ตอนที่หก แคว้นเฉียงสอบสวนบ้าง
ตอนที่หก
แคว้นเฉียงสอบสวนบ้าง
ฟังไปฟังมาหลินปินอินก็งงเสียเอง องค์หญิงองค์ชายแต่งกันไปแต่งกันมา จะนับญาติกันอย่างไร ยังไม่ทันได้ซักไซ้เพิ่มเติมองค์ชายสี่ก็เดินหน้าเคร่งเครียดเข้ามา
“เหตุใดยังไม่แต่งตัว” ชายหนุ่มปรายตามองด้วยไม่ชอบใจที่หญิงสาวยังคงนั่งเปลือยกายต่อหน้าชายอื่น แม้เขาไม่คิดจะรับนางเป็นหญิงอุ่นเตียง แต่ความหวงแหนย่อมเกิดเป็นธรรมดาเมื่อคิดว่าคือชายคนแรกของนาง
“ข้ามีชุดเสื้อผ้าที่ใดกัน” หญิงสาวกระชากเสียงตอบด้วยเมื่อคืนเขาฉีกกระชากเสื้อผ้าน้อยชิ้นของนางจนขาดกระจุย
“เอาเสื้อคลุมนี่สวมไปก่อนก็แล้วกัน” องค์ชายหนุ่มโยนเสื้อตัวหลวมออกมาด้วยค่ายทหารย่อมไม่มีเสื้อผ้าสตรีให้หยิบฉวย ชายหนุ่มหันไปสั่งกุนซือของตนเอง
“อ๋องเฉิงส่งหนังสือมาแจ้งให้พวกเราออกไปเจรจากัน พร้อมพาตัวนางไปด้วย”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
หลินปินอินเดินตามพวกเขาไปโดยดี จากนั้นจึงถูกจับโยนขึ้นม้าแล้วควบขี่ไปอย่างเร็วโดยไม่แยแสว่านางจะเป็นอย่างไร
เฮ้อ...อุตส่าห์เลือกคนหล่อหน้าตาใจดีที่สุด ไหงกลายเป็นโหดร้ายทารุณ ใจร้ายไปได้
“ช้าหน่อยสิ ข้าเจ็บก้น เมื่อคืนท่านกระแทกไม่ยั้งแรงจนปวดไปหมดแล้ว” เสียงโอดครวญดังออกมาอย่างไม่เกรงผู้อื่นจะได้ยิน
องค์ชายหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจแต่รั้งเชือกเพื่อให้ม้าลดความเร็วลงนิดหนึ่ง
เมื่อถึงจุดนัดพบ พวกเขาทั้งสามทัพต่างนั่งบนหลังม้าเป็นสามด้านเช่นเดิม
“ตกลงแล้วนางคือคนของเจ้าหรือ” อ๋องเฉิงถามขึ้นอย่างใจร้อนโดยไม่รอให้ม้าหยุดนิ่ง
“ไม่ใช่ ข้าสอบสวนนางทั้งคืนได้ความเพียงว่านางแซ่หลิน ชื่อปินอิน และลงมาจากภูเขาสูงนั่น” องค์ชายสี่นำความที่กุนซือกระซิบบอกมาแจ้งแก่ทุกคน
“ภูเขานั่นทั้งสูงทั้งชัน จะมีคนอาศัยอยู่ได้อย่างไรกัน” แม่ทัพแห่งแคว้นปาขัดขึ้นทันที
“เช่นนั้นส่งนางมาให้ข้าสอบสวนเองก็แล้วกัน” อ๋องเฉิงพยักหน้าให้คนของตนเองเดินเข้าไปทำท่าจะรับตัวหญิงสาวออกมา
“เหตุใดต้องส่งให้” องค์ชายสี่หรือจะยินยอมง่ายๆ
“ในเมื่อไม่ใช่คนของเจ้า เช่นนั้นพวกเราก็มีสิทธิ์สอบสวนนางเท่าๆกัน หากคืนนี้ข้ายังไม่ได้ความกระจ่าง พรุ่งนี้ย่อมเป็นทีของแม่ทัพลู่แห่งแคว้นปา วนไปเช่นนี้จนกว่าจะได้ความคืบหน้า” อ๋องเฉิงตัดสินใจเองโดยไม่ถามไถ่
ด้วยมีแม่ทัพแคว้นปาออกเสียงเห็นด้วย จึงกลายเป็นว่าองค์ชายสี่มิอาจทัดทานได้ ชายหน้าดุกระโดดมาอุ้มตัวหลินปินอินไปขึ้นม้าฝั่งของแคว้นเฉียงด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะขี่ออกไปปานพายุหมุน
หญิงสาวถูกโยกจนมึนบนหลังม้าก่อนจะถูกจับเหวี่ยงโยนลงแล้วแบกขึ้นบ่าไปโยนบนพื้นแข็ง
“โอ๊ย! เบาหน่อย เหตุใดต้องรุนแรงเช่นนี้” หลินปินอินตะโกนด้วยความไม่ชอบใจ แม้จะมีความแข็งแรงของร่างเดิม แต่ถูกกระทำอย่างไร้ความปรานีย่อมต้องโอดครวญเรียกความสงสาร
ชายซึ่งพวกเขาเรียกว่าอ๋องเฉิงเดินเข้ามากระชากเสื้อคลุมบนร่างของหญิงสาวออกเพื่อใช้สายตาสำรวจ
“เชอะ องค์ชายสี่กินอย่างอร่อยไปแล้ว มีหน้ามาบอกว่าสอบสวนทั้งคืนได้ความแค่เล็กน้อย” อ๋องหนุ่มมองจ้องเรือนร่างงดงามซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยรักด้วยสายตาไม่บ่งบอกอารมณ์
วิธีสอบสวนหญิงสาวที่ดีที่สุดย่อมคือการข่มขู่ให้หวาดกลัวจนย่อมปริปาก จากร่องรอยแดงทั่วร่าง องค์ชายแคว้นอู่น่าจะทั้งสอดใส่ทั้งรวมร่างมาทั้งคืนแล้ว
“พวกเราจะสอบสวนนางอย่างไรดี” ชายหน้าดุซึ่งแบกหญิงสาวมาเอ่ยถาม
“ในเมื่อไม่มีผู้ใดรู้จักนาง เช่นนั้นก็ได้แต่ขับเคี่ยวจนกว่านางจะยอมคายออกมา” อ๋องเฉียงหลี่เจี๋ยบอกก่อนจะพยักหน้าให้ชายหน้าดุจัดการ
“จางหมิ่น นำนางไปแขวนไว้แล้วพวกเราช่วยกันสอบสวนก็แล้วกัน”
หลินปินอินเงยหน้าอย่างตกใจ
โอ๊ย!...แคว้นนี้เหตุใดดุเดือดเช่นนี้
ชายซึ่งชื่อจางหมิ่นก้าวพรวดมาคว้าร่างบางติดมือไปห้อยแขวนผูกโยงข้อแขนขาวเนียนเอาไว้ทั้งสองข้าง
“เดี๋ยวๆๆๆ เหตุใดต้องรุนแรงเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ พวกท่านล้วนเป็นชายชาตรี อย่าได้รังแกกันถึงเพียงนี้เลย” หญิงสาวใช้น้ำเสียงเว้าวอนด้วยยามนี้ถูกขึงพืดทั้งสองแขนโดยมัดกางออกซ้ายขวาไม่อาจดิ้นหนี
ร่างงดงามขาวเนียนเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ทั้งอกอวบอิ่มใหญ่ล้นและเนินดอกไม้งาม
“ข้าเพียงต้องการสอบสวนเจ้าอย่างเช่นองค์ชายแคว้นอู่ได้กระทำมาทั้งคืนเท่านั้น เพียงแค่เขายังอ่อนด้อยคงไม่อาจบีบเค้นให้เจ้าคายความลับออกมา แต่พวกเรา ข้ากับประมุขพรรคมาร จางหมิ่น ย่อมสอบสวนได้ดีกว่า”
หา! ประมุขพรรคมาร ตายล่ะ ตายแน่ๆ
