บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 รักษาขาให้บิดาและพูดคุยกับครอบครัว 1/2

แค่อวิ๋นซีพูดจบทั้งสองคนก็เข้ามาอยู่ในมิติอันกว้างใหญ่แล้ว หลิ่งเฟิงหยางยังคงนั่งอยู่กับพื้นเช่นเดียวกับก่อนจะเข้ามา แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้เข้าต้องเชื่อแล้วว่าที่บุตรสาวเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริง

ส่วนอวิ๋นซีไม่มองท่าทีตกตะลึงของบิดา นางส่งเสียงเรียกหมอจนดังลั่นไปทั่วมิติ “คุณหมออออ!!! มีคนบาดเจ็บรีบมารับตัวเป็นการด่วนนน!!!”

จากนั้นไม่ถึงหนึ่งจิบชาก็มีทั้งหมอและพยาบาล วิ่งมาพร้อมกับรถเข็นและถามเจ้าของมิติว่าต้องการให้ตนทำสิ่งใด “คุณหนูมีใครได้รับบาดเจ็บหรือ แล้วบาดเจ็บที่ใด อาการหนักหรือไม่”

“อือ คุณหมอชายคนนี้คือพ่อของฉันเอง เขาบาดเจ็บเพราะตกเขาจนขาหักและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ตอนนี้ขาเริ่มบวมคาดว่าน่าจะเกิดการอักเสบ รบกวนคุณหมอช่วยรักษาอาการเบื้องต้นให้ก่อน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดไว้วันหลังจะพาเข้ามารักษาในระยะยาวอีกครั้ง”

“ได้เลยครับคุณหนู ทุกคนพาคุณผู้ชายเข้าไปในห้องตรวจเร็วเข้า พวกเราต้องทำเวลาในการรักษาโดยเร็ว”

“ครับคุณหมอ”

หลิ่งเฟิงหยางนั่งนิ่งเขาฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จนถูกพาตัวเข้ามาในโรงพยาบาลที่สะอาดสะอ้าน เขาไม่รู้ว่าการรักษาที่บุตรสาวพูดถึงนั้นต้องใช้เครื่องมือหน้าตาแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งมันแตกต่างกับท่านหมอที่ตนเคยได้รับการรักษาอย่างมาก

เนื่องจากกระดูกขาของหลิ่งเฟิงหยางผิดรูปไปเล็กน้อย จึงถูกหมอจัดกระดูกให้เข้าที่และทำการดามขาด้วยวัสดุอย่างดี พร้อมกับฉีดยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบอย่างละหนึ่งเข็ม

“ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“พ่อรู้สึกว่าไม่ปวดมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้วล่ะซีซีไม่ต้องห่วงนะ”

“อีกประเดี๋ยวหากยาออกฤทธิ์ท่านพ่อจะรู้สึกดีมากขึ้นอีกเจ้าค่ะ พวกเราหายเข้ามานานพอสมควรคงต้องกลับออกไปแล้ว หากท่านแม่กับพี่ใหญ่กลับมาพบว่าไม่มีใครอยู่จะทำให้ตกใจเอาได้เจ้าค่ะ”

“คุณหนูนี่เป็นยาที่คุณผู้ชายต้องกินนะครับ สัดส่วนและเวลาที่ต้องกินมีเขียนบอกไว้เรียบร้อยครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ ไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ”

“ยินดีที่ได้ช่วยเหลือครับคุณหนู”

เมื่อจัดการเรื่องขาที่บาดเจ็บของบิดาเสร็จ อวิ๋นซีก็จับมือหนาและนึกถึงห้องที่เพิ่งจากมาทันที ซึ่งเป็นความโชคดีที่นางกับบิดาออกจากมิติ ก่อนที่มารดากับพี่ชายจะกลับมามือเปล่า นั่นก็หมายความว่าเย็นวันนี้ครอบครัวของนางถูกงดอาหารมื้อเย็น

หลิ่งเฟิงหยางที่เห็นสีหน้าอันเศร้าสร้อยของภรรยากับบุตรชาย เขาย่อมเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว “หึ ท่านแม่สั่งลงโทษไม่ให้พวกเรากินข้าวอีกแล้วใช่ไหมอาเหยา”

“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ ทั้งที่เนื้อสัตว์มากมายนั่นเป็นท่านที่หามาได้จนบาดเจ็บ ท่านพ่อท่านแม่ยังไม่คิดเห็นใจแบ่งให้ท่านสักนิด” จางซูเหยาตอบสามีด้วยดวงตาแดงก่ำเพราะพยายามไม่ร้องไห้นั่นเอง

หลิ่งจื่อหานรู้สึกโกรธจนทนไม่ไหวต้องระบายออกมา “ท่านย่ายังพูดเหมือนกับว่าพวกเราเป็นขอทาน ที่คิดจะแย่งอาหารมากินด้วยขอรับท่านพ่อ ข้าเกลียด ๆ ทุกคนในเรือนนั่น!”

“เหอะ พวกคนใจดำไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พวกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารอีกแล้วนะเจ้าคะ ครอบครัวของเราจะกินอาหารที่อร่อยและอิ่มท้องทุกมื้อ ไม่ใช่น้ำต้มข้าวใส ๆ กับเศษผักที่เหมือนอาหารหมูอีกแล้วเจ้าค่ะ”

หลิ่งจื่อหานคิดว่าน้องสาวคงหิวจนพูดเพ้อเจ้อ เขาจึงลดเสียงกลับมาพูดเช่นปกติกับน้องสาว “ซีซีน้องพี่พวกเราจะไปหาอาหารอย่างที่เจ้าว่ามาจากที่ใด เงินสักอีแปะก็ไม่มีติดตัวสัตว์ที่ท่านพ่อล่ามาได้ยังกลายเป็นของคนอื่นอีก อาหารอร่อย ๆ พวกเราไม่มีปัญญาหามากินได้หรอกนะ”

อวิ๋นซีหันไปทางบิดาผู้ที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมิติของนางแล้ว คล้ายกับต้องการถามว่าควรบอกมารดากับพี่ชายได้หรือไม่ พอบิดาพยักหน้าให้อวิ๋นซีจึงจับจูงมือมารดากับพี่ชายมานั่งข้าง ๆ บิดา เพื่อบอกเล่าเรื่องที่นางเพิ่งพาบิดาไปพบเจอมาก่อนหน้าไม่นาน

“ท่านแม่ พี่ใหญ่ ซีซีจะบอกเรื่องสำคัญมาก ๆ ให้พวกท่านฟัง เมื่อฟังแล้วจะพาไปดูของจริงเพียงแต่ว่าพวกท่านต้องเก็บเป็นความลับ อย่าได้แพร่งพรายหลุดปากบอกใครหน้าไหนเด็ดขาดนะเจ้าคะ”

“หือ ซีซีอยากเล่าเรื่องอันใดงั้นหรือ ถึงกับต้องเก็บเป็นความลับเช่นนี้”

“หากท่านแม่ฟังที่ซีซีเล่าจนจบก็จะเข้าใจเองเจ้าค่ะ ว่าเหตุใดถึงต้องเก็บมันเป็นความลับ”

“ได้ ๆ ๆ เล่ามาเถิดแม่กับพี่ใหญ่ของเจ้ารอฟังอยู่นะ”

“พวกท่านตั้งใจฟังให้ดีนะเจ้าค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า...ฯลฯ...สิ่งที่ซีซีเล่าให้ฟังก็เป็นเช่นนี้ถ้าท่านแม่กับพี่ใหญ่ไม่เชื่อ ลองถามท่านพ่อดูสิเจ้าคะว่าซีซีโกหกหรือไม่”

ซูเหยากับบุตรชายหันไปทางหลิ่งเฟิงหยางพร้อมกัน เพื่อขอคำยืนยันว่าสิ่งที่บุตรสาวพูดมานั้นคือเรื่องจริง “ท่านพี่นี่มัน...”

“อาเหยาที่ซีซีพูดมาล้วนเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้อาการบาดเจ็บของพี่ลูกของเราเพิ่งพาเข้าไปรักษา เพราะอาการปวดจากบาดแผลลดลงไปมาก คืนนี้คงนอนหลับได้สนิทกว่าคืนที่ผ่านมาแล้วล่ะ เจ้าดูสิฝีมือการรักษาของท่านหมอดีกว่าหมอในตำบลอีกนะ”

“ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาเห็นใจครอบครัวของพวกเราเจ้าค่ะ หากวันหน้าพวกข้ามีฐานะที่ดีขึ้นจะแบ่งปันให้คนที่ลำบาก เพื่อทำความดีเป็นการตอบแทนท่านนะเจ้าค่ะ” จางซูเหยาคุกเข่าโขกศีรษะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

อวิ๋นซีเห็นว่านี่เป็นเวลาอาหารมื้อเย็น ซึ่งทุกคนรวมถึงตนย่อมหิวข้าวเป็นแน่ จึงได้เอ่ยชวนพี่ชายเข้าไปเลือกอาหารในมิติมาให้บิดากับมารดา

“ท่านแม่ท่านอยู่ดูแลท่านพ่อสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ซีซีกับพี่ใหญ่จะไปเอาอาหารออกมาเองเจ้าค่ะ”

“ได้จ้ะ”

“พี่ใหญ่เราไปเลือกของอร่อยมากินกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านอยากกินสิ่งใดก็หยิบออกมาได้เลยนะ”

“อื้อ ขอบใจซีซีมากนะ”

สองสามีภรรยามองดูบุตรของตนหายไปกลางอากาศ หลิ่งเฟิงหยางอาจไม่ตกแต่กับจางซูเหยานั้นไม่ใช่ นางเกือบยกมือปิดปากตนเองไม่ทัน จนผู้เป็นสามีต้องจับมือและปลอบนางให้หายตกใจ

ทางด้านสองพี่น้องที่เข้ามาในมิติก็ตรงไปยังร้านอาหาร ที่ยามนี้ในตู้กระจกมีอาหารหลากหลายรายการวางเรียงรายให้เลือก และที่สำคัญมันยังอุ่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อวิ๋นซีหยิบถาดมาวางจานอาหารที่พี่ชายเลือก

เมื่อได้อาหารสามสี่อย่างพร้อมข้าวสวยหอม ๆ ก็นำออกไปนั่งกินกับบิดามารดาอย่างเอร็ดอร่อย และนี่เป็นครั้งแรกที่สี่คนพ่อแม่ลูกได้กินอิ่มท้อง นอนหลับได้สนิทไม่ต้องนอนพลิกไปพลิกมาเพราะความหิวอีก
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel