4. หวนคืน (3)
“เสี่ยวปิง!!” ท่านราชครูตบโต๊ะเสียงดัง แต่ยังไม่ได้กล่าวสิ่งใด บุตรสาวคนเล็กก็พูดขึ้นเสียก่อน
“เรื่องการหมั้นหมายของข้ากับท่านชายก็รู้กันทั่วเมือง พี่หญิงก็ยังกล้าเล่นชู้กับว่าที่น้องเขย จะอายอันใดอีก” คำว่า ชู้ ทำเอาสองแม่ลูกสะอึก บรรยากาศบนศาลาจึงตึงเครียดขึ้นทันที
ท่านราชครูเองก็ไม่ค่อยสบอารมณ์นักเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หายใจฮึดฮัด ยกสุราขึ้นดื่มเป็นว่าเล่น มีอย่างที่ไหนพี่สาวแอบเชื่อมสัมพันธ์กันว่าที่สามีของน้องสาวตนเอง บัดนี้ผู้คนลือกันไปทั่วเมืองหลวงแล้วกระมัง
“เอ่อ อาหัว เจ้าเอาของมาฝากแต่อาลู่หรือ” ฟ่านหลันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง กลัวสามีจะดื่มสุราเยอะเกินพอดี
“ข้าเอามาฝากอิ่งเอ๋อร์กับ…เสี่ยวปิงด้วยขอรับ” กำไลทั้งสองถูกยื่นให้น้องสาวทั้งสอง แต่ดูจากสายตาก็รู้ว่าของสองชิ้นราคาต่างกันเพียงใด
กำไลจากแร่หินธรรมดา หรือจะสู้กำไลหยกมันแพะ ฉลุลวดลายอย่างประณีต
“ของอิ่งเอ๋อร์งดงามยิ่งนัก ทั้งยังเป็นสีที่ข้าชอบ” สวีเสี่ยวปิงยังคงใช้รอยยิ้มและน้ำเสียงหวานกับน้องสาว หวังจะให้ลี่อิ่งยอมยกกำไลให้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ทั้งที่พึ่งถูกตำหนิไปถึงเพียงนั้น ก็ยังกล้าออกปาก มิรู้ว่าหน้าประแป้งไปกี่ชั้น จึงได้ทั้งด้านทั้งหนาเช่นนี้!
“พี่หญิงชอบหรือ”
“ใช่ หากว่าได้ลองใส่สักครั้งคงจะดีไม่น้อย” แววตาคาดหวังมองไปยังกำไลราคาแพง หญิงสาวนึกในใจว่าอย่างไรก็คงเป็นนางที่ได้มาครอบครอง ทว่า...
“เช่นนั้นคงต้องเสียใจกับท่านด้วย ข้าไม่คิดจะยกของของข้าให้กับผู้ใด”
“…” ทั้งน้ำเสียงและคำพูดที่เปลี่ยนไปของลี่อิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่ได้ยิน โดยเฉพาะเสี่ยวปิงที่ไม่เคยถูกลี่อิ่งปฏิเสธเลยสักครั้ง
“แล้วเครื่องประดับที่พี่หญิงยืมไป ข้าก็จะให้บ่าวไปเอาคืน”
“เอ่อ-”
“พี่ใหญ่เจ้าคะ ข้าว่าจะให้ท่านสอนวิชาดาบเสียหน่อย ท่านพอจะว่างหรือไม่” ลี่อิ่งพูดกับเสี่ยวปิงเสร็จก็หันไปคุยกับพี่ชาย จนคุณหนูใหญ่คิดว่าน้องสาวคงจะพูดเล่นเท่านั้น
แต่ในวันถัดมา สวีลี่อิ่งกลับพาบ่าวหญิงถึงสามคน เข้ามาเอาข้าวของและเครื่องประดับในห้องของนาง
“ชิ้นนั้นของข้า อันนั้นก็เช่นกัน เก็บไปให้หมด” หญิงสาวกอดอกชี้นิ้วสั่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“อิ่งเอ๋อร์ อะ อันนั้นเจ้าเอ่ยว่าให้พี่มิใช่หรือ” ของประดับเกือบเจ็ดส่วนของสวีเสี่ยวปิง ล้วนเป็นของที่ลี่อิ่งมอบให้ เพราะฉะนั้นในกล่องเครื่องประดับจึงเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
“ข้าให้ท่านเอาไปใช้ก่อน มิได้เอ่ยว่ายกให้ พวกเจ้าอย่าลืมเอาชุดของข้าออกมาด้วยเล่า” บ่าวสาวต่างพากับเปิดตู้เอาชุดที่เคยเป็นของลี่อิ่งออกมากองไว้ที่ลานหน้าเรือน เพราะคุณหนูเล็กสกุลสวีไม่คิดจะนำไปใส่ต่อ
“เผาให้หมด ส่วนเครื่องประดับก็เอาไปขายแล้วนำเงินไปบริจาคให้อารามห่างไกลเสีย”
“อิ่งเอ๋อร์เจ้าทำเกินไปหรือไม่ หากเจ้ายังไม่หยุดพี่คงต้องเอ่ยเรื่องนี้กับท่านพ่อ”
“เช่นนั้นรอท่านพ่อท่านแม่กลับมา พี่หญิงก็ลองพูดดูเถิด หากคิดว่าท่านพ่อจะเข้าข้างท่าน เรื่องที่ท่านแอบไปมีสัมพันธ์กับท่านชาย ท่านพ่อก็ยังไม่หายโกรธมิใช่หรือ” ลี่อิ่งกระตุกยิ้ม
“ที่เจ้าทำเช่นนี้ เป็นเพราะเรื่องที่พี่กับท่านชายอี้โจวรักกันหรือ”
“…”
“พี่เองก็พยายามหักห้ามใจแล้ว แต่เรื่องความรักไหนเลยจะบังคับกันได้ อีกอย่างท่านชายก็เอ่ยว่าคิดกับเจ้าเพียงน้องสาว เจ้าอย่าได้ขัดขวางพวกเราเลย”
“หุบปาก!” ลี่อิ่งตวาดลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สตรีตรงหน้ากลับผิดเป็นถูก แย่งคู่หมั้นน้องสาว ยังกล้าพูดจาเช่นนี้อีก
แต่ยังไม่ทันได้ตอบกลับไป ก็มีเอกบุรุษในชุดเกราะเต็มยศวิ่งเข้ามาในเรือนเสียก่อน
“เกิดสิ่งใดขึ้น!”