6.สิงห์ร้ายกับนางสมันเนื้อหวาน
***ทักทายคร้า ***
สี่โมงเย็นการสัมมนาก็เสร็จสิ้น พนักงานต่างทยอยออกจากห้อง ดมิสามัวแต่เก็บเอกสารการสอนเข้ากระเป๋า จึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนมาหยุดยืนตรงหน้า ทำให้สิงหนาทมีเวลาพิจารณาหญิงสาวละเอียดขึ้น ผิวแก้มนวลเนียนละเอียดเหมือนแก้มเด็กถูกแต่งแต้มบางๆ น่ามอง ปลายจมูกเล็กน่ารักเชิดขึ้นเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรั้นแค่ไหน ริมฝีปากอวบอิ่มชมพูระเรื่อรับกับปลายคางมน
“เสร็จหรือยังคุณ”
ดมิสาเงยหน้าขึ้นมอง พอรู้ว่าเป็นใครก็ก้มไปเก็บเอกสารต่อจนเสร็จ
“มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะท่านประธาน”
ชายหนุ่มรู้ว่าเธอประชดเขา แต่ก็ยังใจเย็นไม่โต้ตอบอะไร
“คุณตาให้มารับคุณไปกินข้าว”
“ฉันไปเองได้ค่ะ แล้วคุณตาคุณกับนายนลรออยู่ที่ร้านไหนคะ”
“คุณตากับนายนลไม่ว่าง ท่านให้ผมกับคุณไปกินกันสองคน”
มือบางที่กำลังหยิบกระเป๋าชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคมเข้ม
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้วันหลังดีกว่าไหมคะ ฉันไม่อยากฝืนใจใคร”
“วันนี้หรือวันไหนก็ต้องไปเหมือนกัน หรือคุณกลัวที่จะไปกับผมสองต่อสอง”
ดมิสาถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเขาชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาใกล้
“ทำไมฉันต้องกลัว” หล่อนเถียงแต่ในใจหวั่นๆ หวิวๆ ชอบกล
สิงหนาทยิ้ม มองดวงตากลมใสที่มีแววหวาดหวั่นปรากฏอยู่...กลัวแล้วยังทำอวดเก่ง แบบนี้ต้องแกล้งให้เข็ด
“ถ้าไม่กลัวก็ไปเถอะผมหิวแล้ว” ว่าแล้วเขาก็รวบข้อมือบางไว้แล้วจะพาเธอเดินออกจากห้องไปที่ลานจอดรถ แต่ดมิสาขืนตัวไม่ยอมเดินตามเขาไปง่ายๆ
“ปล่อยนะคุณ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวสะบัดแขนเต็มแรงแต่ก็ไม่หลุด พอเธอดิ้นมากเข้า สิงหนาทก็รวบเอวคอดเข้ามาชิดพร้อมกับดันแผ่นหลังบางกับผนังห้องสัมมนา ร่างสองร่างแนบชิดแทบไม่มีช่องว่างเหลือให้อากาศผ่านไปได้
“รู้แล้วว่าเดินเองได้ แต่ให้จับมือหน่อยไม่ได้หรือไง” เขาบอกเสียงนุ่ม ใบหน้าคมโน้มต่ำลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งแตะลงบนแก้มใสแผ่วเบาอย่างไม่ตั้งใจ ดมิสาเงยหน้าขึ้นสบตาคม
เมื่อนัยน์ตาสองคู่ประสานกัน ก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้ทั้งสองโน้มใบหน้าเข้ามาชิด มือบางกำสายสะพายกระเป๋าแน่น ใจดวงน้อยสั่นระรัว ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดแก้มนวล ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงบนพวงแก้มอิ่มจูบไซ้แผ่วเบา แต่ไม่เลยไปยังริมฝีปากอวบอิ่มอย่างที่ใจเขาปรารถนา เพียงเท่านี้ก็สร้างความวาบหวามให้แก่ดมิสายิ่งนัก
“แก้มหอม”
หล่อนถึงกับหน้าร้อนผ่าว จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ สิงหนาทยิ้มใส่ตากลมพลางยกมือไล้แก้มเนียนเบาๆ พอเขาก้มลงมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานก็เบี่ยงหลบดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแกร่ง
“ปล่อยนะคุณ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วยเดี๋ยวนี้” หล่อนบอกเสียงต่ำ ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ
“คิดเหรอว่าจะมีโอกาสร้อง”
“ถ้าไม่มี ฉันหลุดไปได้จะแจ้งความจับคุณข้อหากระทำชำเราบุคคลที่มิใช่ภรรยา” หล่อนขู่ต่อ แต่คนกอดกลับไม่สะทกสะท้านสักนิด
“ไม่เลวนี่ ถ้าเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมก็กระทำชำเราคุณได้สิใช่ไหม” เขาตอบน้ำเสียงยียวน ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธของหญิงสาวพุ่งสูงขึ้นไปอีก
“แต่เราไม่ใช่ กรุณาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” หล่อนสั่งเสียงเขียวพลางดิ้นเต็มแรง แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งกอดรัดแน่น สิงหนาทร้อนไปทั้งตัวเมื่อทรวงอกนุ่มหยุ่นถูไถเสียดสีกับอกกว้าง
“เราช่วยกันทำให้มันใช่ก็จบเรื่อง จริงไหม” เขายิ้มยั่ว ดมิสาตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นแววตาเล้าโลมของอีกฝ่าย
“นี่คุณ! อย่ามาพูดพร่อยๆ นะ ผู้หญิงของคุณมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งนางแบบ ดารา แล้วก็พริตตี้สวยๆ เต็มไปหมด ฉันไม่เข้าไปอยู่ในวงโคจรผู้หญิงของคุณหรอก ปล่อย!”
“ไม่ให้อยู่ในวงโคจร แต่ให้อยู่ที่บ้านเลี้ยงลูก” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะจูบแก้มหอมกรุ่นฟอดใหญ่
“อื้อ อย่านะ” หล่อนเบี่ยงหลบ ยกมือดันอกกว้างเอาไว้
“ถ้าอยากให้ปล่อยก็คิสผมก่อน แล้วก็ไปกินข้าว ห้ามดื้อ”
หล่อนยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เขาก็พูดดักไว้อีกจนเธอต้องยอม
“ถ้าไม่คิสผมก็ยืนกอดอยู่แบบนี้ เอาสิ”
“กะ ก็ได้ ก้มลงมา” หล่อนบอกหน้าตึง ยอมจูบเขาครั้งเดียวดีกว่าปล่อยให้เขากอดอยู่แบบนี้ สิงหนาทยิ้มอย่างพอใจ กอดเอวบางแน่นขึ้น
“คิสตรงนี้นะคุณ” นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากหนาได้รูปของตัวเอง หญิงสาวผงะไปข้างหลังเมื่อใบหน้าเข้มก้มลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นรินรดบนปลายจมูก ดมิสาหลับตาปี๋ หัวใจสะท้านไหวหวั่นเมื่อคิดว่าเขาจะจูบเสียเอง เสียงหัวเราะหึๆ ดังขึ้น ดวงตาคมเข้มมองใบหน้าหวานนานจนเธอลืมตาขึ้น
“หลับตาจะคิสได้ยังไงครับ” เขาบอกเสียงนุ่ม เอียงหน้าไปจูบแก้มอิ่มแล้วซุกไซ้ไปมาราวกับได้ดอมดมกลิ่นหอมของมวลดอกไม้งาม ดวงตากลมสวยคู่งามค่อยๆ ลืมขึ้นสบตาคมเข้มของเขา ประกายตาวับวาวทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นรัว ร่างบอบบางสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“คิสเร็วหน่อยนะครับ เกิดผมหิวมากกว่านี้กินคุณแทนโทษกันไม่ได้นะ” เขาบอกยิ้มๆ อย่างล้อเลียน
ดมิสาจึงตัดสินใจเขย่งปลายเท้าขึ้น แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากอุ่นแล้วถอนออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้ากว่าคนเจ้าเล่ห์มากประสบการณ์รักอย่างสิงหนาท เขาไล่ตามติดบดคลึงริมฝีปากอิ่มอย่างตั้งใจ หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลยในชีวิต ริมฝีปากอิ่มเผยอประท้วง เปิดโอกาสให้ริมฝีปากอุ่นร้อนตักตวงความหวานล้ำจนพอใจ ร่างงามเอนซบกับอกกว้างหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
“อืม” หล่อนครางประท้วงเมื่อต้องการอากาศหายใจ เปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้าไปชิมความหวานล้ำที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในโพรงปากชื้น เขาควานลิ้นกวาดผ่านไปรอบๆ ก่อนจะรัดตรึงเรียวลิ้นเล็กอย่างหยอกเย้า จนเธอเผลอครางออกมาอย่างวาบหวิว
ทั้งสองกำลังเคลิบเคลิ้มกับจุมพิตแสนหวาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูบานใหญ่เปิดออก เร็วเท่าความคิด สิงหนาทกอดร่างดมิสาเบี่ยงตัวหลบเข้าไปหลังฉากกั้น ทำให้คนที่มาใหม่มองไม่เห็น
“บอสไปไหนของเขา เห็นเด็กบอกเข้ามาในนี้ยังไม่ออกไปนี่นา” ฟ้ารุ่งผู้ช่วยเลขาของชายหนุ่มพึมพำเบาๆ แล้วก็เดินออกไป
ส่วนคนที่อยู่ในอารมณ์วาบหวามเมื่อสักครู่ ตอนนี้ตื่นจากภวังค์ผิวแก้มอิ่มแดงระเรื่อ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา คนที่มอบจูบแสนหวานให้ก็ยิ้มบางๆ คลอเคลียไม่ห่างแก้มนวล
“ปล่อย...” หล่อนสั่งเสียงสั่น ทำให้คนตรงหน้าเผลอยิ้ม เขาไม่เคยกอดใครแล้วชุ่มชื่นหัวใจแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ ดอกเตอร์สาวหน้าใสคนนี้รอดพ้นสายตาพวกผู้ชายมาได้ยังไงกัน
“ขอบคุณสำหรับจูบเมื่อสักครู่ หวานตรึงใจมาก” เขาคลายอ้อมแขนออกอย่างเสียดายนิดๆ แต่ก็ต้องปล่อยเมื่อเห็นแววตาเขียวปัดของอีกฝ่าย
“ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับ” หล่อนบอกใบหน้างอง้ำพลางเบี่ยงตัวออกห่าง ชายหนุ่มก็ยอมปล่อยแต่โดยดี หากยังกุมมือบางไว้
“เรามีนัดกินข้าวกันนะอย่าลืม แล้วคุณอยากกินอะไร” เขาเคาะสันจมูกเล็ก นัยน์ตาสีสนิมวับวาวจนเธอก้มหลบ
“ไปกินที่ร้านน้องสาวฉันก็แล้วกัน”
ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม เข้าใจเลือกนะแม่คุณ นี่คงกลัวเขาจะทำเหมือนเมื่อสักครู่อีกล่ะสิ ตามใจหน่อยก็แล้วกัน เอาเปรียบเธอมาเยอะแล้วนี่…ชายหนุ่มคิดอย่างครึ้มใจ มือใหญ่เลื่อนไปช่วยเธอถือกระเป๋า ก่อนจะวางมืออีกข้างบนเอวบางแล้วพาเธอเดินออกไป ดีที่พนักงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเหมือนกัน
***
