ตอนที่ 7 มันหวานเผา2
“มันหวานนี่กลิ่นหอมดึงดูดมากจริง เหมือนว่าจะกลิ่นหอมกว่า มันหวานที่ข้าเคยทานซะอีก” เป็นหมิงเมิ่งที่กล่าวขึ้นหลังจากที่เขายกมัน หวานที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาดมระหว่างรอให้เจ้ามันหวานในมือนี้คาย ความร้อนเพื่อที่จะได้กินเนื้อด้านในได้อย่างสะดวกไม่ต้องกลัวร้อนลวก ปาก
“ข้าเองก็คิดว่ามันหวานนี่กลิ่นหอมชวนกินกว่าที่เคยกินมา เช่นกัน ท่านป้าเหมือนว่ามันหวานของท่านจะมีคุณภาพดียิ่ง ไม่ทราบว่า เป็นมันหวานนี่ที่บ้านท่านปลูกเองหรือไม่” ฟูหรงเอ่ยถาม พลางใช้มือ แกะเปลือกมันหวานในมืออย่างยากลำบากเพราะของในมือยังร้อนอยู่มาก แต่ก็ยากจะอดใจร้อนไม่ได้ เพราะสิ่งที่อยู่ในมือชวนกินยิ่งนัก
“บ้านข้าไม่ได้ปลูก เป็นบ้านแม่ครัวหลักอีกคน นั่นไงแม่ครัวถาน เห็นว่าหลานชายของนางเป็นคนปลูกเองทั้งหมด” ท่านป้าแม่ครัวเอ่ยพลางชี้นิ้วไปที่ท่านป้าผู้หนึ่งที่นั่งหลับพิงอยู่กับมุมเสาต้นหนึ่งด้านใน
“แม่ครัวถานคงหลับลึกมาเป็นแน่ พวกเราสนทนากันเสียงดัง เช่นนี้นางก็ยังไม่ลุกขึ้นมาพูดคุยด้วย” หมิงเมิ่งกล่าว
“ปกตินางไม่เคยหลับในช่วงพักเลย ไม่ใช่ว่านางล้มป่วยไปแล้ว หรอกนะ”
ท่านป้าแม่ครัวที่พวกนางสนทนาด้วยอยู่นางเอ่ยอย่างเป็นห่วง นางหันหลังไปมองทางท่านป้าถานครั้งหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปดูอย่างใกล้ ๆ พวกนางสองคนเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินตามเข้าไปด้วย มือก็ยังคง ถือมันหวานเสียบไม้เอาไว้แน่นด้วยกันทั้งคู่
“แม่ครัวถาน แม่ครัวถานเจ้าป่วยตรงไหนหรือไม่” ท่านป้าเพียงถามยังขยับเข้าไปเขย่าตัวแม่ครัวถานอีกด้วย
ทว่าพอเขย่าตัวแม่ครัวถานกลับไม่รู้สึกตัว นางเอนล้มลงไปกับพื้นทันทีสร้างความตื่นตกใจให้กับคนอื่น ๆ ที่มองดูอย่างสนใจรอบ ๆ เป็นอย่างมาก
ฟูหรงกับหมิงเมิ่งเห็นท่าไม่ดีจำต้องทิ้งมันหวานเผาในมือไป ก่อนจะรีบเข้าไปดูแม่ครัวถาน
“นางเสียชีวิตแล้ว พวกเจ้ารีบส่งคนไปรายงานรองเจ้าสำนัก เถอะ” เจ้าของเสียงหวานที่ยามนี้มีท่าทีจริงจังยิ่งเอ่ยขึ้น กับท่านป้าที่ พูดคุยกับนางอยู่ตั้งแต่แรก “ท่านป้า ท่านเป็นคนไปแจ้งด้วยตัวเอง ผู้อื่น ใครก็ห้ามก้าวออกจากโรงครัวแห่งนี้” นางเอ่ยสั่งการต่อ
“หมิงเมิ่งเจ้าเฝ้าประตูเอาไว้ใครก็ห้ามออกไปจากที่นี่” หลิงฟูหรงเอ่ยอย่างเด็ดขาด
เมื่อครู่นางตรวจดูสภาพศพแม่ครัวถานเบื้องต้นก็สามารถดูออกได้ทันทีว่านางตายเพราะถูกไอปีศาจเกาะกินร่างกายและจิตวิญญาณ
ผู้ที่ถูกไอปีศาจเกาะกินนี้ใบหน้าจะดำคล้ำผิวหนังแห้งติดกระดูก ทุกส่วนในร่างกายก็จะถูกกัดกินเช่นเดียวกัน
ทุกอย่างชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของปีศาจ ทว่านางกลับมองไม่ออกเลยว่าจะมีปีศาจตนใดที่จะสามารถเข้ามาทำร้ายคนในสำนักบำเพ็ญเซียนอันดับหนึ่งเช่นนี้ได้
ยามนี้หานซือหมิงกำลังร่วมหารืออยู่กับรองเจ้าสำนักและอาจารย์อาวุโสในสำนักอีกสองท่าน
"ปีนี้มีศิษย์สองคนที่แม้ไม่ต้องเข้าร่วมการคัดเลือกก็สามารถผ่านเข้าไปเป็นศิษย์สำนักหลักได้เลย เมื่อครู่อาจารย์จูก็บอกว่าเจ้าเห็นพวกเขาที่ลานประลองแล้ว เห็นว่าเหมาะสมหรือไม่เล่า"
"ฝีมือและพรสวรรค์ของทั้งสองไม่ธรรมดาจริง ๆ หากให้เข้าคัดเลือกก็คงจะผ่านได้สบายอย่างแน่นอน"
"เช่นนั้นก็ให้พวกเขาผ่านเข้าไปเป็นศิษย์สำนักหลักเลยก็แล้วกัน ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ให้เข้าร่วมการทดสอบเช่นเดิม"
"ข้าน้อยคิดว่าสองคนที่ได้สิทธิพิเศษควรได้รับการทดสอบอื่นแทนด้วยขอรับ เพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับจากศิษย์คนอื่น ๆ ในสำนักด้วย" หานซือหมิงเอ่ย
"ข้าก็ว่าทำเช่นนี้ก็ดีนะ เอาตามที่ศิษย์ซือหมิงกล่าวเถอะ"
"เช่นนั้นการทดสอบพิเศษควรจะเป็นอะไรดี"
"พวกเราช่วยกันเสนอมาทีละอย่างแล้วค่อยคัดเลือกที่เหมาะสมเป็นอย่างไร" รองเจ้าสำนักเอ่ย
ทุกคนในที่ประชุดต่างก็เห็นด้วยกับรองเจ้าสำนัก อาจารย์อาวุโสทุกท่านที่รวมเข้าประชุมช่วยกันคิดการทดสอบพิเศษ ยังไม่ทันที่จะได้ขอสรุปก็มีเสียงเอะอะดังของมาจากด้านนอก
เพียงไม่นานก็มีคนจากด้านนอกเขามาพร้อมกับพาท่านป้าผู้หนึ่งเข้ามาด้วย
ท่านป้าผู้นี้มองแวบแรกซือหมิงก็เห็นว่านางเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นตระหนก
"นั่นไม่ใช่ป้าหวังแม่ครัวหลักหรอกหรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนั้น"
หลิงฝูอี้เอ่ยถามคนของตน
"มีคนตายที่โรงครัวใหญ่เจ้าค่ะ แม่นางที่สวมใส่ชุดของสำนักหลักให้ข้ารีบมาแจ้งว่ามีปีศาจเจ้าค่ะ"
หานซือหมิงยังไม่ทันฟังท่านป้าผู้นั้นเอ่ยจบประโยคดีเลยด้วยซ้ำ เขาก็ตรงเข้าไปคว้าคนของสำนักนอกมาผู้หนึ่งเพื่อใช้เป็นผู้นำทางให้ตน
ไม่ต้องเอ่ยให้แน่ชัดเขาก็รู้ว่า แม่นางที่ท่านป้าเมื่อครู่เอ่ยถึงคือใคร
ที่สำนักนอกเวลานี้มีเพียง หลิงฟูหรง ที่เป็นแม่นางที่มาจากสำนักหลัก
