2.เพื่อนต่างวัยหัวใจพองฟู
*** ทักทายคร้า ***
คฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่กว่าห้าสิบไร่ รอบๆ บริเวณยังคงเปิดไฟสว่างตามจุดต่างๆ ร่างสูงสง่าของสิงหนาท เอลตาโน่ ยืนมองรถสปอร์ตคันหรูของน้องชายเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน พีระศักดิ์เลขาและบอดี้การ์ดของเขาก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเจ้านายหนุ่ม
“เจอตัวนายนลไหม” เสียงทรงอำนาจของผู้บริหารสูงสุดแห่งบริษัทนำเข้ารถยนต์ยักษ์ใหญ่ดังขึ้นอย่างเยือกเย็น แต่ในใจร้อนรนด้วยความเป็นห่วงน้องชาย
“ไม่เจอครับบอส เจอแต่รถจอดอยู่ข้างทาง คนของเราสอบถามชาวบ้านในละแวกนั้นก็ไม่มีใครเห็นเลยครับ” พีระศักดิ์ตอบเสียงเรียบ พร้อมกับส่งกุญแจให้บอสใหญ่
“ไปไหนของเขานะ” สิงหนาทพึมพำเบาๆ ยกมือเท้าสะเอว ใบหน้าคมเข้มขึ้น อนลน้องชายเขาบอกแค่ว่าจะเอารถแข่งที่นำเข้ามาใหม่ไปลองวิ่งเท่านั้น แล้วทำไมหายเงียบไป นี่ก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว
“ผมให้สายของเราออกหาข่าวแล้วครับบอส พรุ่งนี้คงได้ข่าวคุณอนลแน่นอน”
“ตามโรงพยาบาลก็ไม่มีใช่ไหม”
“ครับบอส” พีระศักดิ์ตอบ ก่อนจะโค้งคำนับชายชราประมุขของคฤหาสน์เอลตาโน่ที่เดินเข้ามาในห้องโถง
“เจ้านลมันโตแล้วนะเจ้าสิงห์ อย่าห่วงเหมือนมันเป็นเด็กนักเลย”
สิงหนาทหันไปมองต้นเสียง พอเห็นคนเป็นตาเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปประคองพาเดินไปนั่ง
“คุณตายังไม่นอนเหรอครับ”
“หลับไปแล้ว แต่พญาราชสีห์คำรามดังจนต้องตื่นขึ้นมาดู” อดิเทพ เดโชชัย นักแข่งรถอาชีพชื่อดังในอดีตเอ่ยเสียงสั่น แม้อายุหกสิบกว่าแล้วแต่ชายชรายังคงแข็งแรงและดูสมาร์ตน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น และเป็นขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ไม่ต่างจากหลานชายทั้งสอง
“แต่นายนลไม่เคยไปนอนที่ไหนนะครับคุณตา”
“มันก็คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศมั่งสิ มันเพิ่งกลับมาไม่กี่เดือนก็โดนแกบังคับทำงาน จนไม่มีเวลาไปไหนมาไหนไม่ใช่เหรอ” นายอดิเทพเอ่ยน้ำเสียงประชดประชันอยู่ในทีแต่น้ำเสียงไม่จริงจังนัก สิงหนาทนิ่งคิด พีระศักดิ์เบือนหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
“นายนลต้องเรียนรู้งานทุกอย่างให้เร็วที่สุดนะครับคุณตา” สิงหนาทพูดเสียงอ่อนหลบตาผู้เป็นตา
อดิเทพยิ้มยกมือวางบนไหล่หนาแล้วบีบแรงๆ อย่างเตือนสติ
“เจ้านลมีนิสัยยังไงแกน่าจะรู้ จะให้เจ้านั่นนั่งบริหารอยู่บนเก้าอี้คงไม่ได้ บางครั้งการปล่อยให้เจ้านลทำในสิ่งที่มันชอบ งานอาจจะออกมาดีกว่าที่เราคิดกันก็ได้นะสิงห์”
“ผมจะลองคิดดูครับคุณตา แต่ตอนนี้เราต้องรู้ก่อนว่านายนลอยู่ที่ไหน”
สิงหนาทพูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของพีระศักดิ์ก็ดังขึ้น ไม่นานเลขาคนสนิทของสิงหนาทก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ได้เรื่องแล้วครับ”
“เจอนายนลแล้วเหรอ”
ร่างสูงลุกขึ้นถามอย่างกระตือรือร้น ดวงตาคมเข้มเปล่งประกายอย่างมีความหวัง
“ยังครับ แต่คนของเราบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งพาคุณนลขึ้นรถไป”
พอพีระศักดิ์รายงานเสร็จ ใบหน้าคมเข้มเคร่งขรึมลงไปอีก ดวงตาคมสบตายับย่นของคุณตาอย่างกังวล นายอดิเทพเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูกดหาเพื่อนที่เป็นตำรวจเพื่อให้ช่วยติดตามหลานชายอีกแรง
ร่างสูงเพรียวที่นอนหลับอยู่บนโซฟารับแขกดิ้นไปมาอย่างรำคาญ เมื่อมีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเข้ามารบกวนการพักผ่อน มือใหญ่หยิบหมอนขึ้นมาแนบหูอย่างหงุดหงิด
“โว้ย! อะไรกันนักหนาวะไอ้ยอด คนจะหลับจะนอน” อนลตะโกนชื่อคนรับใช้ที่บ้านออกมาดังๆ แต่เสียงเร่งเครื่องยนต์ยังคงดังไม่หยุด เปลือกตาที่ปิดสนิทมาจนถึงเช้าเริ่มกะพริบและลืมตาขึ้นในที่สุด ร่างสูงขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องสูดปากเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว
“อูย”
“ว้าย! คุณระวังเดี๋ยวก็ล้มหรอก” ร่างบอบบางของสมิตาถลาเข้าไปประคองชายหนุ่มให้นั่งลงบนโซฟาตัวเดิม
อนลถึงกับนิ่งงันไปชั่วครู่ ตาคมมองใบหน้าเนียนใสไร้สิวฝ้าเหมือนผิวเด็กที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ มือใหญ่โอบเอวคอดของเธอเพื่อประคองตัว ทำให้อนลรับรู้ถึงความนุ่มละมุนของร่างเล็กในอ้อมกอด ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟาแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวคอด ทำให้หญิงสาวเสียหลักล้มลงบนตักของชายหนุ่ม แก้มเนียนใสชนกับปลายจมูกโด่งอย่างจัง อนลเลยถือโอกาสสูดความหอมเข้าไปจนเต็มปอด โดยที่เจ้าของแก้มหอมไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ห่วงว่าเขาจะเจ็บ
“คุณ...เจ็บหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงเบาหวิว ตายังจับจ้องใบหน้าหวานใส พอเห็นเขาเงียบ สมิตาจึงได้สติดันตัวออกแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ผิวพวงแก้มแดงระเรื่อเมื่อเห็นแววตาบางอย่างในดวงตาคม
“ไม่เป็นไรก็ปล่อยสิคะ”
อนลจึงคลายอ้อมกอดออกอย่างเสียดาย จับจ้องมองร่างบอบบางตาไม่กะพริบจนคนถูกมองเกิดอาการประหม่าอย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ ขอโทษครับ” เขาเอ่ยขอโทษอย่างสุภาพ สมิตาขยับตัวออกห่างไปนั่งชิดขอบโซฟาอีกฝั่ง
“คุณเป็นยังไงบ้าง” หล่อนถามพลางมองรอยช้ำตามใบหน้าและลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อเชิ้ตออกมา อนลพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างเสียมารยาท คิ้วหนายกขึ้นสูงอย่างแปลกใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ผมจำได้ว่าผู้หญิงที่ช่วยผมไม่ใช่คุณ”
“ค่ะ พี่สาเป็นคนพาคุณมาที่นี่เพราะไม่รู้ว่าจะไปส่งคุณที่ไหน”
“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหนครับ ผมอยากขอบคุณเธอ”
เขาถามแววตาจริงใจ ทำให้สมิตายิ้มให้ อนลตาพร่าลายไปชั่วครู่ เมื่อรอยยิ้มหวานสดใสแถมบาดใจเขากับดวงตาสุกสกาวราวดวงดาวบนท้องฟ้าส่งผ่านมาให้
“พี่สาอยู่ที่อู่ค่ะ เดี๋ยวฉันให้เด็กไปตามให้นะคะ” ร่างบอบบางลุกขึ้น อนลลุกพรวดตามมาทันที ทำให้สมิตาตกใจรีบถอยไปหลบหลังโซฟา ร่างสูงเพรียวจึงหยุดชะงักเมื่อเห็นท่าทางหวั่นๆ ของอีกฝ่าย
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอกนะครับ”
“ก็ลองมาทำสิ ฉันปาหัวคุณด้วยไอ้นี่แน่นอน” มือบางคว้าแจกันอันใหญ่ที่วางอยู่ข้างบันได ด้วยแรงที่มีเท่ามดทำให้เธอยกไม่ขึ้นแม้จะพยายามเท่าไรก็ตาม ทำให้อนลยืนยิ้มอย่างเอ็นดู
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
“นี่อย่าเข้ามานะ พี่สาวฉันช่วยคนร้ายหรือเปล่าเนี่ย” หล่อนร้องเสียงหลง ถอยวนไปที่ประตูห้องนั่งเล่นเมื่อเขาขยับเข้ามาหา
“ผมไม่...” เขาพยายามอธิบาย แต่ร่างบอบบางวิ่งพ้นประตูไปพร้อมกับเรียกชื่อใครบางคน
“ป๋อง ป๋อง”
อนลมองตามแผ่นหลังบางแล้วถอนหายใจแรงๆ อย่างอ่อนใจ
***
