บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 แผนการแยกบ้านได้เริ่มขึ้นแล้ว 1/1

ยามเช้าของวันใหม่ที่อวิ๋นซีได้มาเกิดในโลกโบราณแห่งนี้ ร่างกายเล็ก ๆ ที่ได้นอนพักอย่างเต็มที่ภายหลังฟื้นจากอาการเจ็บป่วย ก็มีแรงมากขึ้นเกือบถึงขั้นของเด็กทั่วไปแล้ว ส่วนมารดาของนางตื่นตั้งแต่ต้นยามเหม่า ไปก่อไฟเตรียมหุงหาอาหารให้ท่านปู่ท่านย่าเช่นกัน

ยามที่มารดากลับมาในห้องขนาดเล็กอีกครั้ง ก็มีเพียงถาดไม้ที่วางถ้วยน้ำต้มเศษข้าวไม่กี่เม็ด นี่ทำให้อวิ๋นซีรู้สึกเวทนาตนเองกับครอบครัวไม่ได้ และแน่นอนว่าเรื่องที่ต้องการไปจากตระกูลลำเอียงนี้ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

อวิ๋นซีหายเข้าไปในมิตินำอาหารที่มีทั้งผักและเนื้อ รวมถึงข้าวสวยเต็มถ้วยออกมาให้ครอบครัวได้กิน และไม่ลืมพูดคุยเรื่องแผนการที่ตนได้คิดเอาไว้ เพราะนางต้องการไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

“ท่านพี่กินให้มากหน่อยนะจะได้แข็งแรงและหายไว ๆ พวกลูกสองคนก็กินเยอะ ๆ เช่นกันนะ”

“อาเหยาเจ้าเองก็ต้องกินให้มากจะได้มีแรงดูแลลูก ๆ ของเรานะ”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราทุกคนต้องกินให้อิ่มเข้าไว้ เพราะวันนี้เราจะต่อต้านท่านปู่ท่านย่าโดยการไม่ไปทำงานเจ้าค่ะ หากมีการลงไม้ลงมือรุนแรงนั่นถึงจะเป็นข้ออ้างที่เราต้องใช้ เพื่อจะได้ตัดขาดและออกไปจากที่นี่อย่างไรล่ะเจ้าคะ” อวิ๋นซีบอกถึงสิ่งที่นางคิดเอาไว้ให้กับครอบครัวได้ฟัง

หลิ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของน้องสาว เนื่องจากเขาอยากทำอย่างที่อวิ๋นซีพูดมาตั้งนานแล้ว

“ใช่แล้วท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าท่านปู่กับท่านย่าเห็นว่าเราไม่ยอมไปช่วยทำงาน ย่อมโมโหและมาตามถึงห้องแห่งนี้ ยิ่งเห็นว่าเราต่อต้านกลับไปคนใจร้อนเช่นนั้นจะไม่ลงมือทุบตีได้อย่างไรขอรับ”

“ในเมื่อพวกเจ้าสองพี่น้องคิดว่านี่เป็นแผนการที่ดี พ่อกับแม่ย่อมไม่ขัดขวางหากมันทำให้เราหลุดพ้นไปจากตระกูลนี้ได้” หลิ่งเฟิงหยางเห็นถึงความมุ่งมั่นในสายตาของบุตรทั้งสอง จึงไม่คิดค้านที่จะทำตามแผนที่ทั้งสองคิดขึ้น

“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวให้เสร็จเสียก่อนเถิด ถ้าท่านย่าของพวกเจ้ามาเห็นอาหารดี ๆ ที่เรากิน นางคงแย่งเอาไปให้คนอื่น ๆ หมดแน่”

“ขอรับท่านแม่ /เจ้าค่ะท่านแม่”

ครอบครัวเล็ก ๆ นั่งกินข้าวอย่างมีความสุขในรอบหลายปี แต่ในเรือนของหลิ่งฉางนางหลิวผู้เป็นภรรยากำลังเริ่มโมโห เมื่อรออยู่นานลูกสะใภ้คนรองยังไม่ยอมมาเก็บถ้วยชามไปล้าง

“นี่มันยามใดกันแล้วเหตุใดสะใภ้รองยังไม่ยอมมาเก็บจานชามอีก ประเดี๋ยวก็ไปทำงานที่ทุ่งนาสายกันพอดี”

สะใภ้ใหญ่อย่างจูอีม่านก็เอ่ยสนับสนุนความสงสัยของแม่สามีออีกคน “น้องสะใภ้คงเห็นสามีกับลูกที่ป่วยสำคัญกว่าแน่ ๆ เจ้าค่ะท่านแม่”

“ก็แค่คนพิการไร้ประโยชน์กับเด็กใบ้นั่นล้มป่วย จะมีความสำคัญมากกว่าการทำงานในเรือนกับที่นาได้อย่างไร คิดจะแข็งข้อไม่ยอมทำงานตามที่ข้าสั่งงั้นรึ ได้ ๆ ๆ หากไม่สั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้างประเดี๋ยวพวกมันจะยิ่งได้ใจไปกันใหญ่ สะใภ้ใหญ่เจ้าไปกับข้าวันนี้ต้องมีคนเจ็บตัวหน่อยแล้ว”

“เจ้าค่ะท่านแม่”

‘นางซูเหยาวันนี้พวกแกจะเป็นที่รองรับอารมณ์ของนางแก่นี่ก็แทนข้า’

หลิ่งฉางที่อยากรู้ว่าเหตุใดลูกสะใภ้คนรองถึงไม่ยอมมาทำงาน จึงคิดจะไปดูด้วยตาตนเองพร้อมภรรยา “เดี๋ยวข้าจะไปกับเจ้าก็แล้วกันยายเฒ่า สะใภ้ใหญ่เจ้าอยู่ที่นี่เก็บจานชามไปล้างให้เรียบร้อยล่ะ”

จูอีม่านกำลังจะอ้าปากเอ่ยค้านแต่ก็รีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เพราะนางไม่อยากรับความโกรธของพ่อแม่สามีของตน “ข้า...ได้เจ้าค่ะท่านพ่อข้าจะจัดการเรื่องนี้เองเจ้าค่ะ”

ลับร่างสองสามีภรรยาที่มีอายุมาก สามีของจูอีม่านอย่างหลิ่งฉวนก็วางตะเกียบ เพราะเขาต้องไปทำงานที่เหลาอาหารขึ้นชื่อของตำบล โดยต้องพาบุตรชายคนโตไปส่งที่สำนักศึกษาด้วย

ส่วนเรื่องที่บิดามารดาจะทำนั้นหลิ่งฉวนไม่เคยใส่ใจ เพราะไม่ว่าเขาจะทำงานได้เงินหรือไม่บิดามารดาก็ไม่ต่อว่า ยิ่งไปกว่านั้นหากหลานชายคนโตอยากได้สิ่งของเกี่ยวกับการเรียน สองผู้เฒ่าจะรีบควักเงินออกมามอบให้ทันที

“อาม่านเจ้าช่วยท่านแม่จัดการเรื่องในบ้านให้ดีล่ะ บอกสะใภ้รองว่ามื้อเย็นต้องมีเนื้อมาทำอาหารนะ ถ้าไม่มีอย่าให้พวกมันได้กินข้าวเด็ดขาด ข้าไปทำงานล่ะ”

“เจ้าค่ะท่านพี่ พวกเราต้องได้กินเนื้อทุกวันท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”

“อืม”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel