บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 โชคชะตาที่ไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับ 1/2

เซวียนอวิ๋นซีหย่อนขาสั้น ๆ ของร่างใหม่ลงจากเตียง จากนั้นค่อย ๆ พาร่างเล็ก ๆ ไปยังหน้าประตูห้องนอนแห่งนี้อย่างช้า ๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิด กว่าจะเดินไปถึงห้องครัวเล่นเอาหยุดไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็นางมาถึงจุดหมายและได้ยินเสียงการพูดคุย ที่ฟังแล้วรู้สึกสงสารคนที่ร่ำไห้จับใจ

“ท่านพี่ท่านได้รับบาดเจ็บหนักแต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่ยอมให้ข้าไปตามท่านหมอมารักษา หากขาของท่านไม่รีบรักษาอาจเดินไม่ได้อีกแล้วนะ ฮึก ๆ”

หลิ่งเฟิงหยางสงสารภรรยาของตนจับใจ ตั้งแต่นางแต่งงานกับตนก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตดี ๆ เลยสักวัน

“อาเหยาข้าขอโทษเจ้าจริง ๆ ที่พามาตกระกำลำบากกับตระกูลเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมาขาหักกลายเป็นภาระให้กับเจ้าอีกคน ข้ามันไม่ได้เรื่องปกป้องพวกเจ้าสามคนแม่ลูกก็ไม่ได้”

“ท่านพี่อย่าได้กล่าวโทษตนเองเช่นนั้นเลย ข้าจะพยายามหาทางอื่นเพื่อรักษาขาของท่านให้ได้เจ้าค่ะ”

เซวียนอวิ๋นซีน้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้ทั้งที่ตระกูลหลิ่งมีฐานะดีกว่าชาวบ้านคนอื่น ๆ อยู่มาก แต่กลับละเลยและไม่สนใจบุตรชายคนกลางอย่างบิดาของตน ความรักทั้งหมดมีให้เพียงบุตรชายคนโตกับบุตรชายคนเล็กเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้นางจะไม่ยอมให้ครอบครัวต้องทนลำบากอีกแล้ว ร่างน้อย ๆ จึงก้าวไปหาบิดามารดาอย่างแน่วแน่ เพื่อบอกความต้องการของตนกับทั้งสอง แต่การกระทำของเซวียนอวิ๋นซีกลับสร้างความตกใจให้สองสามีภรรยาเสียมากกว่า

“ท่านพ่อ ท่านแม่”

จางซูเหยาผละจากตัวสามีเข้าไปหาบุตรสาว เมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ เรียกนางกับสามีอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ซีซี!! ลูกแม่เจ้าฟื้นตั้งแต่เมื่อใด รู้สึกเจ็บปวดที่ใดอยู่หรือไม่รีบบอกแม่เร็วเข้า”

“ท่านแม่ซีซีแค่รู้สึกเพลียเล็กน้อยเท่านั้นเจ้าค่ะ”

ก่อนที่ซูเหยาจะเอ่ยถามบุตรสาวอีกครั้ง กลับเป็นสามีของนางที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่อยากเชื่อ “อะ อะ อาเหยา สะ สะ ซีซีพูดได้ชัดและยังเป็นประโยค ๆ ด้วยนะ”

ขวับ! “จริงด้วย! ซีซีลูกแม่เจ้าพูดได้คล่องแล้วจริง ๆ ฮือ ๆ ๆ”

เซวียนอวิ๋นซีเพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้าเด็กน้อยคนนี้พูดเป็นคำ ๆ เพราะบิดามารดาต้องทำงานทุกวันไม่มีเวลาในการสอนเรื่องนี้นัก จึงพยายามคิดหาวิธีมาอธิบายให้บิดามารดาได้ฟัง

“เอ่อ การพูดของซีซีอาจเกี่ยวกับเรื่องตกน้ำก็ได้ เพราะความกลัวจึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ จิตใต้สำนึกถึงได้สั่งให้ซีซีพูดเป็นประโยคได้เจ้าค่ะ”

“นี่คงเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ว่าได้ ต่อไปพ่อคงได้ฟังเสียงอันไพเราะของซีซีทุกวันแล้วสินะ”

เซวียนอวิ๋นซีเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าข้าง ๆ บิดาพร้อมกับถามไถ่ถึงอาการบาดเจ็บ รวมถึงคำถามที่สร้างแรงกระเพื่อมขึ้นในใจของผู้เป็นบิดาอย่างยิ่ง และมันยังเป็นคำถามที่จางซูเหยาไม่กล้าถามสามีมานาน

“ท่านพ่อเจ็บมากไหมเจ้าคะ?”

“แผลแค่นี้ทำอันใดพ่อไม่ได้หรอกลูกรัก” แม้รู้ดีว่านี่เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือแต่เขาก็ยังเลือกตอบกับบุตรสาว

“ท่านพ่อพวกเราไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ซีซีไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วเจ้าค่ะ”

คำถามนี่ของบุตรสาวที่เพิ่งฟื้นจากอาการเจ็บป่วยหมาด ๆ ทำเอาหลิ่งเฟิงหยางถึงกับน้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะเอ่ยเรื่องการออกจากตระกูลออกมาได้

เมื่อนึกทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาของตนเองแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนถูกครอบครัวกระทำประหนึ่งว่าตนเป็นคนมาขออาศัย มิใช่บุตรชายแท้ ๆ ของบิดามารดาเลยสักนิด ยิ่งวันนี้ตัวของหลิ่งเฟิงหยางได้รับบาดเจ็บ ครอบครัวของเขาย่อมได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

จางซูเหยาตัดสินใจพูดกับสามีอย่างที่บุตรสาวตั้งคำถามเช่นกัน “ท่านพี่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในใจของข้าก็เคยคิดอย่างซีซี พวกเราออกไปจากครอบครัวที่รักบุตรหลานลำเอียงนี้ดีไหม ถึงอย่างไรตระกูลจางของข้าถึงแม้ฐานะไม่ดีเท่าบิดาท่าน แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้ามิใช่คนใจดำเช่นนี้แน่ เราพาลูก ๆ ไปเริ่มต้นใหม่ที่หมู่บ้านของข้าในตำบลกู่ซานเถิด ที่นั่นน้ำท่าล้วนอุดมสมบูรณ์กว่าที่แห่งนี้หลายเท่า ลูก ๆ จะได้มีอาหารดี ๆ ให้กินบ้างนะเจ้าคะ”

หลิ่งเฟิงเหยาที่นั่งนิ่งคิดทบทวนกับคำถามของบุตรสาว พอหันไปมองทางภรรยาคู่ชีวิตในดวงตาของนางไม่ต่างจากบุตรสาว แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบคำถามนี้กลับเป็นบุตรชายคนโตอย่างจื่อหาน ที่เอ่ยขึ้นสนับสนุนเรื่องการออกไปจากตระกูลที่ลำเอียงแห่งนี้

“ข้าเห็นด้วยกับซีซีขอรับท่านพ่อ เหตุใดพวกเราต้องยอมอดทนเช่นนี้ ท่านก็เป็นบุตรชายของท่านปู่ท่านย่า แต่กลับไม่เคยได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนความกตัญญูที่ท่านทำมาตลอดหลายสิบปีเลยสักครั้ง”

หลิ่งจื่อหานบุตรชายคนโตที่อายุมากกว่าน้องสาวสามปี แม้ปีนี้เขาจะมีอายุครบสิบเอ็ดหนาวแต่ร่างกายที่ขาดการบำรุงย่อมเติบโตได้ช้า แตกต่างกับญาติผู้พี่บุตรชายบุตรสาวของลุงใหญ่อย่างมาก

“พี่ใหญ่ท่านก็อยากไปจากที่นี่ใช่ไหมเจ้าคะ”

จื่อหานเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ กับน้องสาวที่น่ารักของตน และพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นทุกครั้ง “พี่ใหญ่อยากไปจากที่นี่เช่นกันซีซี ยิ่งท่านพ่อได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานได้ ย่อมเป็นท่านแม่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงงานทุกอย่าง ถ้าท่านแม่ล้มป่วยไปอีกคนครอบครัวของเรา คงไม่พ้นถูกไล่ออกไปเหมือนหมูเหมือนสุนัขเป็นแน่”

จางซูเหยาที่ยามนี้หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ก็เรียกสามีด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเป็นครั้งแรก “ท่านพี่ ฮึก ข้าไม่อยากให้ลูกของเราต้องทรมานอีกแล้ว พรุ่งนี้เช้าหากท่านแม่กับพี่สะใภ้เห็นซีซีฟื้นคืนสติ คงไม่พ้นโดนพวกนางสองคนมาลากไปช่วยทำงานบ้านเป็นแน่”

หลิ่งเฟิงหยางจ้องมองภรรยากับบุตรทั้งสอง ก็นึกถึงแต่ภาพที่ทั้งสองถูกกดขี่ข่มเหงจากญาติพี่น้อง ในเมื่อคนในตระกูลนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกตน ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องทนอยู่เหมือนทาสอีกต่อไป

“ได้! ครอบครัวของเราจะขอแยกบ้านและไม่จะอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้อีก รอให้ซีซีร่างกายแข็งแรงกว่านี้สักสองสามวัน แล้วเราค่อยเก็บของไปตายเอาดาบหน้า”

“ขอบคุณท่านพ่อที่ตัดสินใจทำเพื่อข้ากับซีซีขอรับ”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พวกท่านไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะมีซีซีคนนี้อยู่ ต่อไปครอบครัวของเราจะร่ำรวยมีกินมีใช้ไม่ลำบากอีกต่อไปแน่นอนเจ้าค่ะ” เซวียนอวิ๋นซีใช้มื้อเล็ก ๆ ตบไปที่หน้าอกของตนอย่างมั่นใจ การกระทำนี้ของนางทำเอาสามคนที่มองอยู่ถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหว
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel