ตัวประกัน
@Ss club
“อีฝ้าย อีฝ้าย อีฝ้ายยยยยย” เสียงตะโกนของอีเจ๊ดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่ไม่สุขหันซ้ายหันขวา ทำให้ฉันต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“อะไรของมึงอีเจ๊ ตะ...ตกใจหมดเลย”
“เป็นอะไรของมึงนั่งหันซ้ายหันขวา” อีเจ๊ถามขึ้น แล้วอีเจ๊ที่ว่าก็คือโอลีฟ นางชื่อโอลีฟ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เจอที่คลับ คุยกันไปคุยกันมาแล้วถูกคอ จนได้มาสนิทกันนี่แหละ ส่วนอีกคนก็ชื่อซอส เป็นเพื่อนสนิทฉันเหมือนกัน
“กูรู้สึกเหมือนมีคนตาม” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึก เพราะสองถึงสามวันมานี่ ฉันรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตาม แต่พอหันไปก็ไม่เจอใคร
“ใคร?” อีเจ๊ลีฟกระซิบถามขึ้นก่อนที่จะหันซ้ายหันขวาตามฉัน
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูรู้สึกจริงๆ นะอีเจ๊”
“ไม่เห็นมีใครเลย กูว่ามึงหลอน”
“กูไม่ได้หลอน กูพูดจริงๆ” ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันรู้สึกจริงๆ ฉันไม่ได้คิดไปเอง
“......” พวกมันต่างหันมามองฉันเพื่อจับพิรุธเพราะฉันพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ก็ฉันไม่ได้มีศัตรูหรือคู่อริที่ไหน มันเลยค่อนข้างเชื่อได้ยาก
“ขะ...ขอตัวก่อนนะ จะไปเข้าห้องน้ำน่ะ” ฉันหันไปบอกอีเจ๊ลีฟที่นั่งอยู่ข้างๆ
“รีบไปรีบมา”
“เดี๋ยวรีบมา” ฉันดีดตัวลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกมาเข้าห้องน้ำ เพราะบางทีฉันอาจจะเมาแล้วคิดไปเองก็ได้ ฉันเลยอยากไปล้างหน้าล้างตา
ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังฉัน ในขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากห้องน้ำแต่พอฉันหันไปมองปรากฎว่าไม่เจอใคร ฉันสาวเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของฉันมันเต้นรัวๆ จนแทบจะทะลุออกจากอกเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
ตึกตัก ตึกตัก! หมับ!
“กรี๊ดดด อุ๊บส์!” ฉันร้องกรี๊ดออกมาเมื่อถูกล็อกคอโดนเอามือปิดปากจากทางด้านหลัง
“มึงจะร้องทำห่าอะไรนี่กูเอง” เสียงอีซอสดังขึ้นข้างหูฉัน
“เอ้า!! อีห่านจิก กูก็นึกว่าใคร” ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ อยากจะเอามือฟาดหน้ามันสักทีสองที เล่นตามมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เกือบได้จระเข้ฟาดหางมันแล้วมั้ยล่ะ
“เป็นอะไรของมึง จับนิดจับหน่อยจะร้องโวยวายเพื่อ?” ซอสถามขึ้นก่อนที่จะจ้องหน้าฉันที่กำลังเลิกลั่กอยู่ตอนนี้ ไอ้เราก็คิดว่าใคร
“ปะ...เปล่า ไม่ได้เป็นไร เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะ” ฉันเบี่ยงประเด็นพูดออกไป
“เอ้า!! ทำไมรีบกลับอ่ะ?”
“พอดีว่ารู้สึกปวดหัวน่ะ”
“เออๆ ขับรถดีๆ” ซอสบอกฉันก่อนที่จะมองสำรวจฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เมาแล้วรู้สึกมึนนิดหน่อย
“แล้วเจอกัน” ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่จะรีบสาวเท้าเดินออกมาจากตรงนั้น
ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงรองเท้าส้นสูงของฉันดังกระทบกับพื้นอีกครั้ง ในขณะที่เดินมายังลานจอดรถชั้นใต้ดินของคลับเพื่อที่จะมาขึ้นรถ โชคยังดีที่ยังพอมีไฟสีส้มสลัวๆ ยังพอให้เห็นอยู่บ้าง ฉันเลยพอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร หลายวันมานี่ฉันรู้สึกหวาดระแวงจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังลงจากรถเพื่อที่จะเดินไปเปิดประตูบ้าน แล้วคนที่โทรมาไม่ใช่ใครเป็นเจ๊โอลีฟ ฉันเลยกดรับสายในทันที
“ว่าไงอีเจ๊” ฉันกดเสียงใส่สายปลาย
(อีซอสบอกว่ามึงไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง?)
“ดีขึ้นมากแล้ว เจ๊ไม่ต้องเป็นห่วง”
(แล้วนี่ถึงบ้านหรือยัง?)
“ถึง....อึกกก อื้อออ” ฉันพูดไม่ทันจบก็รู้สึกว่ามีคนล็อกคอฉันจากทางด้านหลังในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวขาเข้ามาในบริเวณบ้านพร้อมเอาผ้าปิดจมูกปิดปากฉันไว้ ก่อนที่ใครคนนั้นจะกระชากโทรศัพท์ฉันออกจากมือ
(อีฝ้ายมึงเป็นอะไร ฝ้าย ฝ้าย อีฝ้าย)
“อึกกก ตู๊ดดดด” ฉันดิ้นไปดิ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเจ๊โอลีฟที่ดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ก่อนที่จะรู้สึกมึนและเบลอๆ แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ ดับไป
ซ่า!! น้ำอะไรบางอย่างถูกสาดเข้ามากระทบที่ใบหน้าของฉันเต็มๆ จนฉันต้องสำลักตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามันแสบจมูกแสบใบหน้าไปหมด แต่มันคือที่ไหนก็ไม่รู้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแถมฉันยังโดนมัดมือไพล่หลังปิดตาไว้อีก ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยทุกอย่างมันดูมืดไปหมด
“พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไมปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ฉันร้องตะโกนออกไปอย่างร้อนรน
“ปล่อยสิวะ ปล่อยเดี๋ยวนี้ คอยดูนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกแกให้หมด” ฉันร้องโวยวายขึ้นอีกเพราะรู้สึกว่าในห้องนี้ห้องที่ฉันอยู่มันมีคนมากกว่าสองคน ฉันรู้สึกแบบนั้น
“ถ้าอยากให้ปล่อย ก็บอกมาว่าไอ้เสี่ยไตรภพมันอยู่ไหน?”
“????” ฉันนั่งเงียบก่อนที่จะหยุดนิ่งไม่ขยับ คนพวกนี้รู้จักคุณลุงด้วยงั้นเหรอ
“บอกมาว่ามันอยู่ไหน?” เขาพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“กะ...แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” ฉันอึกอักตอบออกไป ถ้าฉันบอกที่ซ่อนคุณลุง พวกเขาจะทำอะไรคุณลุงหรือเปล่า
“เอามันไปให้นาย”
หมับ!! สิ้นสุดคำพูดของคนพวกนั้น ร่างของฉันก็ถูกกระชากให้ลุกขึ้นอย่างแรงก่อนที่เขาจะฉุดกระฉากลากถูฉันให้เดินตาม
“อย่าดิ้นไม่งั้นไส้แตก!!”
“......” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งชะงักแล้วยอมเดินตามแต่โดยดี เมื่อฉันเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของฉันตอนนี้มันเริ่มที่จะไม่ปลอดภัย
แกร่ก!!! เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างของฉันจะถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มลงไปที่พื้น ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน มีแค่เพียงพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบที่ฉันสัมผัสได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของฉันตอนนี้มันเงียบสงัด เงียบจนฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
พรึ่บ!! ผ้าปิดตาถูกกระชากออก ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ ปรับสายตามองไปบริเวณรอบๆ ห้อง ที่มันดูคล้ายๆ เป็นห้องเก็บของอะไรสักอย่าง ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะเห็นผู้ชายคนนึงที่ยืนมองฉันอยู่กลางห้อง บุคลิกท่าทางของเขามันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“บอกมาว่าเธอเอาพ่อของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน?” เขาพูดขึ้นก่อนที่จะเดินมาหาฉันที่นั่งนิ่งไม่ขยับ
“พ่อ?” ฉันทวนคำถามขึ้นอีกครั้ง พ่องั้นเหรอ ลูกของคุณลุงไตรภพมีแค่พี่สงครามคนเดียว แต่พี่สงครามกับแม่ของเขาได้ตายไปเมื่อหลายปีที่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ หรือบางทีพี่สงครามอาจจะยังไม่ตายงั้นเหรอ
“......” เขายืนมองหน้าฉันนิ่งอยู่แบบนั้น ก่อนที่ฉันจะจ้องมองเข้าไปในแววตาของเขา มันจะมีแค่เสี้ยววินาทีที่สายตาคู่นั้นเป็นของพี่สงครามที่เขาเคยใช้มองฉัน ฉันจำมันได้ดี แต่มันก็เป็นแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะปรับสายตาให้มาเรียบนิ่งเหมือนเคย
“พะ...พี่สงคราม!!” ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เป็นเขาจริงๆ เขาก็คือพี่สงคราม พี่สงครามยังไม่ตาย เขายังไม่ตาย
แกร่ก!! ปลายกระบอกปืนสีดำมันวาวของเขาจ่อมาที่ขมับของฉันพร้อมสายตาที่เรียบนิ่งของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขามันดูเปลี่ยนไป เขาไม่เหมือนพี่สงครามคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก
