5.สิงห์ร้ายกับนางสมันเนื้อหวาน
*** ทักทายคร้า ***
อาคารสูงยี่สิบชั้นของบริษัทเอลตาโน่กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อดังส่งขายในเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัทกำลังถกกันใบหน้าเคร่งเครียด โดยเฉพาะประธานใหญ่ที่กำลังนั่งฟังแนวทางกระตุ้นยอดขายเพื่อแข่งกับคู่แข่ง เมื่อฝ่ายการตลาดรายงานเสร็จ สิงหนาทจึงหันไปขอความคิดเห็นจากน้องชาย
“นายมีความเห็นว่าไงอนล”
“วิธีที่ฝ่ายการตลาดเสนอมาผมว่าก็โอเคนะครับ แต่การจะให้ลูกค้าที่รักความเร็วหันมาใช้สินค้าของเรา เราต้องแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสินค้าทั้งด้านความเร็ว ความปลอดภัย และบริการหลังการขาย” คนทั้งห้องนั่งเงียบฟังกลยุทธ์ของอนลอย่างตั้งใจ อดิเทพขยับตัวมองหลานชายคนเล็กแล้วเอ่ยถามต่อ
“พูดต่อไปสิ”
“เราต้องพัฒนารถแข่งของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเราต้องสร้างสนามแข่งขันที่ทันสมัยภายใต้แบรนด์ของเรา เพื่อรองรับการแข่งขันรายการใหญ่ๆ และเพื่อให้ชื่อของเราติดหูลูกค้าที่รักความเร็วทั้งหลาย” อนลหยุดพูดและมองปฏิกิริยาของทุกคน ก่อนจะหันไปสบตาคมของพี่ชายและผู้เป็นตาที่กำลังมองมาด้วยแววตาเป็นประกาย
“เยี่ยมมาก ฉันเห็นด้วย แล้วคุณตากับทุกคนว่ายังไงครับ”
ทุกคนพยักหน้าและมองชายหนุ่มอย่างชื่นชม
“แต่ถ้าจะให้ครบวงจร ผมขอเสนอต่อว่าเราต้องเปิดสอนหลักสูตรการขับรถแข่งทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น เพื่อผลิตนักแข่งหน้าใหม่และเพื่อพัฒนาทีมนักแข่งของเราเอง”
เมื่อสิงหนาทกล่าวจบ ทุกคนในห้องก็ตบมือชื่นชมสองผู้บริหารของเอลตาโน่ อดิเทพมองหลานชายด้วยแววตาเป็นประกายอย่างเปี่ยมสุข
“เยี่ยมมากทั้งสองคน เดินหน้าเต็มที่เลยนะ”
สองพี่น้องสบตากันแล้วยกกำปั้นชนกันเหมือนสมัยเด็ก จากนั้นการประชุมก็ดำเนินต่อจนกระทั่งเวลาล่วงมาถึงเที่ยงวันจึงจบลง ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้อง คุณอดุลย์ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาใกล้ประสานมือไว้ข้างหน้าอย่างสุภาพ
“ไม่ทราบว่าเที่ยงนี้ท่าน คุณสิงห์ และคุณนล จะไปทานข้าวที่ไหนหรือเปล่าครับ”
อดิเทพมองผู้จัดการฝ่ายแล้วยิ้มให้อย่างเมตตา
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณอดุลย์” สิงหนาทถามพลางส่งเอกสารให้เลขา
“เอ่อ วันนี้ฝ่ายบุคคลจัดอบรมเสริมทักษะให้พนักงานระดับสองน่ะครับ เลยอยากจะเชิญทุกท่านไปรับประทานอาหารร่วมกับพนักงานและวิทยากร ไม่ทราบว่าท่านจะสะดวกไหมครับ” อดุลย์พูดอย่างเกรงใจ สิงหนาทหันไปมองคุณตาเป็นเชิงถาม
“ได้สิคุณอดุลย์ ฉันเองก็ไม่ได้กินข้าวกับทุกคนนานแล้ว” อดิเทพบอกอย่างอารมณ์ดี อดุลย์จึงเดินนำทุกคนไปยังห้องสัมมนาที่อยู่ชั้นถัดไป
บรรยากาศในห้องสัมมนา พนักงานที่เข้าร่วมกำลังทยอยเดินออกไปยังห้องอาหาร พอเห็นนายใหญ่ของบริษัทเดินเข้ามาต่างยิ้มอย่างยินดี ผู้บริหารทั้งสามต่างยิ้มตอบและมองทุกคนอย่างเป็นมิตรและจริงใจ เมื่อพนักงานออกไปยังห้องอาหารจนหมดก็เหลือเพียงผู้ช่วยวิทยากรและวิทยากรที่กำลังนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะด้านหน้า
“ดอกเตอร์ครับ” เสียงเรียกของอดุลย์ ทำให้ร่างโปร่งระหงในสูทสีน้ำตาลลุกขึ้นส่งยิ้มให้อย่างคุ้นเคย มือบางยกขึ้นไหว้ผู้จัดการฝ่ายอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณอดุลย์ สาไม่ทันมองขอโทษจริงๆ ค่ะ”
พอเห็นว่าวิทยากรเป็นคนรู้จัก อนลจึงรีบเดินมาหาอย่างดีใจ
“เจ๊สา”
“นายนล” ดมิสามองร่างสูงเพรียวในสูทสากลสีเข้มที่ส่งให้เจ้าตัวดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าวันที่เจอกันครั้งแรก “มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่านายทำงานที่นี่ด้วย”
อนลได้แต่ยิ้มแล้วหันไปทางอดุลย์
“คุณอนลเป็นรองประธานกรรมการบริหารเอลตาโน่กรุ๊ป ฝ่ายตรวจสอบและส่งเสริมสมรรถนะรถแข่งของเอลตาโน่ครับ”
ดมิสาจับแว่นสายตามองใบหน้าคมสันด้วยแววตานิ่งเฉย
“ผมต้องขอโทษเจ๊จริงๆ ที่ไม่ได้บอกความจริง” อนลบอกอย่างสำนึกผิด ริมฝีปากอิ่มยิ้มน้อยๆ มองผ่านไหล่ของชายหนุ่มไปข้างหลัง
“นายกลัวว่าฉันจะเรียกร้องเงินตอบแทนหรือไง”
สิงหนาทรู้ว่าหญิงสาวต้องการพูดประชดเขาจึงเดินมาหา
“จะเปลี่ยนใจเรียกร้องก็ได้นะคุณ ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครด้วยสิ”
ใบหน้าหวานมองสบตาคมเข้มพราวระยับของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ แต่ก็แสดงออกได้ไม่มากนัก
“คุณอดุลย์แน่ใจนะคะว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นผู้บริหารของเอลตาโน่” คำถามของหญิงสาวทำเอาผู้จัดการฝ่ายวัยกลางคนถึงกับอึ้งไป
“จะมีใครแนะนำวิทยากรให้ตารู้จักบ้าง” เสียงแหบพร่าของอดิเทพดังขึ้น ดมิสาหันไปมองชายชราที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง อดุลย์จึงแนะนำให้เธอได้รู้จัก
“ดอกเตอร์ครับ คุณอดิเทพ เดโชชัย ประธานบริหารกลุ่มเอลตาโน่ครับ”
หญิงสาวเดินอ้อมโต๊ะบรรยายมาหยุดตรงหน้าชายชรา ก่อนจะพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
“สวัสดีค่ะ”
“นี่ดอกเตอร์ดมิสา ดารากาล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์ ที่มีชื่อติดหนึ่งในห้าของเมืองไทยครับท่าน” อดุลย์แนะนำต่อ นามสกุลต่อท้ายถึงกับทำให้อดิเทพมองหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นดอกเตอร์ตั้งแต่อายุยังน้อยนะ ไม่ต้องแนะนำต่อแล้ว เขาเป็นลูกสาวเพื่อนรักฉันเอง” อดิเทพบอกอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณค่ะ หลานชายท่านไม่ค่อยเชื่อดิฉันเท่าไร” หล่อนบอกยิ้มๆ ชำเลืองตามองไปยังร่างสูงสง่าของสิงหนาท อดิเทพหัวเราะเบาๆ รู้สึกถูกชะตากับดอกเตอร์สาวขึ้นมาทันที
“คงเป็นดอกเตอร์ใช่ไหมที่ช่วยเจ้านลเอาไว้ ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่รังเกียจเย็นนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะท่าน สาช่วยเพราะต้องการช่วย” หล่อนกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ
“เอาน่าเจ๊ ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ คุณตาอุตส่าห์ชวน” อนลบอกพลางเดินมาหยุดข้างผู้เป็นตา
หญิงสาวจึงจำต้องพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นทุกคนก็พากันไปรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับพนักงานที่เข้าสัมมนา
***
