สั่งสอนให้รู้ฤทธิ์
แม้ไม่ได้รู้จักหรือแม้กระทั่งเคยเห็นหน้าสาวใช้คนนั้นสักครา แต่กลับรู้สึกราวกับเห็นภาพในอดีตของตัวเองผุดขึ้นมา ไวเท่าความคิดซูซินเดินก้าวเท้าเข้าไปหาพวกนางเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้ สองมือของนางกระชากเข้าที่ศีรษะสาวใช้สองคนอย่างแรงจนพวกนางร้องโอดโอยเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
“ใครกัน! กล้ามาทำร้ายข้า”
“จะใครเล่า ถ้าไม่ใช่ข้า” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมตอบกลับทันควัน ผิดกับใบหน้างดงามของนาง ถ้าหากผู้ใดได้พบเข้าคงลุ่มหลงไปตาม ๆ กัน
“มะ...แม่นางจิน”
“พวกเจ้ากล้ารังแกนางได้อย่างไรกัน มิรู้หรือว่านางเป็นสาวใช้ของข้า”
“นางจะเป็นสาวใช้ของท่านได้เช่นไร เห็น ๆ อยู่ว่านางเพิ่งถูกซื้อตัวมาเมื่อไม่กี่วันก่อน”
“เช่นนั้นจงรู้ไว้เสีย ว่านับแต่นี้ไปนางคือสาวใช้ส่วนตัวของข้า ใครกล้ารังแกนางอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!” เอ่ยจบก็ผลักพวกนางทั้งสองคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
“โอ๊ย!”
“ท่านถือดีอย่างไรถึงได้กล้ามาทำร้ายสาวใช้ในสกุลเฉิน เป็นแค่กาฝากแท้ ๆ”
“เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือตบหน้าสาวใช้ที่พูดจาสามหาวดังขึ้นหลายที จนแก้มทั้งสองข้างของนางเกิดรอยแดงช้ำเพราะถูกตบ
“แม้ข้าจะเป็นกาฝาก แต่ก็สูงศักดิ์กว่าพวกเจ้า เป็นแค่บ่าวอย่าได้คิดมาเทียบเคียงข้า ส่วนเจ้าตามข้ามา” ท้ายประโยคนางหันไปบอกสาวใช้ที่ถูกรังแก
ลี่ซือเดินตามหลังสตรีแปลกหน้าด้วยความงุนงง นางเพิ่งถูกขายมาที่จวนสกุลเฉินเมื่อสามวันก่อนจึงไม่รู้ว่าเจ้านายของนางเป็นใคร กระทั่งเดินมาถึงเรือนหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเรือนใหญ่ฝีเท้าของทั้งคู่ถึงได้หยุดลง
“ทายาเสีย” จินซูซินเอ่ยแกมสั่ง ยามเห็นรอยฟกช้ำที่แขนของนางเข้าจึงได้นำยาที่นำมาจากหนานจิงส่งให้นาง ดูจากรอยที่แขนดูท่าแล้วนางคงถูกทุบตีมาแน่ ๆ
“ขอบใจเจ้าค่ะ” ว่าพลางยื่นมือไปรับยาเอาไว้
“เจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ” เมื่อสงบสติอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองได้แล้วจึงได้เอ่ยถาม
“ข้าชื่อลี่ซือเจ้าค่ะ”
“เจ้าเพิ่งมาอยู่ที่จวนสกุลเฉินใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“เหตุใดถึงได้ยอมให้พวกนางรังแกอยู่ฝ่ายเดียว”
“…” เมื่อไม่เห็นนางตอบ จินซูซินจึงถอนหายใจออกมา
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ข้าไม่บังคับเจ้า นับแต่นี้เจ้าก็อยู่ที่เรือนนี้กับข้า ตรงสุดทางเดินมีห้อง ๆ หนึ่งว่างอยู่ ข้ายกให้เป็นห้องนอนของเจ้าก็แล้วกัน”
“ห้องนอนอย่างนั้นหรือ”
“ทำไมงั้นรึ”
“บ่าวจะกล้ามีห้องนอนส่วนตัวได้อย่างไรเจ้าคะ เดิมทีสาวใช้ทุกคนต้องนอนรวมกันที่เรือนคนรับใช้”
“หากเจ้าอยากถูกพวกนางรังแกอีกก็ตามใจเจ้าเถิด ส่วนเรื่องห้องส่วนตัวที่จวนนี้ไม่ได้มีกฎว่าสาวใช้ทุกคนต้องไปนอนรวมกันเสียหน่อย” นางตอบ เพราะอ่านกฎระเบียบภายในจวนตระกูลเฉินจนจำได้ขึ้นใจว่าสิ่งไหนสามารถทำได้หรือไม่ควรกระทำ
ลี่ซือใช้เวลาคิดชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าตกลงเพราะไม่อยากถูกผู้ใดรังแกและทุบตีอีก สามวันมานี้นางถูกกลั่นแกล้งทุกวันจนร่างกายบอบช้ำไปหมดแล้ว
“ลี่ซือ ขอบคุณแม่นาง”
“อย่าเรียกข้าว่าแม่นางเลย เรียกข้าว่าคุณหนูเถิด”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
“ที่เรือนนี้ไม่มีสาวใช้มารบกวน เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้ใดมาทำร้ายอีก”
“ทำไมท่านถึงได้เมตตาข้าถึงเพียงนี้ล่ะเจ้าคะ” นางอดสงสัยได้จึงได้เอ่ยปากถามออกไป
“ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ข้าแค่ไม่อยากเห็นคนถูกรังแกก็เท่านั้น”
“บุญคุณครั้งนี้ บ่าวขอตอบแทนท่านด้วยชีวิต”
“อย่าได้ทำเช่นนั้นเลย ข้าไม่ยินดีสักนิดที่เจ้าจะแลกชีวิตของตัวเองเพื่อข้า จงใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเถิด ข้าเองก็จะใช้ชีวิตนี้เพื่อตัวเองเช่นกัน”
เรือนที่ฮูหยินเฉินให้นางอาศัยอยู่ค่อนข้างเงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวนซึ่งซูซินพึงพอใจเป็นอย่างมากเพราะตัวนางค่อนข้างรักความสงบ แม้กระทั่งสาวใช้ทุกคนที่ถูกส่งมาให้ดูแลนางพอตกเย็นพวกนางต่างกลับเรือนนอนของตัวเองไป ไม่ได้มีการเฝ้ายามที่หน้าเรือนแต่อย่างใดตามความต้องการของหญิงสาว
