บทที่ 2 ลู่สือหลิง
ในขณะที่ลู่สือม่านกำลังรู้สึกเจ็บปวดกับคำต่อว่าของกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็มีเสียงของสตรีผู้หนึ่งเอ่ยแทรกเข้ามา
“ถ้าหากการที่พี่หญิงของข้าสู้ข้าไม่ได้ ทำให้พวกเจ้ารู้สึกดูแคลนนางว่าเป็นคนไร้ค่า เช่นนั้นพวกเจ้าที่สู้ข้าไม่ได้ก็คงจะเป็นคนไร้ค่าเช่นเดียวกันกระมัง” เสียงของลู่สือหลิงทำให้ลู่สือม่านรู้สึกอับอายมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนที่อยู่ในจวนเจ้าเมืองนางยังเป็นคุณหนูใหญ่ที่ผู้คนเคารพนับถือ แต่พอเข้าสำนักถงซานแล้วคุณหนูใหญ่ที่ผู้คนในจวนเคารพและเทิดทูนเช่นนางกลับตกต่ำถูกผู้คนเหยียบย่ำดูแคลน ส่วนลู่สือหลิงที่ชิงดีชิงเด่นกับนางมาโดยตลอดตอนที่อยู่ในจวน ในยามนี้กลับกลายเป็นคุณหนูรองที่มีความสามารถโดดเด่นจากจวนเจ้าเมืองเทียนเหอไปเสียแล้ว
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ลู่สือม่านเอ่ยกับน้องสาวต่างมารดาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สำหรับนางแล้วต่อให้นางไม่ชอบลู่สือหลิงมากเพียงใด แต่นางก็ไม่อยากให้ลู่สือหลิงต้องผิดใจกับคนพาลที่กำลังหาเรื่องนางอยู่ในตอนนี้ ยิ่งคนในกลุ่มนี้รู้สึกดูแคลนลูกอนุอย่างลู่สือหลิง ลู่สือม่านก็ยิ่งไม่อยากจะให้ลู่สือหลิงเข้ามาเกี่ยวข้อง
“จะไม่ยุ่งก็คงจะไม่ได้ เมื่อครู่นี้พวกนางกล้าเอ่ยถึงข้าด้วยน้ำเสียงดูแคลน ถ้าหากไม่จัดการให้หลาบจำก็ไม่ใช่ข้าลู่สือหลิง” เมื่อลู่สือหลิงเอ่ยจบซวีจื่อเหมยก็ลงมือโจมตีนางก่อนในทันที
ลู่สือม่านอดเอ่ยเตือนออกมาตามสัญชาตญาณไม่ได้ “หลิงหลิง หลบ!” แม้ว่าลู่สือม่านจะไม่ได้เอ่ยเตือนออกมาลู่สือหลิงก็เบี่ยงกายหลบการโจมตีของซวีจื่อเหมยได้อยู่แล้ว ซวีจื่อหลันรีบลงมือจู่โจมลู่สือหลิงซ้ำในทันทีที่เห็นว่าพี่สาวของนางโจมตีพลาด
“นี่พวกเจ้ากล้ารุมนางเชียวหรือ” ลู่สือม่านเอ่ยออกมาด้วยความร้อนใจ ซวีจื่อเหมยจึงหันมาฟาดพลังใส่นางในทันที
“อึก!” พลังที่ซวีจื่อเหมยฟาดมาลู่สือม่านสามารถหลบได้ แต่เพราะนางมัวแต่คิดจะโจมตีลู่สือม่านนางจึงหลบการโจมตีจากลู่สือหลิงไม่พ้น
“เจ้ากล้าทำร้ายพี่หญิงของข้าหรือ” ซวีจื่อหลันเอ่ยพลางฟาดพลังปราณเข้าใส่ลู่สือหลิง ทำให้ลู่สือหลิงต้องรีบกระโดดหลบอย่างรวดเร็วแต่นางกลับไม่เห็นการโจมตีของตู้ฟางเหนียงที่ลอบโจมตีในยามที่นางเผลอ
ซวีจื่ออิงรีบเค้นพลังปราณที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเบี่ยงเบนพลังปราณของตู้ฟางเหนียง ทำให้ลู่สือหลิงรอดพ้นจากการโจมตีของตู้ฟางเหนียง จูเหม่ยฉีที่ยืนดูอยู่รีบรวบรวมพลังปราณเพื่อจะช่วยสหายของตนในทันที ส่วนซวีจื่อหลันที่กำลังโกรธแค้นที่ลู่สือหลิงทำให้ซวีจื่อเหมยได้รับบาดเจ็บก็ซัดพลังปราณใส่ลู่สือหลิงจนนางจำต้องหลบไปหลบมาไม่อาจจะตอบโต้การจู่โจมได้
ลู่สือม่านเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปลู่สือหลิงคงจะต้องเพลี่ยงพล้ำ แล้วหลังจากนั้นทั้งนางและซวีจื่ออิงคงจะต้องถูกเล่นงานเป็นรายต่อไปแน่ นางจึงดึงลูกกลอนเพิ่มพลังปราณออกมาแล้วโยนให้ลู่สือหลิงในทันที
“หลิงหลิง! เจ้ากินยาของข้า” เมื่อลู่สือหลิงได้ยินคำพูดของลู่ม่าน นางก็รีบรับยาลูกกลอนเอาไว้แล้วนำยาลูกกลอนมากลืนกินลงคอไปในทันที
เมื่อลู่สือม่านเห็นการกระทำของน้องสาวต่างมารดาแล้วก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ด้วยนิสัยชอบเอาชนะของลู่สือหลิงทำให้พวกนางสองพี่น้องต่อสู้แย่งชิงความโปรดปรานจากบิดามาโดยตลอด ยามอยู่ในจวนเจ้าเมือง พวกนางสองคนลักลอบเล่นงานกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
เรื่องที่ลู่สือม่านถูกจัดให้อยู่ในลำดับขั้นผู้ฝึกตน ส่วนลู่สือหลิงได้อยู่ในลำดับขั้นสร้างฐาน แถมนางยังได้ยินมาว่าลู่สือหลิงอยู่ในขั้นสุดท้ายของขั้นสร้างฐานแล้วและนางกำลังเตรียมพร้อมที่จะขยับขึ้นไปอยู่ในขั้นสร้างแก่นพลังปราณ ลู่สือม่านก็รู้แล้วว่าตนเองพ่ายแพ้ให้แก่น้องสาวต่างมารดาอย่างไรข้อกังขา แต่สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือในยามนี้ลู่สือหลิงไม่เพียงออกหน้าช่วยนางตีคนแถมยังยอมกินยาลูกกลอนที่นางปรุงกับมืออีกด้วย
“คิดจะรังแกแต่คนที่มีพลังปราณด้อยกว่า เช่นนั้นก็จงลองลิ้มรสการถูกรังแกดูบ้าง” เมื่อลู่สือหลิงเอ่ยจบก็รวบรวมพลังลมปราณแล้วใช้พลังลมปราณที่รวบรวมมาได้โจมตีใส่ซวีจื่อเหมย ซวีจื่อหลัน จูเหม่ยฉีและตู้ฟางเหนียง จนพวกนางได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน
ลู่สือหลิงก้มลงมาจ้องมองฝ่ามือของตนเองที่ในยามนี้สามารถควบคุมพลังปราณได้สมใจอีกทั้งที่จุดตันเถียนของนางดูเหมือนจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ไหลวนอยู่ พลังที่ไหลวนทำให้ร่างกายของนางร้อนผ่าวราวกับจะระเบิดออกมา ลู่สือหลิงจึงรีบส่งเสียงบอกลู่สือม่านในทันที
“พี่หญิงข้า อั๊ก!” เมื่อเอ่ยจบนางก็กระอักเลือดออกมา ลู่สือม่านรีบพุ่งเข้าไปหานางในทันที
“หลิงหลิง! เจ้าเป็นอะไรไป” ลู่สือม่านเอ่ยออกมาด้วยความร้อนใจ เมื่อครู่นี้นางจับตามองการโจมตีของลู่สือหลิงอย่างไม่ให้คาดสายตา นางจึงรู้ดีว่าลู่สือหลิงหาได้ถูกคนกลุ่มนี้โจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ในใจของนางพลันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาในทันทีเมื่อคิดว่าการที่ลู่สือหลิงมีอาการเช่นนี้อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงจากยาลูกกลอนของนาง
“กินนี่ เจ้ากินยาคุ้มใจของข้าก่อน” ลู่สือม่านเอ่ยออกมาพลางใช้มือค้นหายาในถุง มือไม้ของนางสั่นไปหมดจนลู่สือหลิงที่สัมผัสถึงความร้อนรนของนางไว้ต้องยื่นมาจับฝ่ามือของนางแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ไม่ต้องร้อนใจ ข้ายังไม่ตายหรอก” เมื่อลู่สือหลิงเอ่ยออกมาเช่นนี้ลู่สือม่านก็ทอดถอนใจออกมา แล้วค่อยๆ หายาในถุงผ้าของตนเองอีกครั้ง เมื่อพบขวดยาคุ้มใจแล้วนางก็เทยาออกแล้วนำมาป้อนให้ลู่สือหลิงในทันที
“ม่านม่าน!” เสียงเรียกของพี่ชายทำให้ลู่สือม่านเงยหน้าขึ้นแล้วรีบเอ่ยกับเขาในทันที
“พี่ใหญ่ ท่านดูหลิงหลิงให้ข้าที นางกินยาของข้าแล้วก็กระอักโลหิตออกมา” เมื่อลู่สือม่านเอ่ยเช่นนี้ลู่สืออินก็รีบตรงเข้ามาดูอาการของลู่สือหลิงในทันที เขาช่วยประคองร่างของลู่สือหลิงแล้วตรวจจับชีพจรของนาง พลังลมปราณที่ตีย้อนกลับไปย้อนกลับมาทำให้เขารีบเอ่ยถามลู่สือม่านในทันที
“ม่านม่าน เจ้าเอายาอะไรให้นางกิน” คำถามของพี่ชายทำให้ลู่สือม่านนิ่วหน้าแล้วจึงได้เอ่ยออกมาตามตรง
“ลูกกลอนเพิ่มพลังปราณ พอนางกระอักโลหิตข้าก็ให้นางกินยาคุ้มใจ” เมื่อลู่สือม่านเอ่ยเช่นนี้ลู่สืออินก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วนางก็ยอมกิน เมื่อก่อนพวกเจ้าสองคนแทบจะตบตีกันจนตายไปข้างหนึ่งมิใช่หรือ”
คำถามของพี่ชายทำให้ลู่สือม่านชี้ไปที่สตรีชุดม่วงทั้งสี่คน ที่ในยามนี้ช่วยกันประคับประคองร่างกายของกันและกันอย่างทุลักทุเล
เมื่อครู่นี้พวกนางพึ่งจะมีเรื่องกับลู่สือม่านและลู่สือหลิง ยามนี้พี่ชายของสองพี่น้องสกุลลู่ที่มีพลังปราณอยู่ในลำดับขั้นจินตันมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าหากเขาคิดจะเอาเรื่องพวกนางขึ้นมา พวกนางก็คงเป็นได้แค่เพียงฝุ่นผงภายในพริบตาหากเขาลงมือ
“พวกนางรังแกข้า แล้วหลิงหลิงมาช่วย ข้าเห็นว่านางมีแนวโน้มว่าจะถูกคนเหล่านี้รุมรังแก ก็เลยมอบยาลูกกลอนเพิ่มพลังให้แก่หลิงหลิง” เมื่อลู่สือม่านเอ่ยเช่นนี้ลู่สืออินก็ตรวจสอบพลังปราณของลู่สือหลิงในทันที
“นางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ลู่สือม่านเอ่ยถามด้วยความรู้สึกผิด แม้ว่านางจะทะเลาะกับลู่สือหลิงมาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็ไม่เคยคิดจะลงมือทำร้ายลู่สือหลิงเลยสักครั้ง อาจจะมีพลั้งมือตบตีกันบ้างแต่พอลู่สือหลิงเริ่มมีพลังปราณนางก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับลู่สือหลิงอีกเลย...
“พลังปราณของนางอยู่ในขั้นสร้างฐานแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพลังปราณทำให้ร่างกายรับไม่ไหว” เมื่อลู่สืออินเอ่ยจบก็อุ้มลู่สือหลิงขึ้นแล้วเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าจะพาเจ้าไปอาจารย์ฉิน เขาน่าจะช่วยรักษาเจ้าได้ ต่อไปก็จงจำเอาไว้อย่าได้กินยาของม่านม่านส่งเดชอีก” ลู่สืออินเอ่ยพลางอุ้มลู่สือหลิงไปยังหอจันทราของฉินชวนโดยไม่สนใจว่าลู่สือม่านจะติดตามเขามาหรือไม่
ฉินชวนผู้นี้คือหนึ่งในอาจารย์ของสำนักถงซาน ความสามารถของเขาคือการรักษาและปรุงยา ผู้คนต่างก็ยกย่องกันว่าเขาคือผู้บำเพ็ญที่เชี่ยวชาญการรักษาและมีความสามารถในการหลอมยามากที่สุดในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียน อาการของลู่สือหลิงไม่น่าไว้วางใจเขาจึงคิดว่าควรจะพานางไปให้ฉินชวนช่วยตรวจดูอาการของนางอีกครั้ง หากร่างกายของลู่สือหลิงเกิดความผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที
