2. แม่ค้าออนไลน์
จิรายุประหลาดใจที่เห็นน้องสาวแสดงความชื่นชมขนาดนี้ ทว่าเสียงพูดของเธอกลับทำให้เขารู้สึกง่วงนอนขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ เขาอ้าปากหาวอย่างไม่รู้ตัว ไออุ่นได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เธอจึงผละความสนใจจากพี่ชาย หญิงสาวงลุกขึ้นเดินไปรอรับพ่อกับแม่ที่กลับมาจากข้างนอกและรายงานให้ทั้งสองทราบว่าลูกชายคนโตกลับมาเยี่ยมบ้าน
“บ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรนัก ทำไมมันกลับบ้านยากจริง” คนเป็นพ่อบ่นแล้วเดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
“ลูกกลับบ้านก็ดีแล้ว จะบ่นทำไมละคุณ” แม่ส่ายหน้าไปมา
“ใช่ค่ะแม่ พี่พายุทำงานหนักอยู่คนเดียว เราต้องดูแลดีๆหน่อย ดูท่าทางโรคนอนไม่หลับเล่นงานอีกแล้วค่ะ”
“อ้าว! พูดแบบนี้ พ่อผิดสินะ”
“พ่อนี่ก็...”
แม่ส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปหาลูกชายที่ไม่ค่อยกลับบ้านนัก เดือนสองเดือนจะแวะมาบ้านสักหน แม้ว่าปกติจะคุยโทรศัพท์กันบ่อย แต่ก็ไม่เหมือนกับได้เจอกันจริงๆ ทว่าทั้งสามก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ คนที่บ่นนอนไม่หลับเวลานนี้หลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาวใหญ่ โดยมีโทรศัพท์มือถือที่ยังเปิดเสียงไลฟ์สดของแม่ค้าอยู่
“ไหนบอกว่านอนไม่หลับ นั้นเสียงกรนไม่ใช่เรอะ”
“ลูกคงเหนื่อยนะพ่อ ให้ลูกนอนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตื่นแล้วก็ขึ้นไปนอนที่ห้องเองนั้นแหละ” แม่พูดแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ยัยอุ่นบอกแม่บ้านเอาผ้าห่มแพรมาให้ทีสิ หลับแบบนี้ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เอาผ้าห่มให้พี่เราหน่อย”
“ค่ะแม่” ไออุ่นรับคำสั่งจากแม่ พ่อที่ดูปากร้ายแต่ก็เป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อยจึงไม่คิดปลุกลูกชายให้มาคุยกัน พ่อกับแม่เดินกลับไปพักที่ห้องของตนเอง
ไออุ่นมองดูพี่ชายที่หลับสบายจนไม่อยากปลุก เธอเรียกแม่บ้านให้ไปเอาผ้าห่มแพรมาให้พี่ชายที่ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เมื่อได้ของที่สั่งแล้วเธอก็ค่อยๆ ห่มผ้าให้พี่ชาย มือเรียวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เสียงไลฟ์สดขายสินค้ายังดังอยู่ เสียงหวานใสส่งเสียงด้วยประโยคที่คุ้นเคย
‘สนใจรับทักได้ค่ะ’
คนเป็นน้องเหลือบตามองพี่ชายที่หลับสนิทแล้วโคลงศีรษะไปมา
“นี่หลับเพราะเพลีย หรือหลับเพราะได้ยินเสียงคุณนานาขายของล่ะเนี้ย”
‘สนใจรับทักได้ค่ะ’
นิรณา-นานา แม่ค้าออนไลน์สาววัยยี่สิบสอง เธอเพิ่งเรียนจบและสมัครทำงานหลายแห่งแต่ยังไม่มีบริษัทไหนเรียกตัวไปสักที แต่ครั้งจะให้อยู่เฉยๆ รอได้งานประจำนั้น เธอทำแบบนั้นไม่ได้ ความจนบีบบังคับให้เรียนรู้วิธีหาเงินตั้งแต่เด็ก ซ้ำร้ายพ่อแม่ตายจากด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธออยู่ในความดูแลของป้าที่ไม่ค่อยเห็นเธอเป็นหลานนัก แต่เพราะยังเด็กและไม่มีที่ไป เธอจึงได้แต่จำใจอยู่กับป้า กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย เธออ้างว่าเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับมหาวิทยาลัยไม่สะดวก จึงขอไปเช่าห้องอยู่ และส่งทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี
นิรณาหาเงินใช้เองมาหลายปี เคยขายของตามตลาดนัด ทำงานพิเศษรายชั่วโมง แจกสินค้าตัวอย่าง ทุกช่องทางทำหาเงินที่สุจริต เธอทำแทบทุกงานเพื่อส่งตัวเองเรียนและมีเงินใช้จ่าย
หญิงสาวนั่งดูยอดเงินในบัญชี ซื้อของมาขาย ลงทุนหมุนเวียนไป เงินเก็บแทบไม่มี แค่มีชีวิตรอดไปวันๆ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นชีวิตแบบนี้เสียทีนะ นิรณาบ่นกับตัวเองแล้วทิ้งตัวนอนแผ่หราบนเตียงนอนขนาดเล็ก ด้านหนึ่งเป็นกล่องกระดาษขนาดต่างๆ สำหรับใส่พัสดุส่งสินค้า อีกด้านเป็นโต๊ะขนาดเล็กสำหรับทำอาหาร นอกจากไลฟ์สดขายสินค้าต่างๆ ที่เธอเป็นตัวแทนรับมาจำหน่ายแล้ว เธอยังรับทำแซนด์วิชไส้ต่างๆ ขายอีกด้วย ห้องที่เธอเช่าอยู่ก็เล็กนิดเดียว จะทำอาหารแต่ละทีก็เกรงใจคนข้างห้อง อยากย้ายไปอยู่ที่ใหม่ก็ยังติดขัดเรื่องเงิน
ที่สำคัญ ต้องหาที่อยู่ที่สามารถเลี้ยงแมวได้ด้วย
“กะทิ”
แมวตัวอวบสีครีมเดินมาคลอเคลีย กะทิคือชื่อของแมวที่เธอเก็บมาเลี้ยงได้สองปีแล้ว ความจริงเธอก็ไม่ได้คิดจะเลี้ยงแมว แค่เอาชีวิตตัวเองแทบไม่รอด แต่เพราะเย็นวันนั้น เธอเจอแมวน้อยอยู่ใกล้ถังขยะ ระหว่างทางที่จะกลับบ้าน แรกทีเดียวคิดว่าลูกแมวผลัดหลงกับแม่แมว เธอลองเดินดูบริเวณนั้นแต่ก็ไม่เจอแม่แมว พอเธอหันหลังให้ลูกแมวตัวนั้น มันก็เดินตามเธอมา ทำให้รู้ว่าท่าทางเดินของมันดูแปลกๆ พิกล สุดท้ายเธอทำใจทิ้งแมวน้อยไว้ตรงนั้นไม่ได้ หลังจากเช็ดเนื้อตัวและป้อนอาหารให้ เจียดเงินพาแมวน้อยไปหาหมอและพบว่าขาหน้าผิดปกติ กระดูกผิดรูป อาจเพราะแบบนี้เลยถูกทิ้ง ยิ่งคิดแบบนั้นนิรณาไม่อาจทอดทิ้งแมวน้อยได้ ดูไปดูมาก็ชะตากรรมเดียวกันจึงรับเลี้ยงไว้ ยังดีที่อพาร์เม้นต์ของเธอให้เลี้ยงแมวได้ แต่ต้องดูแลอย่าให้เดือดร้อนคนเช่าห้องคนอื่น
สองปีที่ผ่านมา กะทิไม่ใช้ภาระ แต่เป็นกำลังใจสำคัญและเป็นผู้ช่วยการขายของเธอ แรกๆ ที่เธอไลฟ์สดขายสินค้า เธอประหม่าและยอดคนดูไม่ถึงสิบคน แต่หลังจากมีแมวอ้วนกระโดดเข้ามาร่วมด้วย ท่าทางอยากรู้อยากเห็นว่าเธอทำอะไร ทำให้มีคนคลิกเข้ามาดูเธอไลฟ์สดและเจ้าแมวอ้วนมากขึ้น จากหลักสิบเป็นร้อยเป็นพัน
