บทนำ3
เห็นเช่นนั้นโถวหลางจึงลงมือหนักหน่วงขึ้นเพื่อสยบร่างเล็กให้ยอมจำนน
“ในเมื่อไม่รู้สำนึก เช่นนั้นข้าจะทำให้สำนึกได้เองว่ายามนี้เจ้ามีค่าแค่เนื้อหนังมังสาที่เอาไว้ใช้ปรนเปรอพวกเราชาวเผ่าถูเจียเท่านั้น
ในเมื่อไม่ชอบสถานที่ดีดี บนพื้นหินเช่นนี้ก็ดิบเถื่อนดีเช่นกัน มานี่... มาให้ข้าตอกแทงทะลุทะลวงให้สาสมกับที่บิดาของเจ้าสั่งทหารใช้ดาบทะลวงฟันสังหารชาวบ้านหลายครอบครัวจนญาติพี่น้องของข้าสูญสิ้น” เรี่ยวแรงที่กระชากร่างบางลากครูดไปกับพื้นหินบ่งบอกแรงอารมณ์เคียดแค้นที่คุกรุ่น
เสื้อผ้าบางส่วนที่ยังเหลือติดกายถูกมือหยาบดึงรั้งกระชากฉีกอย่างเอาแต่ใจท่ามกลางสายตาหื่นกระหายของนักรบหลายคนที่ตามมาทันเพื่อจ้องมอง
แทนที่จะห้ามปราม พวกเขากลับส่งเสียงยุเร่งความฮึกเหิมทั้งยังมองร่างอรชรบนพื้นหินที่หอบหายใจจนตัวโยนด้วยแววตาหื่นกระหาย
“เร็วเข้า หัวหน้า พวกเราอยากลิ้มรสห่านฟ้าสูงศักดิ์ของเผ่าอื่นเต็มทีแล้ว”
“แค่ได้เห็นทรวงอกของนาง แท่งกายของข้าก็แข็งตั้งแทบทนรอไม่ไหวแล้ว พวกเจ้าดูสิ ล้นหลามน่ากัดนัก”
ถ้อยคำคึกคะนองที่ถูกตะโกนออกมาบ่งบอกว่าหลังจากผู้บัญชาการตรงหน้า ต่อจากนั้นย่อมเป็นคนเหล่านี้ที่ผลัดเปลี่ยนกันย่ำยีนางจนยับเยิน
ไม่นะ จะยอมให้พวกเขารุมกระหน่ำอย่างไร้ค่าไม่ได้
แม้ในใจไม่ยินยอมแต่เบื้องหน้าแรงกระชากฉีกที่ดุร้ายป่าเถื่อนยังคงโหมลงมาอย่างไม่ยั้งแรง
“ไม่!...ปล่อยข้านะ” หญิงสาวย่อมสัมผัสได้ถึงความโกรธกริ้วและความไม่ปรานีของชายร่างใหญ่ตรงหน้าจึงดิ้นรนสะบัดกายสุดแรง
มือทั้งสองพยายามผลักอกอีกฝ่ายแต่กลับไม่อาจต้านทานเรี่ยวแรงแห่งความดุดันยามคร่อมร่างลงมาจนต้องมองหาโอกาสอื่น
ทำอย่างไรดี?
กลิ่นสาบเหงื่อและคาวเลือดจากการปล้นรถม้าที่ยังติดอยู่บนเสื้อของชายหนุ่มส่งความเหม็นคลุ้งพาให้ใบหน้างามเบือนหนี เสียงลมหายใจหอบกระชั้นของเขาดังใกล้หูท่ามกลางหนทางรอดที่ถูกบีบให้แคบลงทุกขณะ
ชั่วขณะนั้นองค์หญิงต่างเผ่าย่อมสัมผัสได้ถึงเส้นแบ่งบางเบาระหว่างการมีชีวิตรอดหรือถูกย่ำยีอย่างสิ้นศักดิ์ศรี
นางจึงพยายามปัดป้องด้วยรู้สึกว่ากำลังเปิดเผยเนื้อตัวและส่วนสงวนต่อหน้าสายตามากมาย
ครั้นอีกฝ่ายปล่อยมือเตรียมจิกผมของนางให้ลุกขึ้นเพื่อจัดท่วงท่าพอเหมาะ
หญิงสาวจึงฉวยโอกาสน้อยนิดนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งเต็มกำลังแล้วกระโดดลงไปกลางน้ำตกโดยไม่รั้งรอ
ตูม!
