ขอไปด้วย
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ”
“คือว่า เอ่อ” เขาเปรยตามองแม่นางจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายของตัวเองด้วยท่าทีอึกอัก เพราะไม่รู้ว่าควรเอ่ยให้นางได้ยินหรือไม่
“จวนสกุลลู่ให้คนนำเทียบเชิญมาให้ท่านขอรับ”
“เทียบเชิญอะไร”
“เทียบเชิญงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูสกุลลู่ขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว”
“ข้าขอไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ” นางถามชายหนุ่ม จินซูซินมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าสตรีแซ่ลู่นี้อาจมีความสัมพันธ์พิเศษกับคู่หมั้นของนางเป็นแน่ มีอย่างที่ไหนกันที่คนจากตระกูลลู่จะเจาะจงส่งเทียบเชิญให้แม่ทัพหนุ่มโดยตรง ทั้งที่สกุลเฉินยังมีนายท่านอย่างใต้เท้าเฉินต้าจงกับฮูหยินเฉินอยู่ทั้งคน
“เจ้าจะอยากไปทำไมกัน” เขาคาดคั้นถาม
“ข้าเป็นคู่หมั้นของท่าน หากท่านไปที่ใดข้าย่อมต้องติดตามไปด้วย”
“เจ้าคงเข้าใจอันใดผิดไปกระมัง แม้ข้ากับเจ้าจะเป็นคู่หมั้นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องพาเจ้าไปด้วยทุกที่”
“ตั้งแต่มาอยู่ที่เมืองหลวง ข้าไม่เคยได้ออกจากจวนไปที่ใดเลยสักครั้ง คงดีไม่น้อยถ้าได้ออกไปพบปะผู้คน” เอ่ยจบก็ใช้มือทั้งสองข้างโอบลำแขนแกร่งของคู่หมั้นเอาไว้พร้อมกับใช้สายตาออดอ้อน เพื่อหวังว่าเขาจะใจอ่อนให้นางไปด้วย
“ทำเช่นนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่ใช่บุรุษที่จะแพ้ทางเล่ห์เหลี่ยมสตรี” ว่าแล้วแกะมือนางออกทันที
“ไหนท่านบอกว่าจะดูแลข้าเป็นอย่างดีอย่างไรเล่าที่แท้ก็แค่พูดปด ข้าแค่อยากออกจากจวนบ้างเท่านั้นเอง”
“เจ้าอยู่ในจวนน่ะดีแล้ว อย่าได้ออกไปเจอผู้คนเลย สตรีในเมืองหลวงแตกต่างจากเจ้า”
จินซูซินได้ยินคำพูดดูถูกของชายหนุ่มนางเดินกำหมัดแน่นกลับเรือนไปด้วยความเสียใจ เมื่อคนที่นางชอบพอมองนางแง่ลบถึงเพียงนั้น แค่เกิดมาเป็นนางทุกอย่างในสายตาเขาล้วนไม่ดีทั้งสิ้น
ทางฝ่ายของเฟยฉีของได้แต่มองตามแผ่นหลังอันบอบบางด้วยความงุนงง ว่าเหตุใดจู่ ๆ หญิงสาวถึงได้เดินหันหลังไปเช่นนั้น
“เป็นอะไรของนาง เมื่อครู่ยังพูดจาอยู่ดี ๆ แท้ ๆ”
“น่าสงสารแม่นางจินนะขอรับ”
“เจ้าจะสงสารนางทำไมกัน”
“ก็มีคู่หมั้นทั้งที แต่คู่หมั้นกลับไม่สนใจไยดีสักนิด”
“นี่เจ้าว่าข้าอย่างนั้นหรือ”
“บ่าวมีหรือจะกล้าว่าท่านแม่ทัพ”
“เฮ้อ” เขายกมือมากุมขมับด้วยความปวดหัว
“ให้นางไปเถิดขอรับ หากท่านแม่ทัพไปคนเดียวเกรงว่าอาจถูกผู้คนครหาได้ ว่าทิ้งคู่หมั้นไว้ให้เหี่ยวเฉาอยู่แต่ในเรือนส่วนตัวเองกลับเข้าร่วมงานรื่นเริงตามลำพัง ท่านก็รู้ว่าที่เมืองหลวงข่าวลือต่าง ๆ แพร่ไปเร็วเสียยิ่งกว่าสิ่งใด หากเรื่องพวกนี้ดังเข้าหูนายหญิงมีหวังท่านได้หูยานแน่ขอรับ”
เขาใช้เวลานึกไต่ตรองถึงผลได้เสียชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยยามคิดว่าถ้ามารดาของเขากลับมามีหวังได้บ่นเขาจนหูชาและคงถูกจับให้แต่งงานกับจินซูซินเร็วขึ้นแน่
“เช่นนั้นก็ได้”
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็รีบเดินตามแม่นางจินไปสิขอรับ”
“ทำไมข้าต้องทำตามที่เจ้าบอกด้วยเล่า”
“ดูจากท่าทางเย็นชาไม่พูดไม่จาของแม่นางจินแล้วท่านควรเป็นคนไปบอกนางด้วยตัวเองนะขอรับ”
“ไม่จำเป็น หากข้าทำเช่นนั้นนางอาจคิดเข้าข้างตัวเองว่าข้าคิดอันใดกับนาง”
“เช่นนั้น...”
“เจ้าให้คนไปบอกนางเสีย”
“ให้บ่าวไปบอกเองไม่ดีกว่าหรือขอรับ”
“เจ้าเป็นบุรุษ ส่วนนางเป็นสตรี จะให้อยู่พูดคุยกันส่วนตัวได้เยี่ยงไร ข้าบอกให้ส่งสาวใช้ไปก็ส่งไปเสีย อย่าได้มากความ”
“ขอรับ”
ระหว่างเดินทางผ่านลานซักล้างจินซูซินมองเห็นสาวใช้นางหนึ่งถูกบรรดาสาวใช้คนอื่นรังแก เบื้องหน้าของนางเต็มไปด้วยกองผ้ากองใหญ่ที่สาวใช้คนอื่นโยนมาให้สตรีนางนั้นเป็นคนซักล้าง ภาพที่เห็นทำให้นางกำหมัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ
