ตอนที่ 8 : สตรีร้ายกาจถูกเปิดโปง
ตอนที่
[8]
สตรีร้ายกาจถูกเปิดโปง
เหรินฮุนชั่งใจครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า ในใจเฝ้าครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอันใดกันแน่
ตกเย็นหลังที่กินอาหารค่ำด้วยกันเรียบร้อยแล้ว เหรินฮุนก็ตามกู้ซูฉินไปที่เรือน รอไม่นานฝู่อินก็ถือของหลายอย่างมาวางไว้ให้ผู้เป็นนายก่อนจะล่าถอยออกไป
“ท่านพี่มานั่งตรงนี้สิเจ้าคะ” น้ำเสียงสดใสของภรรยาเรียกให้เขานั่งยังจุดที่ไม่ไกลจากนางนั่นทำให้เขารู้สึกไม่ชินนัก
กู้ซูฉินมองสามีผู้งดงามแววตาเจือรอยขัน แต่หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายนั่งลงแล้วนางก็เริ่มดำเนินเรื่องที่ค้างไว้ต่อทันที
“ท่านพี่อันนี้หนังสือนิทานที่ข้าทำให้ลูกเจ้าค่ะ อี้เออร์ชอบฟังนิทานมาก ข้าเลยทำไว้หลายเล่มเลย” เหรินฮุนมองนิทานที่ว่า มันดูน่าสนใจไม่น้อย
“ส่วนอันนี้คือของเล่นเจ้าค่ะ ข้าก็เอาไว้ให้อี้เออร์เช่นกัน” ของเล่นที่ว่าเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการที่นางจำมาจากโลกก่อน เอาไว้ช่วยเสริมพัฒนาการเด็ก
ครานี้ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู พบว่าของเล่นที่ว่านั่นดูแปลกตาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเป็นกังวลอันใดหากว่าบุตรสาวของเขาจะเล่นมัน
“ท่านพี่ ตอนนี้ข้าเปลี่ยนไปแล้วพร้อมจะดูแลอี้เออร์อย่างเต็มที่ ท่านพี่อย่าจับผิดข้าอีกได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบก็ส่งสายตาออดอ้อนอย่างถึงที่สุด
นางต้องทำเช่นนี้ต่อไปจะได้ทำอันใดก็สะดวก หากทุกคนเอาแต่คิดว่านางมีแผนร้ายเช่นนั้นนางก็ต้องคอยคิดแผนรับมือรอบด้าน โดยเฉพาะกับสามีผู้นี้
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ทว่าเขากล่าวเพียงเท่านี้ก็ลุกออกจากเรือนของนางไป เดิมทีนางคิดว่าเรื่องราวจะจบเพียงเท่านี้ แต่ไม่คาดคิดว่าเหรินฮุนจะทำเรื่องที่น่าตกใจหลังจากนั้น
“ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!!”
“ข้าบอกว่าคืนนี้ข้าจะมานอนกับเจ้า”
“แต่…”
“ทำไม ไม่ได้หรือ”
นี่มันอันใดของเขา จู่ ๆ ก็เปลี่ยนปุบปับเช่นนี้ แล้วจะให้นางทำเช่นไร หากปฏิเสธเขาเรื่องที่ทำมาก็มิใช่ว่าจะสูญเปล่าหรือ
“เช่นนั้นข้าจะให้คนไปเตรียมห้องให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”
“ไม่ ข้าจะนอนห้องเดียวกับเจ้า เตียงเดียวกับเจ้า”
“…”
เหรินฮุนบ้าไปแล้ว!!
หลังจากนั้นในช่วงค่ำหลังจากที่ถือวิสาสะเข้าไปในเรือนของภรรยาได้สำเร็จ ชายหนุ่มก็ไปอาบน้ำชำระกายให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปนอนรอบนเตียงของผู้เป็นภรรยา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนบนเตียงนี้หลังจากที่อีกฝ่ายตบแต่งเข้ามาในจวนตระกูลเหริน
กู้ซูฉินนั้นทำใจนานมากที่จะต้องร่วมเตียงกับเหรินฮุน แม้ว่าเขาจะหล่อเหลางดงาม แต่นางก็ไม่เคยต้องร่วมเตียงกับผู้ใดมาก่อน นอกจากนั้นยังไม่ค่อยวางใจในการมาครั้งนี้ของเขาเท่าใดนัก
จู่ ๆ ก็มานอนด้วยกันเช่นนี้จะให้นางไว้วางใจได้อย่างไร!
จะว่าเขาซึ้งใจที่นางเตรียมการหลายอย่างให้ลูก นั่นจะเป็นไปได้หรือ
แต่คิดวนไปมาก็เท่านั้น สุดท้ายจึงได้รีบไปชำระกายเพื่อเข้านอนบ้าง
ทว่าหลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว
กู้ซูฉินก็ต้องสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง เมื่อเห็นสามีกำลังนอนบนเตียงด้วยท่าทางที่…
ยั่วยวนยิ่งนัก
สาบเสื้อข้างหนึ่งของเขาเปิดเปลือยอย่างหมิ่นเหม่
สุดท้ายจึงเผลอหลับตาแต่ไม่กล้าก้าวเข้าไปยังเตียงนั่น
เหรินฮุนที่มองท่าทางนั้นของภรรยายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลุกจากเตียงแล้วก้าวฉับ ๆ ไปยังจุดที่นางยืนอยู่ ก่อนจะ…
“ว้าย ท่านพี่”
เขาอุ้มนางเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะตรงไปที่เตียงอีกครั้ง
“นอนเถิด ข้าง่วงแล้ว” ริมฝีปากที่กระซิบไม่ไกลจากหูพาทำเอากู้ซูฉินขนลุกซู่ทันที
หลังจากที่เขาวางนางลงเตียง เขาก็จัดผมที่ปรกระคอของนางให้ออกไป จากนั้นก็ทำท่าจะดึงนางเข้าไปกอดอีกครั้ง แต่นางนั้นกลับเร็วกว่า กลับเป็นคนรวบมือเขาไว้แล้วกอดเข้าไปเสียเอง
“เอ่อ ท่านพี่”
สายตาของเหรินฮุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าไปใกล้ภรรยาอีกแล้ว พูดกล่าวในสิ่งที่กู้ซูฉินตกใจอย่างถึงที่สุด
“เจ้าไม่ใช่กู้ซูฉินใช่หรือไม่”
!!!
เขายังพูดต่ออีกว่า “ต่อให้เจ้าบอกว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ อีกอย่างกู้ซูฉินไม่ชอบให้ผู้ใดแตะต้องสร้อยของนาง สายตาของเขามองไปยังสร้อยที่นางกำลังสวมอยู่” นี่เป็นสร้อยที่กู้ซูฉินคนเดิมได้มาจากอารามแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าหากสวมไว้ตลอด ไม่ว่าจะคิดหวังสิ่งใดก็จะสสมหวังดังใจ คนผู้นั้นจึงไม่คิดถอดหรือให้ผู้ใดแตะต้องเลยแม้แต่น้อย
“บอกความจริงข้ามา อย่าโกหกข้า” จากนั้นกู้ซูฉินจึงต้องพบกับอาการปวดหัวทันที เพราะนางสับสนไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี แต่สุดท้ายก็ได้บอกความจริงกับอีกฝ่ายไป
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่กู้ซูฉิน แต่ข้าเป็น…”
ตลอดเวลาที่นางพูดความจริง เขาไม่เอ่ยขัดแม้แต่คำเดียว เมื่อฟังจบเขาก็ยิ่งนิ่งยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะแต่งกายตนเองให้เรียบร้อยแล้วลุกจากเตียงไป จากนั้นก็ออกจากห้องนอนของนางไปโดยไม่กล่าวอะไรแม้เพียงครึ่งคำ
