ตอนที่ 5 สำนักนอก2
หลังจากที่ศิษย์พี่ช่วยให้นางได้เข้ามาในสำนักได้แล้ว ก็พานางได้คารวะท่านอารองเจ้าสำนักต่อทันที
พวกเราอาหลานแท้ ๆ ย่อมไม่ต้องมากพิธีนัก แม้ส่วนใหญ่ท่านอาจะอยู่ที่สำนักนอกเป็นหลักแต่ก็จะกลับไปเล่นหมากรุกและปรึกษาเรื่องของสำนักกับท่านพ่อนางอยู่เป็นประจำ อย่างน้อย ๆ กี่ไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละครั้งที่ท่านอาขึ้นไป
แน่นอนนางยังได้ผู้ปกป้องเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ท่านอาหลิงฝูอี้เอ่ยแล้วว่าจะช่วยนางพูดกับท่านพ่อให้ลงโทษสถานเบาแก่นาง หรือไม่นางอาจจะถูกตักเตือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหากท่านอาของนางยืนยันที่จะออกหน้าให้เช่นนี้
ที่พักของนางถูกจัดให้เป็นที่เรือนรับรองเดียวกันกับศิษย์พี่ซือหมิง ห้องพักอยู่ตรงกันข้ามกันเพียงเท่านั้น
“ศิษย์พี่นั่นท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
นางรีบเดินออกมาจากห้องพักของตนทันที เมื่อเห็นว่าศิษย์พี่ของนางเดินออกมาจากห้องพัก
“ท่านอาจารย์สอนกระบี่เชิญข้าไปดูการเรียนการสอนของเขาที่ลานฝึก”
“เช่นนั้นข้าขอไปด้วยนะเจ้าคะ”
“เจ้าจะไปด้วยก็ได้ แต่ห้ามเจ้าสร้างความวุ่นวายเด็ดขาด”
“รับทราบเจ้าค่ะ ข้าจะไม่สร้างความวุ่นวายอย่างแน่นอน” เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว นางก็ทำการติดตามศิษย์พี่ของตนไปทันที
นางได้ยินว่าศิษย์นอกสำนักมีหญิงงามอยู่เป็นจำนวนมาก ใครจะกล้าให้ท่านไปเพียงลำพังกันเล่า นี่คือเหตุผลหลักที่นางตามเขาลงเขามาเลยนะจะยอมพลาดได้อย่างไร
ตรงลานฝึกยามนี้ครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง คงเพราะว่ากำลังมีการซ้อมการประลองที่กำลังจะมีขึ้นจริงในวันอีกสองวัน เสียงร้องตะโกนให้กำลังใจคนที่กำลังประลองวิชากระบี่อยู่ในขณะนี้ดังอยู่ไม่ขาดสาย
ศิษย์พี่ปลีกตัวไปสนทนากับท่านอาจารย์ผู้หนึ่ง หลังจากทักทายตามมารยาทเสร็จเรียบร้อยนางจึงไม่อยู่รบกวนการสนทนาของคนทั้งคู่ หลิงฟูหรงเดินเข้าไปดูการประลองใกล้ ๆ เวทีมากขึ้น
“ท่านคงเป็นศิษย์พี่ที่มาจากสำนักหลัก ข้าหมิงเมิ่งคารวะศิษย์พี่หญิง” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าหลิงฟูหรง” นางตอบกลับ แต่สายตายังจดจ้องกับการประลองบนเวทีอย่างสนใจ
“ศิษย์พี่ ท่านมาได้จังหวะพอดี ผู้ที่กำลังประลองกันอยู่นั้น คือผู้ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งและสองของสำนักนอกเราเลยนะขอรับ”
“ทั้งคู่เก่งมากจริง ๆ การประลองที่ดุเดือดเช่นนี้คุ้มค่าแกการชมยิ่ง”
“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง พวกเขาสองคนต่างก็เป็นชายหนุ่มรูปงาม และสตรีโฉมงาม ถือว่าเป็นผู้ที่เกิดมาเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและพรสวรรค์ยิ่ง ครั้งนี้ผู้ที่ได้เลื่อนขึ้นไปเป็นศิษย์สำนักหลักคงไม่พ้นพวกเขาสองคน”
“คนเก่งเช่นนี้หากได้ฝึกฝนที่สำนักหลักจริงก็คงเหมาะสมแล้ว จะได้บำเพ็ญเพียร ฝึกเวทอาคมเพื่อปกป้องชาวบ้านได้มากยิ่งขึ้น”
“ศิษย์พี่ท่านเองก็เป็นถึงศิษย์สำนักหลักเช่นกัน ท่านเจ้าสำนักรับท่านมาจากสำนักอื่นหรือขอรับ ข้าฝึกฝนที่สำนักนอกมาเจ็ดปีแล้วกับไม่เคยเห็นท่านมาก่อน”
“ข้าไม่เคยฝึกอยู่ที่นี่หรอก เกิดมาก็ฝึกอยู่ที่สำนักในเลย”
“เกิดมาก็อยู่สำนักเลยหรือขอรับ ท่านแซ่หลิงหรือว่า…ไม่สิหรือว่าท่านเจ้าสำนักหลิงฝูเหอจะเป็น…” หมิงเมิ่งเริ่มนึกอะไรออกแล้ว ท่านเจ้าสำนักและท่านรองเจ้าสำนักต่างก็แซ่-หลิงด้วยกันทั้งสิ้น เขาเองก็เคยได้ยินมาว่าท่านเจ้าสำนักใหญ่นั้นมีบุตรสาวอยู่ผู้หนึ่ง
“หลิงฝูเหอ คือท่านพ่อและอาจารย์ของข้าเอง” นางหันไปตอบชายหนุ่มข้างกายทำให้ละจากการประลองบนเวที ใครจะคิดเล่าว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่นางละสายตานั้นอันตรายกำลังจะมาถึงตัว
“หลิงฟูหรงระวัง!!!” นางหันไปตามเสียงเรียกอันคุ้นเคยของศิษย์พี่ซือหมิง ทว่าพอหันไปมองก็พบว่าศิษย์พี่กำลังวิ่งตรงเข้ามาหานางด้วยความรวดเร็ว
ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพปั้นของเขายามนี้เต็มไปด้วยความกังวลจนดูน่ากลัว อะไรกันนางเผลอทำอะไรผิดไปงั้นหรือ…
