บท
ตั้งค่า

คำเตือนจากสงคราม

หลายวันต่อมา

@มหาวิทยาลัย

“ฝ้ายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยถามแฟนสาวเพราะหลายวันมานี้เขาเห็นเธอไม่ค่อยร่าเริงเหมือนปกติ

“ไม่สบายนิดหน่อยนะ” ฝ้ายตอบกลับแฟนหนุ่มของเธอพลางแย่งแก้วน้ำหวานในมือของเขามาดื่ม แล้วปรับสีหน้ายิ้มให้เป็นปกติเพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ให้แฟนหนุ่มของเธอสงสัยหรือถามอะไรต่อ

“งั้นเลิกเรียนมาหาทิวที่หลังตึก ทิวจะพาไปหาหมอ” แฟนหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่วันที่เธอหายตัวไปแล้วกลับมา ทิวก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแฟนสาวของตัวเอง ฝ้ายดูซึมลง ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวนอนพักก็คงหาย” หญิงสาวตอบกลับพลางฝืนยิ้มกว้างให้ ถึงแม้ภายนอกของเธอมันจะดูเป็นปกติดีทุกอย่างแต่ภายในใจเธอมันกับแหลกสลายไปหมดแล้ว ภาพการกระทำทุกอย่าง เหตุการณ์ที่เลวร้ายนั่น เธอไม่สามารถลืมมันได้เลย

“ฝ้ายเป็นอะไรบอกทิวได้นะ” แฟนหนุ่มถามอีกครั้งด้วยความรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวจริงๆ

“ขอบใจทิวมากนะ แต่ฝ้ายไม่ได้เป็นอะไรแล้วจริง ๆ”

“งั้นตอนเย็นหลังเลิกเรียนเดี๋ยวทิวมารับ”

“อืม แล้วเจอกัน”

สิ้นสุดประโยคบทสนทนา หญิงสาวก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้น ความรู้สึกผิดในใจของเธอมันยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเวลา แล้วหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอจะรับได้ไหมถ้าเขารู้ว่าเธอไปเจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้ ฝ้ายรู้สึกผิดในใจแต่ก็ไม่อยากเสียแฟนหนุ่มไปเช่นกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่บอกเรื่องนี้กับเขาเด็ดขาด

หลังเลิกเรียน...

“วันนี้กินอะไรดี?” ทิวถามขึ้นในขณะที่สอดส่องสายตามองร้านอาหารนับร้อยนับสิบที่ตั้งเรียงรายกันแบบละลานตาที่ห้างสรรพสินค้า

“กินอาหารญี่ปุ่นก็ได้ ไม่ได้กินนานแล้ว” ฝ้ายพูดขึ้นก่อนที่จะชี้ไปยังร้านอาหารโปรดของเธอและเขาที่ไม่ได้มาทานด้วยกันสักพักนึงแล้ว

“ถ้ากินข้าวเสร็จไปดูหนังกันต่อดีไหม?” แฟนหนุ่มถามขึ้นอีกก่อนที่จะจับมือฝ้ายให้เดินตามไปที่ร้านอาหารที่ต้องการ

ทุกการกระทำหญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคนจับตามองเธอทุกฝีก้าว ฝ้ายไม่ได้ระแคะระคายหรือรู้สึกแปลกใจอะไรเลยสักนิดว่ามีคนจ้องมองเธออยู่ เธอยังใช้ชีวิตเรื่อยมาคือกินนอนเที่ยวเล่น ไปไหนมาไหนกับทิวตามปกติ

“อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว ฝ้ายมีแพลนที่จะทำอะไรต่อไหม?” ทิวถามขึ้นในขณะที่เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าเพื่อมาขึ้นรถที่จอดอยู่ชั้นใต้ดินหลังจากที่พาฝ้ายทานข้าวดูหนังเสร็จ

“ยังไม่ได้คิดเลย แล้วทิวล่ะ มีแพลนจะทำอะไรบ้าง?” หญิงสาวถามกลับก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินขนมที่แฟนหนุ่มซื้อให้อย่างเอร็ดอร่อย

“ขอฝ้ายแต่งงานไง” ทิวยิ้มออกมาบางๆ มองหน้าฝ้ายที่กำลังเคี้ยวขนมจนแก้มตุ่ยอยู่บนรถ

“......” หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่แฟนหนุ่มพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงยิ้มกว้างดีใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ ไม่อยากแต่งหรอ?” ทิวถามขึ้นเมื่อหญิงสาวหน้าถอดสีแล้วหยุดชะงักไป

“ฝ้ายต้องถามทิวมากกว่าว่าอยากแต่งงานกับฝ้ายจริงๆ หรือเปล่า?”

“อยากสิ ทิวอยากแต่งงานกับฝ้าย” แฟนหนุ่มถามกลับพลางจ้องหน้าหญิงสาวอีกครั้ง

“......”

“แล้วฝ้ายล่ะ อยากแต่งงานกับทิวหรือเปล่า?”

“ยะ...อยากสิ ฝ้ายอยากแต่งงานกับทิว” หญิงสาวยิ้มบางๆ ตอบกลับไปพลางดึงมือของแฟนหนุ่มมาจับ

“รอทิวนะฝ้าย”

“อีกนานไหมทิว” หญิงสาวถามขึ้นอีก เพราะเธอแค่ไม่อยากเสียคนดีๆ อย่างทิวไป

“ทิวสัญญาว่าไม่นาน”

“ฝ้ายจะรอ” หญิงสาวยิ้มกว้างออกมา ใบหน้าของเธอค่อยๆ เห่อร้อนเมื่อได้สบตากับแฟนหนุ่มที่เธอรู้สึกดีด้วย

รถยนต์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของหญิงสาวเหมือนอย่างเคย ก่อนที่ฝ้ายจะเปิดประตูลงรถมาแล้วกล่าวคำร่ำลาเหมือนทุกครั้ง พอได้อยู่กับทิวอย่างน้อยมันก็พอจะทำให้เธอลืมเรื่องราวร้ายๆ เหล่านั้นได้บ้าง

“กลับมาแล้วค่ะ” ฝ้ายเอ่ยทักทายพ่อกับแม่ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านเหมือนทุกวัน แต่เธอก็ต้องพบกับความว่างเปล่าเมื่อพ่อกับแม่ของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่

“ห่างผัวแค่ไม่กี่วัน รู้สึกว่าจะคันเหลือเกินนะ”

เสียงของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังสอดส่องสายตาหาพ่อกับแม่ ขาเรียวของหญิงสาวก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นบุคคลที่ทำให้หัวใจเธอกระตุกวูบ ริมฝีปากบางสั่นระริกพลางขยับเรียกชื่อคนตรงหน้า

“สงคราม” ฝ้ายเอ่ยชื่อชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอาการสั่นเทา ทุกครั้งที่เธอเห็นหน้าเขา ภาพเหตุการณ์ที่เลวร้ายมันจะวนเวียนเข้ามาอีกครั้ง หญิงสาวไม่รู้ว่าเขามาที่นี่อีกทำไม แล้วการที่พ่อกับแม่เธอหายไปนั่นเป็นเพราะฝีมือเขาด้วยหรือเปล่า

“นึกว่าจะโดนฉันเอาจนสมองเสื่อมไปแล้วซะอีก”

“พ่อกับแม่ฉันอยู่ไหน?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนรนเพราะเธอไม่สามารถติดต่อพ่อกับแม่ได้ในตอนนี้ แล้วเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสงครามต้องมีส่วนรู้เห็นการหายตัวไปของพ่อกับแม่เธอแน่นอน

“......”

“นายเอาพ่อกับแม่ฉันไปไว้ที่ไหน” หญิงสาวถามขึ้นด้วยอาการลนลานเพราะตอนนี้เธอไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เธอจะเป็นยังไงบ้าง แล้วชายหนุ่มเลือดเย็นพาพ่อกับแม่ของเธอไปไว้ที่ไหน

“พูดจากับผัวให้มันดีๆ หน่อย” สงครามแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะเลื่อนมือหนามาบีบคางมนของหญิงสาวจนเธอรู้สึกเจ็บ

“เลิกพูดจาทุเรศๆ แบบนี้สักทีเถอะ ฉันจะอ้วก!”

“......”

“แล้วนายก็ควรที่จะเลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันสักที แล้วบอกฉันมาว่าพ่อกับแม่ฉันอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวถามขึ้นอีกครั้ง

“เธอนั่นแหละที่ควรจะเลิกวุ่นวาย” ชายหนุ่มตอบกลับมาพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาหนักใส่ใบหน้าของหญิงสาว ราวกับว่าเขาสามารถที่จะทำอะไรกับเธอก็ได้

“......” ฝ้ายได้แต่ยืนเม้มปากกำมือแน่นมองหน้าสงครามอยู่แบบนั้นด้วยความเคียดแค้น ถ้าเธอมีปืนหนึ่งกระบอกอยู่ในมือ เธอจะยิงเขาแบบไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“เลิกวุ่นวายกับไอ้เหี้ยนั่นซะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“แล้วทำไม ฉันต้องทำตามที่นายบอก” หญิงสาวเชิดหน้าถามสงครามแบบไม่เกรงกลัว เพราะเธอแค่อยากรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของสงครามว่าทำไมต้องคอยมาตามราวีระรานเธอไม่เลิกลา

“ถ้าไม่อยากให้มันตาย เธอก็อย่าอยู่ใกล้มัน!”

“นายจะทำอะไรทิว อย่านะ” สิ้นสุดของคำพูดสงคราม หญิงสาวก็ถามออกมาด้วยความร้อนรน แฟนหนุ่มของเธอไม่ได้ผิดอะไร

“หึ” สงครามแสยะยิ้มออกมาพลางจ้องหน้าหญิงสาวที่กำลังแสดงท่าทางอาการร้อนรนจะเป็นจะตายเมื่อพูดถึงแฟนหนุ่ม สงครามติดใจเรือนร่างของหญิงสาว เขาอยากจะเก็บเธอไว้เป็นสมบัติส่วนตัวของเขาเพียงคนเดียว

“อย่าทำอะไรทิว”

“เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”

“แต่นายไม่มีสิทธิ์ทำร้ายพวกเขา บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเอาพ่อกับแม่ของฉันไปไว้ที่ไหน?” ฝ้ายพูดขึ้นอีกครั้ง ในชีวิตของเธอพ่อกับแม่สำคัญที่สุด แล้วจู่ๆ สงครามก็ทำให้พวกท่านหายไป

“สิทธิ์ของความเป็นผัวเธอไง!” ชายหนุ่มตอบกลับมา

“นายข่มขืนฉัน ฉันไม่ได้เต็มใจ” หญิงสาวขึ้นเสียงแย้งขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาก็รับรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่ได้เต็มใจมีอะไรกับเขาเลยสักนิด

“แล้วอยากโดนแบบเต็มใจไหมล่ะ?”

“มะ...หมายความว่าไง” หญิงมองหันขวับไปมองหน้าสงครามทันทีที่เขาพูดจบ สิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง เต็มใจอะไร

“ถ้าอยากรู้ว่าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่ไหน เธอก็ต้องรับข้อเสนอของฉัน”

“ไม่” หญิงสาวปฏิเสธขึ้นในทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“จะไม่คิดให้ดีก่อนเหรอ?” สงครามหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับท่าทางจองหองของหญิงสาว

“ไม่ ฉันไม่คิดอะไรทั้งนั้น”

“ถ้างั้นก็รอรับสภาพพ่อกับแม่ของเธอได้เลย” ชายหนุ่มพูดแค่นั้นก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องให้จัดการอะไรบางอย่างด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น สิ้นสุดคำสั่งของสงครามหญิงสาวได้ฟังดังนั้นก็สติหลุดร้องลั่นออกมาราวกับคนบ้า

“กรี๊ดดด สะ...สงครามอย่า” ฝ้ายร้องขึ้นพลางก้มลงกอดขาอ้อนวอนชายหนุ่มเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีแก่ใจว่าคนเลือดเย็นอย่างสงครามสามารถทำเลวได้ทุกอย่าง

“......”

“ฉันยอมแล้ว นายอย่าทำอะไรพ่อกับแม่ของฉันเลยนะ ได้โปรด” น้ำตาของหญิงสาวไหลลงมาอาบแก้มนวลทั้งสองข้างอย่างคนหมดหนทาง เธอจะยอมทำทุกอย่างขอแค่ให้พ่อกับแม่ของเธอปลอดภัย

“ไปกับฉัน ถ้าไม่อยากให้คนรอบตัวของเธอฉิบหายกันหมด”

“......”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel