ตอนที่ 6 มันหวานเผา
พริบตาเดียวเท่านั้นมีบางอย่างปะทะกันขึ้นที่เบื้องหน้าของนางอย่างรุนแรง
กระบี่คุ้นตาตวัดกระบี่เล่มหนึ่งซึ่งกำลังตรงเข้ามาหานางจนกระเด็นออกไปไกลภายในกระบี่เดียว
หลิงฟูหรงนั้นลืมหายใจไปชั่วขณะเลยทีเดียว หากไม่ใช่เมื่อครู่ศิษย์พี่ใช้กระบี่คู่กายของเขาฟันกระบี่นั้นออกไปได้ทันเวลาไม่แน่ว่ายามนี้นางคงเจ็บหนักไปแล้ว
"เจ้าไม่เจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า" เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตนเองร้อนใจจนแทบจะไร้สติ
"ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเลยเจ้าค่ะ"
"เมื่อครู่เป็นกระบี่ของข้าที่เสียการควบคุม ต้องขออภัยศิษย์พี่ทั้งสองด้วยเจ้าค่ะ"
สตรีงามผู้หนึ่งที่นางจำได้ว่าเมื่อครู่กำลังซ้อมประลองอยู่อย่างนั้นเป็นผู้ที่รีบตรงเข้ามาคำนับขอโทษนางในทันที
"อุบัติเหตุไง ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนด้วยเจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจนะ"
"ขอบคุณศิษย์พี่ที่เข้าใจเจ้าค่ะ"
"คงมีเพียงแค่เจ้าที่เฉียดตายเช่นนี้แล้วยังจะมามั่วยิ้มอยู่ได้" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
"ก็ข้ามีศิษย์พี่อยู่ใกล้ ๆ นี่เจ้าคะ ยังมีอันตรายใดที่ข้าต้องกลัวอีกในเมื่อข้ารู้ดีว่าศิษย์พี่ต้องปกป้องข้าได้แน่" นางเอ่ยเสียงหวานพลางออดอ้อนเขาด้วยสายตา ลืมไปชั่วขณะว่ารอบ ๆ ตัวนั้นเต็มไปด้วยศิษย์สำนักนอกไม่ถึงร้อยแต่ก็คงจะหลายสิบคนอยู่ด้วย
“ข้ายังมีเรื่องต้องสนทนากับเหล่าอาจารย์ เจ้ากลับเรือนพักไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วง เชิญท่านสนทนากับท่านอาจารย์ตามสบายเถอะเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงข้าจริง ๆ” นางเอ่ยอย่างรู้ความ
นางยืนส่งจนศิษย์พี่ซือหมิงจนลับตาไปแล้วจึงได้ หันไปหาศิษย์น้องผู้ที่ชวนนางคุยจนเมื่อครู่เกือบจะเกิดเรื่องขึ้น
“เมื่อครู่เจ้ามัวแต่ชวนข้าคุยจนเกือบเกิดเรื่องขึ้นแล้วเห็นหรือไม่”
“เป็นความผิดของข้าเอง ท่านให้ข้าทำความดีลบล้างความผิดเป็นอย่างไร”
“เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าสิ่งใดจะพอลบล้างได้บ้าง”
“ข้าขอใช้ตัวเองชดใช้ความผิด ศิษย์พี่ข้าจะเป็นผู้รับใช้ติดตามเพื่อนเล่นให้ท่านเองในระหว่างที่ศิษย์พี่อยู่ที่นี่ ท่านสั่งให้ไปทางซ้ายข้าไม่มีทางไปทางขวา เป็นอย่างไรพอจะได้หรือไม่”
“ก็ดูท่าจะไม่เลว เอาเป็นว่าอย่างแรกที่อยากให้เจ้าทำก็คือพาข้าเดินชมให้ทั่วสำนัก”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะพาท่านท่องให้ทั่วสำนัก เชิญเลยขอรับศิษย์พี่”
“ได้พวกเราไป”
ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีทีเดียว แม้จะ เพิ่งรู้จักกันเมื่อครู่นี้แท้ ๆ แต่เพราะว่าคนทั้งคู่ล้วนแล้วแต่เป็นคนเปิดเผย ทั้งยังเข้าถึงง่ายทั้งคู่จึงทำให้สนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว
เดินชมสำนักได้สักพัก ก็มาถึงโรงครัวใหญ่ของสำนัก แน่นอน ว่าหากผ่านโรงครัวแล้วไม่แวะก็ไม่ใช่หลิงฟูหรงแล้ว นางลากหมิงเมิ่งให้เข้าไปในโรงครัวใหญ่ด้วยกัน
“ขอรบกวนแล้ว!!!” พุ่งเข้าประตูโรงครัวเข้ามาฟูหรงก็ตะโกนเสียงดังจนทุกคนที่อยู่ในโรงครัวต่างก็หันมามองที่นางเป็นตาเดียวกันหมด
“แม่นาง อยากได้อะไรก็ให้สาวใช้มาแจ้งเถอะ เจ้าไม่ต้องเข้ามาเองหรอก ที่นี่ทั้งวุ่นวายเสียงดังไม่เหมาะกับผู้ฝึกตนเช่นท่าน” ท่านป้าผู้หนึ่งซึ่งดูหน้าตาใจดีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าเพียงแค่ผ่านมา ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกท่านป้า เมื่อครู่เพราะได้กินหอมโชยมาจึงอดใจไม่ไหวเข้ามาดู” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสิ ท่านป้า เมื่อครู่กลิ่นหมอมากจริง ๆ ได้กลิ่นแล้วอยากจะอดใจ ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นอะไรกัน” หมิงเมิ่งพูดเสริม
“ยามนี้เป็นเวลาพักของทุกคนในครัว พวกเราจึงเผามันกินกันง่าย ๆ เท่านั้น กลิ่นที่พวกท่านได้กลิ่นคงเป็นมันหวานเผาคลุกถ่านกระมัง” ท่านป้าเอ่ยพลางชี้ไปที่ด้านหลังของนางซึ่งมีมันเผาเสียบไม้เอาไว้หลายชิ้นวางอยู่
“ท่านป้าให้เราคนละชิ้นได้หรือไม่” หญิงสาวเอ่ยขอด้วยรอยยิ้ม
“แค่มันหวานสองลูกพวกเจ้าอยากกินก็เอาไปเถอะ หากชอบจะเอาเพิ่มอีกก็ได้”
“ขอบคุณท่านป้า หมิงเมิ่งเจ้ารีบไปรับของอร่อยมาเร็วเข้า” นางไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณและสั่งให้ผู้ติดตาม (จำเป็น) คนสนิทของตนเข้าไปนำมันเผามา
