ตอนที่ 6 : บุตรสาวตัวน้อยของสตรีร้ายกาจ
ตอนที่
[6]
บุตรสาวตัวน้อยของสตรีร้ายกาจ
การจัดการกับฝู่อ้ายนั้นนางคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ระหว่างนี้อีกฝ่ายจะไม่มีทางได้ออกจากห้องที่ถูกขังเอาไว้อย่างแน่นอน
จากนั้นในวันถัดมานางจึงได้เริ่มทำการรักษาโดยต้องขับพิษออกจากร่างกาย ซึ่งวิธีการของท่านหมอตู้นั้นก็คือต้องแช่น้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ที่เข้มข้นมาก ๆ จนกว่าพิษในร่างกายจะหมดซึ่งบอกจำนวนวันที่แน่นอนไม่ได้ว่าต้องกี่วัน หากเป็นการนอนแช่น้ำสมุนไพรธรรมดานั้นก็คงไม่มีอันใดต้องกังวล แต่หากในทุกครั้งที่ลงไปแช่นั้น ล้วนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย แม้นางจะพยายามสะกดกลั้นเสียงของตนเองเอาไว้ แต่อย่างไรความทรมานที่แทรกซึมเข้าไปในผิวกายก็ไม่อาจที่จะควบคุมได้ แต่การเจ็บปวดในครั้งนี้ก็เป็นการตอกย้ำให้นางรู้ว่าไม่ควรปล่อยผ่านตัวต้นเหตุที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้
เหรินฮุนที่อยู่ไม่ห่างออกไปจากจุดแช่น้ำสมุนไพรของกู้ซูฉิน สายตาของชายหนุ่มวูบไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของภรรยา
ก่อนจะหมุนกายจากไปเพื่อฟังข้อมูลจากคนสนิทที่ให้ไปสืบเรื่องนี้มา
วันหนึ่งขณะที่กู้ซูฉินแช่น้ำสมุนไพรเสร็จสายตาก็พลันเหลือบไปมองยังร่างหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป หัวเล็ก ๆ นั่นกำลังทำผลุบ ๆ โผล่ ๆ ด้วยท่าทางน่ารัก
เป็นบุตรสาวของนางที่มาแอบดู
กู้ซูฉินยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกเด็กน้อยให้มาหา
“อี้เออร์ มานี่มา”
เด็กน้อยเหรินซ่งอี้สะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงมารดา นางหรือก็คิดว่าตนเองแอบดีแล้ว เหตุใดท่านแม่จึงมองเห็นได้
“อี้เออร์ มาหาแม่เร็ว”
ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่แสนอ่อนโยนของมารดา เด็กน้อยก็ทำตัวไม่ถูกพลางไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเรียกนางจริงหรือ
แต่นั่นก็ชื่อนางไม่ใช่หรือ
ผู้เป็นมารดาเห็นบุตรสาวเอาแต่ยืนทำหน้าไม่แน่ใจพลางครุ่นคิดเช่นนั้น จึงได้เร่งรุดไปรวบอีกอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะเอ่ยถาม
“แม่เรียกเหตุใดจึงไม่มาหืม”
การกระทำเช่นนี้ของมารดายิ่งทำให้เหรินซ่งอี้ตัวแข็งทื่อ
ทะ ท่านแม่กอดนางหรือ ก่อนที่น้ำตาเม็ดโตจะค่อย ๆ ซึมออกมาจากหางตา ไม่นานก็ตามด้วยเสียงร้องไห้โฮ
กู้ซูฉินชะงักงันไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบปลอบเด็กน้อยเป็นการด่วน
เนิ่นนานกว่าที่เหรินซ่งอี้จะสงบและรับรู้ได้ว่ามารดากอดตนจริง ๆ
เด็กน้อยเงยหน้าสบตากับผู้ที่นางโหยหาความรักจากอีกฝ่ายมาโดยตลอด
บัดนี้มารดาไม่น่ากลัวอีกแล้ว สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด
“ท่านแม่…” เพื่อยืนยันความรู้สึกของตนเองเหรินซ่งอี้จึงซบศีรษะเล็ก ๆ ที่อกของมารดา ท่านแม่ก็ไม่ผลักออก แถมยังกระชับอ้อมกอดนางแน่นขึ้นไปอีก
วันนี้เป็นวันที่นางมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย เด็กน้อยคิดอย่างมีความสุข
จากนั้นกู้ซูฉินจึงพาบุตรสาวกินขนมอร่อย ๆ ด้วยกัน ก่อนจะตบท้ายด้วยการเล่านิทานที่แสนสนุกให้บุตรสาวฟัง ซึ่งก็ทำให้เหรินซ่งอี้ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่
ทว่าระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังใช้เวลาด้วยกันนั้น เสียงฝีเท้าอันเร่งร้อนก็ดังขึ้นที่หน้าเรือน พร้อมการพยายามขัดขวางของฝู่อิน
“คุณหนูมาหาบ่าวเจ้าค่ะ!” เป็นจางตานฉงเช่นเดิม ยามนี้สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนอยู่กับผู้ใด จากนั้นก็รีบถือวิสาสะพาตัวเหรินซ่งอี้ไปอุ้มเอาไว้
บัดนี้สีหน้าของกู้ซูฉินนั้นเย็นชาลงหลายส่วน
“ฮูหยินน้อยทำอันใดกับคุณหนูหรือเจ้าคะ” เสียงของจางตานฉงเอ่ยถามขึ้น
“ข้าก็แค่ใช้เวลากับนาง พูดคุยกับนาง ทำไม ข้าจะพูดคุยกับนางไม่ได้หรืออย่างไร”
“ท่านก็ต้องดูด้วยนะเจ้าคะว่าแต่ก่อนเคยทำเช่นนี้หรือไม่” จางตานฉงโต้ตอบทันควัน
“หึ สำคัญด้วยหรือ ในเมื่อตอนนี้ข้าอยากใช้เวลากับนางแล้ว”
“ฮูหยินเคยเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นเดิมเถิดเจ้าค่ะ อะไรที่ไม่ได้มาจากใจนั้นไม่นานหวนคืนสิ่งเดิม เช่นนั้นคุณหนูจะเสียใจเปล่า ๆ” กล่าวแล้วก็รีบกระชับอ้อมกอดของตนแล้วพาเด็กน้อยออกไปโดยไม่สนท่าทางของคนในอ้อมกอดเลยว่าพยายามยื้อยุดหามารดาเพียงใด
ฝู่อินมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจคิดอยากจะตามไปจัดการแต่ก็ถูกผู้เป็นนายห้ามเอาไว้
เมื่อจางตานฉงถึงเรือนของฮูหยินใหญ่ก็รีบรายงานเรื่องวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง พร้อมกับออกความคิดเห็นตามความคิดของตนเอง
เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้ถานจี้เสี่ยเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ต้องเลือกที่จะกันหลานไว้ตนเองเอาให้อยู่ในสายตาเพราะกู้ซูฉินมิใช่สตรีที่ไว้ใจได้ถึงเพียงนั้น ไม่แน่ที่อีกฝ่ายมาทำดีกับหลานสาวของนางทั้งที่ควรจะทำเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนหน้า ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลายปีเช่นนี้ อาจจะมีแผนอันใดในใจก็เป็นได้
แต่ถึงแม้ว่าเหรินซ่งอี้จะถูกควบคุมและจับตามองมากเพียงใด แต่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นและท่าทางใจดีของมารดา ก็ทำให้เด็กน้อยไม่อาจจะสลัดออกไปจากความคิดได้
นางต้องการอีก!
ต้องการท่านแม่
คิดแล้วก็รีบแอบหาโอกาสไปหามารดาของตนทันที
