝีปากลงไปทันที

ไป๋ลู่ชิงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ส่วนมู่หรงนั้น คิดว่าแค่สัมผัสคงยังไม่พอ จึงสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของนาง หญิงสาวที่มิเคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อนอย่างลู่ชิงในหัวเริ่มว่างเปล่า

หวานยิ่งนัก มู่หรงคิด ก่อนจะควานลิ้นไปทั่วโพรงปากหวานฉ่ำอย่างลืมตัว จากคราแรกที่คิดจะเสแสร้งแกล้งทำ กลับกลายเป็นเกิดอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ

ปีนี้ จินมู่หรงอายุยี่สิบสาม เป็นชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในวัยต้องการ เพียงจุมพิตเดียวก็ทำให้ร่างกายบางส่วนตื่นตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย ลมหายใจของเขาเริ่มถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ มือไม้ลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วร่างบอบบาง กระทั่งมาหยุดอยู่บนปทุมถันเต่งตึง

ไป๋ลู่ชิงเองไม่ได้ดีไปกว่าเขานัก นางรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าว

เขารีบผละริมฝีปาก ช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มพาไปที่เตียง ลืมเรื่องแผนการชั่วร้ายของตนไปสิ้น ขณะที่มือกำลังจะเอื้อมไปกระตุกผ้าคาดอกของนางออก เสียงบิดาพลันดังเข้ามาขัดจังหวะ

“อาหรง เจ้าทำอันใดอยู่ เปิดประตูให้หมออู๋เข้าไปดูอาการอาอี้เดี๋ยวนี้”

มู่หรงกับลู่ชิงพากันชะงักงันไป สติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่ พลันกลับมาทันใด

นางยกสองแขนขึ้นมาปิดบังร่างด้วยความอับอาย ดวงตาฉ่ำรื้นไปด้วยน้ำเพราะอารมณ์วาบหวามที่ยังค้างคา สองข้างแก้มขึ้นสีแดงเรื่อ มองดูแล้วน่ารังแกเป็นอย่างยิ่ง

มู่หรงเห็นแล้ว แทบจะตัดใจมิได้ เขารีบเบือนหน้าหนี กัดฟันกดข่มความต้องการของตน เมื่อสงบดีแล้ว ถึงได้เดินไปเปิดประตู

ฮัวกั๋วกงที่กำลังจะเอ่ยปากตำหนิบุตรชาย ชะงักไปทันทีที่เห็นใบหน้าแดงก่ำของเขา

บุรุษสูงวัยทั้งสองลอบมองสบตาอย่างรู้กัน สาวใช้ของฉวนโซ่อี้เดินตามท่านหมอเข้าไปในห้อง มู่หรงเดินตามพวกเขามาเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel