ตอนที่ห้า เจ้ามาจากที่ใด (NC)
ตอนที่ห้า เจ้ามาจากที่ใด
“อื้อ...เสียวดีจัง”
เสียงกระเส่าร้องออกมาก่อนจะเริ่มโยกย้ายส่ายเอวเด้งขึ้นเด้งลงอย่างคึกคัก สองตามองจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างยั่วยวน
ชายหนุ่มถูกความเสียวสาดซัดจนไม่อาจอดกลั้นไหว แม้จะเกรงองค์ชายหนุ่มเข้ามาเห็นและถูกลงโทษ แต่ความกระสันอยากซึ่งพวยพุ่งเร่งเร้าร่างกายให้ตอบรับโดยธรรมชาติ
มือหนายกขึ้นกอบกุมฟอนเฟ้นสองเต้าเต่งซึ่งกระเพื่อมส่ายไม่หยุด
“อ้า...เหตุใดร่องของเจ้าจึงคับแน่นเพียงนี้” เสียงคล้ายพึมพำโอดครวญขณะจับสะโพกเล็กไว้แล้วหาจังหวะแทงสวนท่อนเอ็นขึ้นมากระแทกร่องอย่างเต็มแรง
เขาได้ยินเสียงกิจกรรมสวาทซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องตลอดคืน ทั้งเสียงเนื้อกระทบกระแทก และเสียงกรีดร้องครวญคราง ไม่คาดว่าสาวน้อยนางนี้จะยังเหลือเรี่ยวแรงขึ้นโยกขย่มท่อนกายของเขาได้ ยิ่งได้สัมผัสช่องทางคับแน่นตอดรัดถี่รัว ในใจยิ่งไม่อยากเชื่อ
หรือว่าเมื่อคืนองค์ชายเพียงส่งเสียงหลอกล่อให้สายลับแคว้นอื่นเข้าใจผิดไป
ยิ่งโดนดุ้นลำกระแทกสวนขึ้น หลินปินอินยิ่งเสียวสะใจ แม้เมื่อคืนจะโดนกระหน่ำมาทั้งคืนจนร่องดอกไม้บวมสบ แต่นางยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มด้วยอยากเป็นฝ่ายควบคุมบ้าง
“โอ้ววว...ซี้ดดด...ซ๊าดดด..”
เอวเล็กส่ายร่อนไปมาอย่างเริงร่า ร่างน้อยโยกซ้ายโยกขวาเพื่อให้ส่วนปลายแท่งกายได้อัดครูดไปกับผนังด้านในจนเสียดเสียว
“ซี้ดดด เสียวมาก อื้อ...แท่งเนื้อของท่านแข็งมาก...อ้า...”
เสียงร้องอย่างยั่วยวนเรียกความซ่านกระสันให้แก่กุนซือ
หนุ่มจนยิ่งเด้งร่างให้ลำท่อนมุดเข้ามุดออกอย่างคึกคะนอง
“แม่นางหลิน อูวววว...”
เขาย่อมเคยร่วมสวาทกับหญิงสาวมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยรับรสกามาอันซ่านเสียวดังเช่นแม่นางน้อยผู้นี้ ยิ่งมองใบหน้างดงามบาดตากับเรือนร่างเย้ายวนชวนเคลิ้มฝัน ความรู้สึกยิ่งพวยพุ่งด้วยความเสน่หา
หลินปินอินถูกลำท่อนแกร่งทิ่มแทงสวนเข้าสวนออกอย่างเข้มแข็ง จุดอ่อนไหวด้านในโดนเสียดสีจนความเสียวเพิ่มพูนเป็นลำดับ กลีบเนื้อชมพูปลิ้นเข้าปลิ้นตามแรงโยกขยับ จนหญิงสาวทนไม่ไหวเผลอสูดปาดครวญครางเสียงกระเส่าราวคนจับไข้
“ซี้ดดดด อื้อ...ซ๊าดดด...อ้า...เสียววววว...อื้อ...อือ...”
ไม่นานสองร่างก็พุ่งทะยานพบความสะท้านหวาน สั่นกระตุกเกร็งร่างไปเกือบพร้อมกัน
“เป็นอย่างไร ข้าแข็งแรงหรือไม่” หลินปินอินทิ้งตัวลงนอนด้านข้างขณะฮุ่ยจื่อซี่รีบลุกขึ้นสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวนางนี้ถูกองค์ชายหนุ่มเคี่ยวกรำเกือบทั้งคืน ความจริงยามนี้นางควรจะนอนหมดเรี่ยวแรงมิใช่ลุกขึ้นมาจับเขาทิ่มแทงเช่นนี้
“เจ้าจะให้ข้าเชื่อว่าใช้ชีวิตอยู่ลำพังบนภูเขาสูงชัน แล้วจู่ๆก็มาโผล่กลางสนามรบ เรื่องออกจากเหลือเชื่อไปมาก”
“อาจเป็นด้วยเบื้องบนไม่ต้องการให้พวกท่านรบกันก็เป็นได้” หลินปินอินอ้างเรื่องเหนือธรรมชาติไปเสีย
“อืม...” กุนซือหนุ่มครุ่นคิด
“เหตุใดพวกท่านไม่ใช้การพูดคุยเจรจาหาทางกันแต่โดยดีเล่า” หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งทั้งร่างเปลือยเปล่า
ฮุ่ยจื่อซี่อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเรือนร่างขาวผ่องปานหิมะ เอวของนางคอดกิ่วเล็กแทบโอบได้ในมือเดียว เต้าหู้นิ่มยังคงเด้งไหวทั้งรอยแดงที่ถูกทิ้งไว้เต็มสองเต้า
แววตาของนางที่จ้องมองมาเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหล ยามคิดถึงกลิ่นกายหอมหวานเมื่อแนบชิด ความแข็งแน่นของแก่นกลางกายถึงกับพุ่งชี้ดันกางเกงขึ้นมาอีกครา
กุนซือหนุ่มรีบเปลี่ยนไปเล่าเรื่องเพื่อจับสังเกตหญิงสาว
“พวกเราเจรจากันมาสักพักแล้ว ความจริงพวกเราทั้งสามแคว้นล้วนเป็นเครือญาติกัน มารดาขององค์ชายสี่ก็คือองค์หญิงจากแคว้นเฉียง ส่วนฮองเฮาของแคว้นเฉียงก็คืออดีตองค์หญิงจากแคว้นอู่เรา และยังมีองค์หญิงของเราซึ่งเพิ่งแต่งไปให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นปา ความสัมพันธ์ไขว้ไปมานี้ นับว่าน่าจะพอพูดคุยเจรจากันได้
แต่ด้วยแหล่งน้ำนี้อยู่ในแคว้นอู่ ฮ่องเต้ของเราจึงไม่ยินยอมเจรจา ด้วยไม่อยากให้พวกเขาหาเหตุมาแย่งชิงและกลายเป็นปัญหาแก่พวกเราในภายหลัง”
ฟังไปฟังมาหลินปินอินก็งงเสียเอง องค์หญิงองค์ชายแต่งกันไปแต่งกันมา จะนับญาติกันอย่างไร ยังไม่ทันได้ซักไซ้เพิ่มเติมองค์ชายสี่ก็เดินหน้าเคร่งเครียดเข้ามา
