ตอนที่ 4 สำนักนอก
หลิงฟูหรงคิดว่าตนเองนั้นมีความสามารถในด้านการลักลอบ ติดตามผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดูจากการที่นางแอบติดตามศิษย์พี่มาตั้งแต่ เขาออกจากโรงเตี้ยมมาก็ยังไม่ถูกจับได้
หญิงสาวนึกภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับ ตัวเอง อยู่ที่หลังต้นไม้จนเผลอลืมตัวไปชั่วขณะว่ากำลังแอบตามคนอยู่ พอกัน ไปมองหาคนที่นางติดตามมาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ดูจากเส้นทางแล้วเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงสำนักนอกแล้วหลิงฟูหมิงไม่รอช้าสาวเท้าวิ่งไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็วจนในที่สุด นางก็มาถึงจุดหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แม่นางท่านนี้ หากท่านไม่มีเทียบเชิญก็ไม่สามารถเข้าไปด้านในสำนักได้ แม่นางโปรดกลับไปเถิดขอรับ” ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าสำนัก เอ่ยบอกนาง
“ข้าเป็นศิษย์สายตรงลงเขามาพร้อมกันกับศิษย์พี่หานซือหมิง พอดีข้าลืมของเอาไว้ที่โรงเตี้ยมที่พักเมื่อคืนจึงกลับไปเอา แล้วให้ศิษย์พี่ ล่วงหน้ามาก่อน” นางเอ่ยพลางส่งยิ้มอย่างจริงใจที่สุด
“แม่นางท่านอย่าโกหกเลย เบื้องบนแจ้งมาว่าจะมีศิษย์จากบนเขา มาเพียงท่านเดียวเท่านั้น จะบอกว่าท่านติดตามมาด้วยกันได้อย่างไร หรือไม่เช่นนั้น แม่นางก็แสดงหลักฐานยืนยันมาเถอะว่ามาจากสำนักในจริง”
หลักฐานหรือนางเป็นถึงบุตรสาวเจ้าสำนักใหญ่ซ้ำยังเป็นหนึ่ง ใน ศิษย์สายตรงบนเขาจะไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างไร
“หลักฐานยืนยันข้าย่อมมีอยู่แล้ว ข้าจะเอาให้พวกเจ้าดูเดี๋ยวนี้”นางยืนยันเต็มเสียงอย่างมั่นใจเต็มร้อย นางหยิบกระเป๋าออกมาเพื่อจะหา ป้ายหยกพกติดตัวที่จะมีเฉพาะคนในสำนักฝึกหลักเท่านั้นซ้ำสียังแบ่ง ฐานะตามสีของหยกที่พกอีกด้วย
หยกพกของนางนั้นมีสีขาวเช่นเดียวกันกับทางพ่อและศิษย์พี่ร่วมอาจารย์เดียวกันทั้งหมด
ค้นหาอยู่นานในกระเป๋าผ้าที่นางแบกกับไม่มีป้ายหยกพกสีขาวที่หา นางทำหายไประหว่างทางจริงอย่างที่กล่าวโกหกเอาไว้ในตอนแรกอย่างนั้นหรือ
“หยกพกของข้าหายไปแล้ว”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่สามารถให้แม่นางเข้าไปได้จริง ๆ เชิญแม่นางกลับไปแต่โดยดีเถอะ”
“ข้าเป็นศิษย์จากสำนักหลักจริง ๆ ดูนี่ ข้ามีชุดสำนักหลักด้วยพวกเจ้าดูซิ” นางไม่ยอมแพ้ ลื้อเอาชุดสำนักหลักของตนออกมาเป็น เครื่องยืนยัน
“แม่นางเจ้านี่ช่างมีความพยายามดีแท้ ถึงขั้นพกชุดสำนักหลัก มาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ให้เข้าไม่ได้ ไม่ใช่เจ้าคนเดียวนะก่อนหน้าเจ้าก็มี คนเคยใช้ชุดเป็นเครื่องยืนยันแล้ว ชุดปลอมพวกนี้ทำได้เหมือนมากจริง ๆ แถมยังหาซื้อได้ง่ายมาก ๆ ด้วย”
“ข้าเป็นคนจากสำนักหลักจริง ๆนะ เชื่อข้าเถอะให้ข้าเข้าไป ยืนยันกับศิษย์พี่ใหญ่หรือท่านอารองเจ้าสำนักก็ได้”
ไหน ๆ นางก็ตามมาถึงขนาดนี้ จะยอมกลับไปง่าย ๆ ได้อย่างไง กัน หากเรียกศิษย์พี่มายืนยันตัวนางได้แม้จะถูกไล่กลับสำนักหลักก็ ตามแต่หากนางดึงดันจะอยู่นางที่เป็นถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้า สำนักใหญ่ใครจะกล้าไล่นาง
พอยืนยันตัวตนได้แล้วทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
ทว่าดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมฟังที่นางบอกเลย กรูเข้ามาหิ้ว ปีกนางคงตั้งใจจะลากไปโยนไกล ๆ จากทางเข้าสำนักเป็นแน่
“ศิษย์พี่ซือหมิง ช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่!!!” หญิงสาวโวยวายดิ้นรนเต็มที่
“ทุกท่านโปรดหยุดมือก่อน”
เหมือนว่าเสียงตะโกนของนางจะได้ผลเมื่อศิษย์พี่ซือหมิง ปรากฏตัวออกมาจากด้านในสำนัก ช่วยนางจากการถูกโยนออกไป เอาไว้ได้
“ศิษย์พี่ซือหมิง ในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว” ฟูหรงเอ่ยพลางวิ่งไปหาชายหนุ่มที่แสนคุ้นเคย นางซบหน้าลงกับไหล่หนาและกอดแขนแกร่งของเขาเอาไว้แน่น
“ข้ากลัวว่าหากยังไม่ออกมา เจ้าจะก่อความวุ่นวายให้ผู้อื่นไม่เลิก”
“ข้าไม่ได้อยากจะก่อความวุ่นวายเสียหน่อย เป็นพวกเขาอย่างไรก็ไม่ยอมให้ข้าเข้าไปหาท่าน”
“พวกเขาทำตามหน้าที่ย่อมไม่ผิด เป็นเจ้าที่ผิดทั้งแอบตามมาแล้วยังทำหยกพกของสำนักหายข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่”
“ล้วนเป็นความผิดของข้าจริงเจ้าค่ะศิษย์พี่” นางยอมรับเสียงอ่อน
“ความผิดของเจ้ากลับสำนักเมื่อไหร่ยอมต้องให้อาจารย์ ลงโทษ”
“เจ้าค่ะ ข้าสมควรโดนลงโทษ กลับสำนักหลักแล้วข้าจะไปขอรับโทษทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“เอ่อ ขออภัยศิษย์พี่ที่ข้าต้องเอ่ยขัดการสนทนาของพวกท่าน” เป็นศิษย์ที่คิดจะโยนนางออกไปเมื่อครู่เป็นผู้กล่าวขึ้น
“ศิษย์น้องเชิญกล่าว” ศิษย์ซือหมิงของนางเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้คือ…”
“นางคือ ศิษย์น้องของข้า นาม หลิงฟูหรง”
