ตอนที่ 3 : สตรีร้ายกาจยังคงร้ายกาจเช่นเดิม
ตอนที่
[3]
สตรีร้ายกาจยังคงร้ายกาจเช่นเดิม
ฝู่อ้ายพยายามที่จะประคองถาดอาหารด้วยความระมัดระวังพร้อมกับพยายามไม่สบสายตาอันแสนประหลาดของผู้เป็นนายที่จดจ้องตนด้วยสายตาที่เรียกว่า…น่าขนลุกมากเช่นนั้น
“ฮะ ฮูหยินน้อย เหตุใดจึงมองบ่าวเช่นนั้นเจ้าคะ” ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ ทั้งยังเผยรอยยิ้มที่ชวนหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าสายตาเสียอีก เผลอมองแค่แวบเดียวก็เป็นอันต้องหลุบสายตาลง ฝู่อินที่ตามมาทีหลังได้แต่มองเหตุการณ์ด้วยความไม่เข้าใจ เฟยอี้หร่านที่บัดนี้คือกู้ซีฉินหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของสาวรับใช้ สายตาของพวกเขาเหมือนกับคนในสถาบันวิจัย ก่อนจะพูดถึงฉายาที่ตั้งให้นางลับหลัง ผู้หญิงเพี้ยน เพราะนางมักจะมีท่าทางแปลก ๆ ยามที่ค้นพบคำตอบหรือเรื่องตื่นเต้นในสิ่งที่จะทำ
กู้ซูฉินเดินเยื้องย่างไปยังโต๊ะกินอาหาร ใบหน้ายังประดับรอยยิ้ม ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ฝู่อ้ายสบายใจเลยสักนิด นี่ไม่ปกติ ไม่ปกติมาก ๆ
“ฮูหยินน้อยไปล้างหน้าล้างตากันก่อนเถิดเจ้าค่ะ ระหว่างนี้ให้ฝู่อ้ายจัดโต๊ะอาหารรอ” ฝู่อินรีบเสนอ เพราะสงสารฝู่อ้ายที่ถูกฮูหยินเอาแต่จ้องมองเช่นนั้น
“อ้อ ไปสิ” กู้ซูฉินหันมาสบตากับฝู่อินก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังทิศทางของส่วนที่เอาไว้ทำธุระส่วนตัว
ฮู่ว!!
ฝู่อ้ายถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่หายใจแทบไม่ทั่วท้อง คิดแล้ว หญิงสาวจึงได้แต่เอามือลูบอกตนเองเอาไว้ ก่อนจะรีบจัดอาหารรอผู้เป็นนาย หากชักช้าอาจจะโดนลงโทษอีก ทว่าก็แอบกังวลแทนฝู่อิน ไม่รู้จะโดนฮูหยินน้อยกระทำเช่นไรบ้าง
กู้ซูฉินใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวไม่นานก็ออกมาในท่าทางมีชีวิตชีวา นั่งลงประจำที่โต๊ะอาหาร แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งมือบางก็ยังคงไม่จับตะเกียบเสียที สองบ่าวรับใช้ได้แต่หันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าฮูหยินรั้งรออะไรกันแน่
“ฮูหยินน้อยไม่หิวหรือเจ้าคะ” เป็นฝู่อินที่เอ่ยถามขึ้น
“หิวสิ แต่ว่า…” สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์มองสองสาวใช้สลับกัน ทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่สบายใจโดยทันที
“พวกเจ้านั่งกินข้าวกับข้าสิ”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ! / ไม่ได้เจ้าค่ะ!” ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกัน
“รีบปฏิเสธถึงเพียงนั้น” กู้ซูฉินผงกศีรษะช้า ๆ ใบหน้างามยังคงประดับรอยยิ้ม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกในสิ่งที่ต้องการ
“นั่งลงกินข้าวกับข้า โดยเฉพาะเจ้าฝู่อ้าย มานั่งใกล้ ๆ ข้า”
“ฮูหยินน้อย…”
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ มามะเด็กดี มานั่งนี่” กู้ซูฉินกวักมือเรียกอีกฝ่ายด้วยท่าทางอารมณ์ดี หากเป็นผู้อื่นก็คงจะมองว่าช่างเป็นภาพที่น่ารักที่ผู้เป็นนายไม่รังเกียจสาวใช้กระทั่งเรียกมาร่วมโต๊ะอาหารกัน แต่คนในจวนเหรินต่างรู้ดี ว่าหากเป็นกู้ซูฉินนั้นไม่เรียกว่าปกติ โดยเฉพาะสองฝู่ที่ติดตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่บ้านเดิม
“มานั่ง” เมื่อเห็นว่าฝู่อ้ายยังยืนนิ่งกู้ซูฉินจึงถือวิสาสะดึงมืออีกฝ่ายให้มานั่งลงข้างตนเอง
ยิ่งใกล้ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นมากเพียงใด
“ฝู่อินเจ้าก็นั่งลงด้วย” ฝู่อินที่รู้สถานการณ์รีบนั่งลงทันทีด้วยไม่อยากให้ผู้เป็นนายต้องพูดซ้ำ
จากนั้นกู้ซูฉินก็คีบอาหารลงในชามของฝู่อ้ายด้วยความรวดเร็ว จนชามเล็ก ๆ นั่นมีอาหารกองเป็นภูเขา
“เอ่อ ฮะ ฮูหยินน้อย พอแล้วเจ้าค่ะ”
“พอได้อย่างไร เจ้าต้องกินเยอะ ๆ ดูสิตัวผอมหมดแล้ว”
จากนั้นจึงคีบอีกอย่างไม่หยุดมือ จนในที่สุดก็มีอาหารตกลงมาจากถ้วยเล็กนั่น ในตอนนั้นหญิงสาวจึงหยุดมือลง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“หยิบตะเกียบขึ้นมาสิฝู่อ้าย ลองชิมดู”
“ฮูหยินเจ้าคะ บ่าวว่า…”
“อย่าพูดมากเลย กินเข้าไป” ในจังหวะที่ฝู่อ้ายกำลังอ้าปากพูด กู้ซูฉินก็ฉวยโอกาสยัดอาหารเข้าปากอีกฝ่าย แล้วก็พบว่าฝู่อ้ายนั้นคายอาหารออกมาทันที
“ทำไม ไม่กล้ากินหรือ” บัดนี้ใบหน้าของกู้ซูฉินไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย ดวงตาก็เต็มไปด้วยความอันตราย
“หรือว่าอาหารมีอันใด”
“ฮูหยินไม่…”
กู้ซูหยินเข้าไปประชิดฝู่อ้ายในขณะที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ
“ในอาหารมีอันใดใช่หรือไม่ฝู่อ้าย?”
“……” ฝู่อ้ายนิ่งไปด้วยทำอะไรไม่ถูก กู้ซูฉินเห็นเช่นนั้นจึงยกยิ้มครู่หนึ่งก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ชามอาหารที่มีอาหารพูนอยู่แล้วนำอาหารนั้นยัดเข้าปากอีกฝ่ายทันที มืออีกข้างก็จับยึดท้ายท้อยของสาวรับใช้เอาไว้ไม่ให้หลีกหนีไปที่ใด
ฮึก!
“ฮูหยินน้อย คุณหนู…” ฝู่อินเบิกตากว้างขึ้นด้วยึความตกใจ มองฝู่อ้ายที่บัดนี้มีน้ำตาไหลลงมาที่หางตาพยายามหลีกหนีออกจาการเกาะกุมของผู้เป็นนาย
“กินอิ่มแล้วต่อไปก็นอนได้” จากนั้นกู้ซูฉินก็ใช้มือที่เหนียวเหนอะจับเข้าที่ผมของฝู่อ้าย แล้วลากร่างของอีกฝ่ายลงจากเก้าอี้ก่อนจะลากไปตามพื้นอย่างไม่คิดทะนุถนอมร่างบอบบางนั้นเลยแม้แต่น้อย
ฝู่อินนั้นไม่เข้าใจเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย เหตุใดตั้งแต่ที่ฮูหยินน้อยฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เล่นงานฝู่อ้าย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ฝู่อ้ายคือสาวรับใช้ที่ฮูหยินชื่นชอบมากที่สุด ชอบมากกว่าตนที่เติบโตมากับอีกฝ่ายเสียอีก แต่บัดนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปแล้ว ฝู่อินที่กำลังสับสน รู้ตัวอีกที ฝู่อ้ายก็โดนลากออกไปจากห้องเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อก็ได้แต่รีบวิ่งตามไปติด ๆ
กู้ซูฉินลากร่างของสาวรับใช้ผ่านหน้าบ่าวรับใช้ในเรือนไปโดยไม่สนใจอันใด หนึ่งในผู้พบเห็นจึงได้รีบวิ่งไปรายงานคนที่เรือนใหญ่ทันที ด้วยท่าทางของฝู่อ้ายนั้นดูไม่ได้เลยสักนิด
แม้ว่าจะเพิ่งได้มาใช้ชีวิตที่นี่แต่หญิงสาวจากโลกอนาคตก็ได้เห็นภาพที่เกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้าของกู้ซูฉินคนเก่าอย่างละเอียดแล้ว จึงไม่เป็นการยากที่จะเดินไปยังจุดหมายในเรือนนี้ได้อย่างราบรื่น
พลั่ก!
หญิงสาวผลักร่างของฝู่อ้ายเข้าไปในห้องเก็บของเก่าที่ถูกปิดเอาไว้แทบไม่ได้ใช้งาน ด้วยความแรงไม่เบา ทำให้ร่างของฝู่อ้ายหงายหลังลงที่พื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นทันที
“ฮูหยินน้อย ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าคะ ฮึก บ่าวทำอันใดผิดเจ้าคะ” ฝู่อ้ายนำมือมาถู ๆ กันร้องขอชีวิตตนเองด้วยความน่าสงสาร
“ความผิดเจ้าหรือ หึ มีแน่ แต่ข้ายังไม่บอก” กล่าวเพียงเท่านั้นก็รีบเดินออกจากห้องก่อนจะสั่งการฝู่อินที่ตามมาติด ๆ
“เอาแม่กุญแจมาปิดห้องไว้” ฝู่อินหันไปสบตาฝู่อ้ายครู่หนึ่ง เห็นใจก็เห็นใจ แต่ตนก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นนายได้ จึงรีบทำตามคำสั่งทันที ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องไห้และเคาะประตูของฝู่อ้ายที่ดังขึ้นไม่หยุด ฟังแล้วน่าเวทนายิ่ง
“สงสารนางหรือ” ราวกับรู้เท่าทันความคิด กู้ซูฉินจึงเอ่ยขึ้น ก่อนจะจับเข้าที่มือของสาวรับใช้อีกคนของตน ฝู่อินสะดุ้งโหยงทันที แต่ก็ไม่ได้ชักมือออก
“ข้าไม่ทำอะไรที่ไร้เหตุผลหรอกฝู่อิน ไป ข้าจะไปเล่าให้เจ้าฟัง”
กู้ซูฉินคิดจะพาฝู่อินไปอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่ทันจะจากไปที่ใด เสียงดุดันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“กู้ซูฉินเจ้าจะหยุดร้ายกาจได้เมื่อใด!!”
อ่า ดูท่าไม่ใช่ฝู่อินเพียงคนเดียวที่นางจะต้องอธิบาย ยังมีสามีผู้หล่อเหลาผู้นี้อีกคน
