บท
ตั้งค่า

5. ไม่สมปรารถนา (1)

“เกิดสิ่งใดขึ้น!”

“ทะ ท่านชายเจ้าคะ อย่าได้ถือโทษอิ่งเอ๋อร์เลย นางคงยังทำใจเรื่องของเราไม่ได้”

น้ำเสียงหวานของเสี่ยวปิงมิได้ดังเข้าหูลี่อิ่งเลยสักนิด ตากลมปักอยู่กับใบหน้าของเจี้ยนอี้โจว ความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดอัดแน่นเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะทนไม่ไหว

สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นทำให้อี้โจวชะงักไปชั่วขณะ เพราะก่อนหน้าแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้รักใคร่ลี่อิ่ง แต่ก็มองนางเป็นน้องสาวที่น่ารัก จิตใจดีมาโดยตลอด ถึงจะถูกเขาแกล้งหยอกมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองเลยสักครั้ง

ทว่าคราวนี้…ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม

“อิ่ง- ลี่อิ่ง เหตุใดเจ้ามองข้าเช่นนั้น แล้วนี่ทำสิ่งใดกัน ควันโขมงไปถึงนอกเรือน” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถาม

แต่นอกจากจะไม่ตอบแล้ว ลี่อิ่งยังโยนอาภรณ์ผืนงามใส่กองไฟต่อ

“ฮึก พอเถิดอิ่งเอ๋อร์ เจ้าอย่าเผาชุดของพี่เลย”

“พอได้แล้ว ทำลายของส่วนตัวของผู้อื่น มิใช่เรื่องที่ดีนัก” อี้โจวออกปากแทนคนรัก

“ของพวกนี้ล้วนเป็นของข้า ไม่คิดว่าพี่หญิงจะความจำเลอะเลือน ถึงขั้นมองของของข้า เป็นของตนเอง…ช่างหน้าไม่อายเสียจริง” คำพูดของลี่อิ่ง ทำเอาชายหญิงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรู้ดีว่าหญิงสาววัยสิบหกหนาวกล่าวถึงเรื่องใด

“ฮึก!”

“พวกเจ้า! พาคุณหนูใหญ่ไปพักในห้องก่อน” เมื่อเห็นว่าคนรักทำท่าจะเป็นลม อี้โจวจึงเรียกให้สาวใช้พาเสี่ยวปิงออกไป ส่วนเขาก็หันมาพูดคุยกับสวีลี่อิ่งให้เข้าใจ

“หยุดได้แล้ว แม้ว่าของพวกนี้จะเป็นของเจ้า ก็ต้องรู้จักคุณค่าของมัน นำมาเผาเช่นนี้คงไม่ดีนัก”

“…ท่านไม่อยากให้ข้าเผาหรือ” แววตาแข็งกระด้าง และใบหน้าเรียบเฉยของลี่อิ่ง เป็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน

หรือนางจะโกรธเคืองเรื่องถอนหมั้น…แต่ต้องเป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ

“ใช่ สู้เจ้าเก็บไว้-”

พรึบ! ยังพูดไม่จนประโยค เสื้อผ้าอาภรณ์เหล่านั้นก็ถูกโยนลงกองไฟทั้งหมด ทั้งริมฝีปากบางยังกระตุกยิ้มอย่างท้าทาย

“เฮ้อ เจ้านี่มัน! เหตุใดจึงกลายเป็นคนว่ายากไปได้ น้องสาวที่เชื่อฟังข้าหายไปอยู่ที่ใด จึงเหลือเพียงสตรีดื้อด้าน”

“ตายไปแล้ว! นางตายไปแล้ว” ไม่ผิดเลยสักนิด สวีลี่อิ่งคนก่อนได้ตายไปพร้อมกับบุตรในครรภ์แล้ว บัดนี้เหลือเพียงสวีลี่อิ่งที่จะไม่ยอมให้บุรุษตรงหน้าสมหวังแม้เพียงเรื่องเดียว

“เจ้า…”

“เรื่องหมั้นหมาย ท่านอยากให้ข้ายอมถอนหมั้นใช่หรือไม่”

“เอ่อ อืม” อยู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

“เช่นนั้นข้าไม่ตกลง ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่าน กำหนดการวันสมรสยังคงเป็นเช่นเดิม ในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าจะแต่งเข้าเป็นฮูหยินของท่านชายเจี้ยนอี้โจว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้ยน”

“เจ้า! เรื่องนี้เราพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วมิใช่หรือ วันนั้นเจ้ายังเอ่ยว่าจะไม่ขวางทางรักของข้า เหตุใดวันนี้จึงพลิกลิ้นได้หน้าตาเฉย” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังใบหน้างามอย่างเหลืออด ดูที! ขนาดตอนนี้นางยังเหยียดยิ้มยั่วโมโหเขาได้อีก

“เพราะข้าจะทำทุกอย่างไม่ให้ท่านสมปรารถนา ข้าจะทำทุกอย่างให้ท่านเจ็บปวดเช่นข้า”

“ที่แท้ในใจเจ้าก็มืดดำราวกับมารร้าย ข้าไม่คิดเลยว่าที่ผ่านมา เจ้าจะแสร้งทำตัวดีต่อหน้าข้ามาโดยตลอด น่าผิดหวังจริงๆ”

“…” ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกรู้สากับอีกฝ่าย แต่ลี่อิ่งก็ยังสะอึกกับคำพูดเหล่านั้นจนได้

“เรื่องถอนหมั้น เจ้าไม่ยินยอมก็ตามแต่ใจเจ้า เพราะอย่างไรเสียข้าก็จะไม่แต่งเจ้าเป็นฮูหยิน” ว่าเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็เดินออกไปนอกเรือนด้วยท่าทางไม่พอใจ

“คุณหนู”

“เจ้าอย่าได้ทำเสียงเศร้าไปเลย อย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอมให้พวกเขาทั้งสองได้ตบแต่งกัน”

“…”

“ในเมื่อเขารังเกียจข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้แต่งเข้าจวนอ๋อง ดูทีว่าเขาจะอกแตกตายเมื่อใด” สาวงามยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ กระนั้นมี่มี่ที่ตามรับใช้มานาน ย่อมเห็นสายตาเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ใน

หลังจากที่เจี้ยนอี้โจวประกาศกร้าวว่าจะไม่ตบแต่งกับลี่อิ่ง นางก็นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันว่าจะทำเช่นไร เพราะแม้จะอ้างเรื่องหมั้นหมาย ให้ได้ตบแต่งเข้าไปอยู่ในจวนอ๋อง

เจี้ยนอี้โจวคงแต่งเสี่ยวปิงเป็นฮูหยินรองในทันที หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงครองคู่กันอย่างชื่นมื่น ทิ้งให้นางต้องช้ำใจ

“อิ่งเอ๋อร์ เสร็จหรือยังลูก ประเดี๋ยวจะไม่ทัน”

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” สวีลี่อิ่งหมุนตัว สำรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายอีกครั้ง

เนื่องจากวันนี้นางต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง วันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ชายน้อยของราชวงศ์

แคว้นเจี้ยนในยามนี้ ปกครองโดยองค์ฮ่องเต้เจี้ยนเฟยหลง วังหลังมีฮองเฮาเซียวเลี่ยงซูเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด รองลงมาก็คงไม่พ้นสนมขั้นหวงกุ้ยเฟย ไป่ฟางชิน และมีสนมขั้นกุ้ยเฟยอีกสองพระองค์ คือ สนมเติ้งลู่ซือ สนมถานเจียวลู่ นอกจากนี้ก็เป็นเพียงสนมปลายแถว

โอรสธิดาของฮ่องเต้ก็มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ก็มีเพียงเจ็ดพระองค์เท่านั้นที่มีบทบาทในราชสำนัก

คนแรกคงหนีไม่พ้น องค์รัชทายาทเจี้ยนหลิวเหว่ยหรือองค์ชายรอง ต่อมาเป็นองค์หญิงใหญ่เจี้ยนอันหรานที่แต่งเชื่อมสัมพันธ์ให้กับแคว้นหยาง ทำให้ทั้งสองแคว้นทำสัญญาไม่ก่อสงครามกัน และองค์ชายน้อยเจี้ยนหลี่เฉียงที่พึ่งมีอายุเพียงสามชันษา ทั้งสามพระองค์ประสูติจากฮองเฮาของแผ่นดิน

นอกจากนี้องค์ชายสาม เจี้ยนหลงเหยี่ยนที่พระสูติจากหวงกุ้ยเฟย ไป่ฟางซิน ก็มีบทบาทในการบริหารบ้านเมืองไม่น้อย ทั้งท่านตาขององค์ชายยังเป็นถึงขุนนางอาวุโส ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง

องค์หญิงรองเจี้ยนฟางฟางและองค์หญิงเล็กเจี้ยนฉู่หงที่ประสูติจากสนมขั้นกุ้ยเฟย สนมถานเจียวลู่ ก็ถูกทาบทามจากต่างแคว้นแล้วเช่นกัน หากได้แต่งเชื่อมสัมพันธ์กับต่างแคว้น คงทำให้มารดาและสกุลถานมีหน้ามีตามากขึ้น

และคนที่มีบาทบาทน้อยที่สุดคงเป็นองค์ชายใหญ่ เจี้ยนซ่งอวิ๋น เนื่องด้วยอาการป่วยอดๆ แอดๆ อยู่ตลอดเวลา ฝ่าบาทและมารดาอย่างกุ้ยเฟยเติ้งลู่ซือ จึงพยายามหาหมอมารักษา แต่ทำอย่างไรก็ไม่หายขาด ฝ่าบาทจึงมิค่อยอยากให้โอรสทำงานหนัก
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel