บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 รักษาขาให้บิดาและพูดคุยกับครอบครัว 1/1

เพียงแต่เซวียนอวิ๋นซีที่เพิ่งได้เกิดใหม่ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เสียงบ่นที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจก็ดังขึ้นอยู่ด้านนอก และใกล้เข้ามาถึงห้องที่ครอบครัวของตนพักเรื่อย ๆ เป็นจางซูเหยาที่รู้ว่าแม่สามีไม่พอใจด้วยเรื่องอันใด

‘ซูเหยา! นางลูกสะใภ้ตัวดีหายหัวไปที่ใด นี่ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้วเหตุใดยังไม่ก่อไฟหุงหาอาหารให้พวกข้าอีก’

“ท่านพี่ท่านนั่งพักอยู่ตรงนี้รอข้าก่อนนะ ท่านแม่ไม่เห็นควันไฟจากห้องครัวคงเริ่มโมโหแล้ว ไว้ข้าทำอาหารมื้อเย็นเสร็จจะรีบกลับมา”

“ลำบากเจ้าแล้วอาเหยา”

“ซีซีอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่ออย่าวิ่งออกไปด้านนอกเข้าใจหรือไม่”

“อื้อ ซีซีเข้าใจเจ้าค่ะ”

ส่วนจื่อหานที่รู้สึกเป็นห่วงมารดาเกรงว่าจะถูกท่านย่าระบายโทสะ เขาจึงอาสาไปช่วยมารดาเตรียมอาหารที่ห้องครัว “ท่านแม่ข้าจะไปช่วยท่านอีกแรงจะได้ทำอาหารเสร็จทันเวลานะขอรับ”

จางซูเหยาส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับบุตรชาย ทั้งที่บุตรชายของนางเป็นคนฉลาดแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องการเรียน พ่อแม่สามีเอาแต่ทุ่มเทให้กับบุตรชายของพี่ชายสามีที่เข้าเรียนยังสำนักศึกษามาหลายปี แม้แต่สอบระดับถงเซิงก็ยังสอบไม่ผ่านเลยสักครั้ง พวกเขากลับกล่าวโทษว่าเป็นเพราะอาจารย์สอนไม่ได้ความเสียได้

เพียงแค่ร่างของจางซูเหยาโผล่พ้นจากประตูห้อง การกระทำที่มีต่อลูกสะใภ้คนกลางคือการด่าทอ และผลักร่างที่ผอมโซจนเกือบล้มหัวทิ่ม หากไม่มีจื่อหานช่วยประคองร่างมารดาเอาไว้ วันนี้คงมีคนบาดเจ็บเพิ่มเป็นแน่

“หนอยย กว่าจะโผล่หัวออกมาได้นะซูเหยา ข้าตะโกนเรียกเจ้าอยู่ตั้งนานสองนานเหตุใดถึงไม่ขานตอบ ห๊ะ! ไปเลยนะรีบไปทำอาหารเย็นได้แล้ว อีกประเดี๋ยวคนอื่น ๆ กลับมาถึงจะได้กินข้าวตามเวลา ไป! ฮึ่ย”

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้...อ๊ะ!”

“ท่านแม่ท่านไม่เป็นอันใดใช่ไหมขอรับ”

นางหลิวคิดว่าลูกสะใภ้คนรองเสแสร้งก็พูดประชดประชันท่าทางของจางซูเหยาทันที “เหอะ อย่าคิดถ่วงเวลาด้วยการแกล้งบาดเจ็บเลย รีบไปทำตามที่ข้าสั่งได้แล้วถ้าบุตรหลานของข้าโมโหหิว พวกเจ้าจะถูกงดมื้อเย็นของวันนี้ทันที”

“เจ้าค่ะท่านแม่”

นางหลิวมองตามหลังจางซูเหยากับบุตรชายไปยังห้องครัวแล้ว ก็หันกลับมาเล่นงานสองพ่อลูกที่อยู่ด้านในห้องเช่นกัน “พวกไม่ได้เรื่องบาดเจ็บเป็นไข้แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สำออยเสียเหลือเกิน ถ้าพวกเจ้าสี่คนไม่ยอมช่วยทำงาน ก็อย่าหวังว่าจะได้กินข้าวในบ้านหลังนี้ หึ”

‘ฮึ่ย! ยายแก่ปากมากนี่ชาติก่อนเคยเกิดเป็นนกมาก่อนหรือไง พูดแต่ละอย่างทำลายความรู้สึกของคนฟังเสียอย่างนั้น ถึงไม่มีข้าวของเจ้าพวกข้าก็ไม่อดตายหรอก ชิ’

อวิ๋นซีบ่นอุบอยู่ในใจกับการกระทำของผู้เป็นย่า นางมองเห็นถึงความเจ็บปวดของบิดาที่ถูกมารดาผู้ให้กำเนิดใช้วาจาที่ไม่น่าฟัง นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำความรู้สึกในจิตใจจนน่าหดหู่

แต่คนอย่างนางไม่มีทางยอมให้บิดาคิดมากเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงใช้มือน้อย ๆ ของตนจับมือบิดาขึ้นมากุมไว้ และบอกเรื่องราวบางอย่างที่แสร้งว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างมาก โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตนได้

“ท่านพ่อเจ้าคะท่านอย่าได้เสียใจกับมารดาใจดำเช่นนี้เลย ซีซีมีเรื่องบางอย่างอยากเล่าให้ท่านพ่อฟัง รวมถึงสถานที่บางแห่งที่มันอาจจะเหลือเชื่อไปบ้าง แต่มันก็มีอยู่จริง ๆ และยังเป็นข้าที่ได้ครอบครองมันเจ้าค่ะ”

หลิ่งเฟิงหยางจ้อมมองหน้าบุตรสาวด้วยการขมวดคิ้วมุ่น เพราะเขารู้สึกได้ว่าบุตรสาวที่ร่างกายอ่อนแอพูดได้ช้าของตน ยามนี้นางกลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก แต่หลิ่งเฟิงหยางทำเพียงเอ่ยถามคล้ายกับว่า เรื่องที่บุตรสาวจะพูดคงไม่พ้นพวกเรื่องเล่าทั่วไปเท่านั้น

“โอ๋ว ไหนซีซีของพ่อมีเรื่องน่าประหลาดใจอันใดจะบอกพ่องั้นหรือ ลองเล่าให้พ่อฟังสักหน่อยเป็นอย่างไร”

อวิ๋นซีย่อมรู้ว่าบิดาไม่เชื่อสิ่งที่นางกำลังจะเล่าจะออกมา แต่ไม่เป็นไรเพราะนางมีหลักฐานที่ช่วยยืนยันได้ “ท่านพ่อท่านเชื่อเรื่องเกี่ยวกับเทพเซียนบนสวรรค์หรือไม่เจ้าคะ?”

หลิ่งเฟิงหยางแปลกใจที่บุตรสาวถามเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “ทุกคนล้วนเชื่อเรื่องที่เจ้าพูดออกมาอยู่แล้วสิลูก เจ้าถามไปทำไมหรือ?”

“เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับท่านเทพองค์หนึ่งเจ้าค่ะท่านพ่อ ตอนที่ซีซียังไม่ฟื้นมีท่านเทพมาพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นมีครอบครัวฐานะร่ำรวยมาก ๆ ที่สำคัญคนเหล่านั้นยังมีใบหน้าคล้ายท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่รวมถึงซีซีด้วย

ท่านเทพไม่ได้พาไปแค่ให้มองดูเฉย ๆ นะเจ้าคะ แต่ท่านเทพให้ซีซีได้อยู่ในร่างของบุตรสาวครอบครัวนี้ และได้ร่ำเรียนวิชาความรู้ที่แปลกประหลาด ซึ่งสิ่งที่เรียนรู้เหล่านั้นมันสามารถใช้เป็นอาชีพหาเงินได้มากมายมหาศาล

จนกระทั่งร่างของหญิงสาวคนนี้หมดอายุขัย ดวงจิตของซีซีก็กลับมาอยู่ในร่างปกติแต่ว่าไม่ได้กลับมามือเปล่า ท่านเทพยังมอบมิติที่มีสิ่งของจากโลกแห่งนั้นติดตัวซีซีมาด้วยเจ้าค่ะ” อวิ๋นซีเล่าด้วยสีหน้าจริงจังสายตาไม่ล่อกแล่กว่าเป็นการพูดโกหก

หลิ่งเฟิงหยางแค่ได้ยินว่าดวงจิตของบุตรสาวออกจากร่าง หัวใจของเขาก็คล้ายกับว่าถูกบีบรัดด้วยอะไรบางอย่าง พอบุตรสาวพูดจบจึงกอดร่างเล็ก ๆ ของนางไว้แน่น และกล่าวออกไปว่าตนนั้นโชคดีที่บุตรสาวกลับคืนมา

“ซีซีลูกพ่อ ฮึก พ่อมันไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ที่ปล่อยให้เจ้าถูกรังแกจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตาคืนเจ้าให้พวกเรา”

อวิ๋นซีรับรู้ถึงความรักความห่วงใยของบิดาคนใหม่ได้ นางจึงใช้มือน้อย ๆ ตบไปที่ไหล่บิดาเบา ๆ คล้ายปลอบประโลม รวมถึงคำพูดที่นางเลือกจะพูดออกมา “ท่านพ่ออย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ต่อไปซีซีจะแข็งแรงและดูแลปกป้องพวกท่านเอง แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการรักษาขาของท่านพ่อนะเจ้าคะ”

“เฮ้อ ต่อให้ไปโรงหมอทันพ่อคงกลับมาเดินเช่นเดิมไม่ได้อีก จะทำงานหนักเพื่อหาเงินก็คงลำบากแต่ถึงกระนั้นพ่อจะไม่ยอมเป็นภาระให้พวกเจ้าแน่”

“ท่านพ่อท่านจะกลับมาเดินได้ปกติแน่นอน เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซีซีเองเจ้าค่ะ เดี๋ยวเราสองคนเข้าไปในมิติกันก่อน เพราะด้านในมีท่านหมอฝีมือเก่งกาจมากมาย พวกเขาจะช่วยรักษาบาดแผลเบื้องต้นให้ท่านพ่อ ท่านจะได้ไม่ทรมานจากบาดแผลนะเจ้าคะ”

“ซีซีเจ้าเพิ่งบอกว่าในมิตินั่นมี...”

“คิก ๆ ๆ ไปกันเถิดเจ้าค่ะท่านพ่อ...วูบ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel