บทนำ 2
8 ปีผ่านไป
บนแผ่นดินอันกว้างใหญ่มีแคว้นต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทว่าแคว้นที่ดูมีอำนาจกลับมีไม่มากนัก ไกลออกไปทางทิศตะวันออกเป็นที่ตั้งของแคว้นใหญ่อย่างแคว้นฉิน เหนือสุดของแผ่นดินใหญ่มีแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเซี่ยที่รวบรวมแคว้นข้างเคียงเข้ามาเป็นปึกแผ่น และแคว้นเว่ยที่แข็งแกร่งด้วยกำลังทหาร โดยแคว้นเว่ยมีกำลังทหารอันกล้าแกร่งภายใต้การนำของ 'ชินอ๋องเว่ยสือหยาง' ผู้เป็นพระอนุชาคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ เขาคือแม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แห่งแคว้นเว่ย เป็นโล่มีชีวิตที่คอยปกปักดูแลความสงบของแคว้น ทว่าตัวเขากลับได้รับการขนานนามว่า 'แม่ทัพบ้าเลือด'
ในตอนนี้เขาได้รับหน้าที่มาดูแลยังชายแดนเหนืออันอยู่ติดกับแคว้นจ้าว แคว้นเล็ก ๆ ที่กลับมีเหมืองแร่มากมายที่ใช้ผลิตอาวุธอันล้ำค่า โดยที่ตั้งของแคว้นจ้าวกลับลึกลับซับซ้อน อันเนื่องมาจากอยู่ภายในขุนเขาอันสูงชันที่โอบล้อมราวกับกำแพงธรรมชาติ แคว้นจ้าวกับแคว้นเว่ยคือศัตรูคู่อาฆาตกันมาอย่างช้านานตั้งแต่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแคว้น เว่ยสือหยางเคยคิดจะบุกเข้าไปตีแคว้นจ้าวอยู่หลายครั้ง ทว่าด้วยไม่สันทัดในชัยภูมิอันเป็นภูเขาสูงชันที่เต็มไปด้วยหมอกและสัตว์พิษที่อันตราย ทำได้เพียงคุมเชิงและเฝ้าระวังภัยเท่านั้น ขณะเดียวกันแคว้นจ้าวที่มีกำลังคนน้อยกว่าก็มิอาจบุกตีแคว้นเว่ยได้เช่นกัน
ทั้งสองแคว้นต่างคุมเชิงกันอยู่เช่นนี้มาเกือบร้อยปีแล้ว!
"รายงาน! มีสารลับจากแคว้นฉินพ่ะย่ะค่ะ"
'หลิ่งอี้' องครักษ์มือซ้ายของเว่ยสือหยางเข้ามาพร้อมกับกระบอกส่งสารลับ เขารีบส่งมอบให้กับเจ้านายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ด้วยมีไม่บ่อยนักที่แคว้นฉินจะส่งสารมาด้วยตนเอง
เว่ยสือหยางหยิบสารลับขึ้นมาเปิดอ่านทันที เขากวาดสายตาคมดุกวาดตาอ่านเพียงรอบเดียวก็เข้าใจได้ ก่อนจะนำสารลับนั้นไปลนไฟกับตะเกียงเพื่อทำลายทิ้ง
"ชินอ๋อง เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"แคว้นจ้าวจะส่งสายลับเข้ามาในคืนนี้ คาดว่าจะเป็นนางคณิกาที่แฝงตัวเข้ามาในงานเลี้ยงของจวนเจ้าเมือง"
"เช่นนั้นกระหม่อมจะเตรียมการจับกุมนางทันทีพ่ะย่ะค่ะ" หลิ่งอี้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
"เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสของเราเช่นกันหรือ เพราะแคว้นจ้าวมีทางเข้าออกที่ลึกลับซับซ้อนทำให้เรามิอาจส่งคนเข้าไปแฝงตัวในแคว้นจ้าวได้โดยง่าย ในเมื่อทางนั้นเป็นคนส่งคนเข้ามาเองเราก็ควรต้อนรับนางให้ดีเสียหน่อยสิ" ริมฝีปากหยักพลันยกโค้งเป็นรอยยิ้มอันน่าขนลุก
"ชินอ๋องทรงหมายถึงให้ปล่อยนางไปก่อนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ใช่! สายลับผู้นี้ข้าจะทำให้นางยอมเผยความลับของแคว้นจ้าวเอง!"
"เช่นนั้นกระหม่อมจะคอยจับตามองนางเองพ่ะย่ะค่ะ หากแม้นว่านางมีแผนการจะมาลอบสังหารชินอ๋องกระหม่อมจะได้ฆ่าทิ้งทันที"
คิ้วกระบี่พลันกระตุกเมื่อได้ฟังคำของหลิ่งอี้ ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นห่วงแต่เขาหาใช่เด็กน้อยไม่ แค่สายลับคนหนึ่งจะสามารถเอาชีวิตของเขาได้เลยหรือ ช่างน่าขันนัก!
เขาเป็นถึงศิษย์เอกคนสำคัญของท่านอาจารย์สวี่เหอ ผู้เป็นปรมาจารย์ทางด้านดาบของสำนักดาบเฟิ่งเทียนเชียวนะ
"เจ้าคิดว่าข้าฆ่านางไม่ได้หรือ"
หลิ่งอี้ที่เห็นว่าชินอ๋องกำลังมีสีหน้าหงุดหงิดก็รีบคุกเข่าลงทันที "หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ชินอ๋องทรงเก่งกล้าสามารถจะถูกสายลับจากแคว้นจ้าวทำร้ายได้อย่างไร เพียงแต่กระหม่อมแค่ไม่อยากให้ชินอ๋องต้องทรงมาใส่ใจกับสายลับตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ"
เว่ยสือหยางเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาโบกมือให้หลิ่งอี้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ใส่ใจนัก
"ช่างเถอะ เจ้าส่งคนไปสืบดูว่าคืนนี้มีนางคณิกาเข้าร่วมงานเลี้ยงกี่คน และมาจากหอใดบ้าง"
"พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ... มีอีกเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูโจวพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องอะไรอีก ข้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ต้องรายงาน"
หลิ่งอี้พลันเหงื่อแตกพลั่กด้วยความกริ่งเกรง เขาก็รู้อยู่หรอกว่าชินอ๋องไม่ชอบแต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า จะไม่รายงานก็ไม่ได้เสียด้วย
"คุณหนูโจวจะเดินทางมาที่แดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ โดยมาพร้อมกับคณะแพทย์หลวงที่จะถูกส่งมากับกองทัพของท่านรองแม่ทัพโจวพ่ะย่ะค่ะ"
"บัดซบ!"
เว่ยสือหยางพลันสบถออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจนัก หากเป็นศัตรูก็สามารถฆ่าทิ้งได้โดยง่ายอย่างไม่นึกลังเล ทว่าคุณหนูโจวผู้นี้คือคุณหนูคนสำคัญของตระกูลโจว บิดาของนางคืออัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทั้งยังมีพี่ชายเป็นสหายสนิทของเขา แล้วยังพ่วงตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพด้วย
ผู้ใดจะรู้ว่าแค่การช่วยเหลือนางเพียงครั้งเดียวจากการถูกโจรวิ่งราวเมื่อ 3 ปีก่อน จะทำให้นางมาหลงใหลเขาถึงเพียงนี้ ทั้งฝ่าบาทยังเห็นดีเห็นงามที่จะให้เขาแต่งงานกับนางด้วย แต่เขาไม่ได้รักนางจะแต่งนางเป็นภรรยาได้อย่างไรกันเล่า!
เว่ยสือหยางพลันรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที!
